เมื่อพูดถึงวันสงกรานต์ เทศกาลแห่งความสุขและความสดชื่นที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ หลายคนคงนึกถึงการเล่นสาดน้ำเพื่อคลายร้อน และแม้ปีนี้จะไม่ค่อยมีน้ำ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยังไงๆนี่ก็เป็นภาพจำฝังใจ
แล้วจะทำยังไงดีในวันสงกรานต์น้ำน้อยอย่างปีนี้
สำหรับ อ้น-กรกฎ ตุ่นแก้ว เขาว่า สำหรับเขาสงกรานต์ไม่ได้ทำให้นึกถึงการเล่นน้ำ แต่ทำให้เขานึกถึงการได้ใช้เวลาดีๆกับครอบครัว
“เราทำงานตรงนี้ ก็อยู่กรุงเทพคนเดียว พอเรากลับไปก็อยากใช้เวลากับเขา”
ช่วงสงกรานต์ส่วนใหญ่เลยจะกลับเชียงใหม่
เพราะ “สงกรานต์คือวันปีใหม่ ก็ไปทำบุญ กินข้าวกับที่บ้าน หรืออะไรก็ตามที่ไม่ต้องใช้น้ำเยอะ”
อย่างไรก็ดี สำหรับเขาปีนี้วางแผนกับทางบ้านไว้ว่าอยากจะไปต่างประเทศ
“อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อยากจะพักผ่อนบ้าง” อ้นว่าพลางยิ้ม
ขณะที่เรื่องรณรงค์ ขอความร่วมมือให้ใช้การพรมน้ำเบาๆ แทนการสาด เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำนั้น อ้นว่าถ้าทำได้ก็ดี แต่ “จะเป็นไปได้เหรอ”
ผู้กำกับละครอย่าง สันติ ต่อวิวรรธน์ ก็มองคล้ายๆกัน
“สิ่งหนึ่งที่ผมคิดคือการที่ประหยัดน้ำ ไม่ใช่จะมานึกทำตอนสงกรานต์ แต่ควรจะทำโดยตลอด สิ่งที่เรากำลังป้องกันจึงเป็นปลายเหตุมากเลย คนกำลังโฟกัสที่ปลายเหตุ เราต้องมองย้อนกลับไปสเต็ปแรกๆ ว่าน้ำมันเกิดจากอะไร”
“แล้วแค่มองย้อนไปว่าต้นเหตุของภัยแล้งคืออะไร แล้วก็เปลี่ยนที่ตัวเราเอง เริ่มจากเรา”
ซึ่งถ้ามี ‘เรา’สัก 10 คน หรือ 100 คน “มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น เขาว่า
“คือไม่ได้บอกว่าห้ามใช้น้ำนะ ใช้ได้ อะไรจำเป็น ก็ใช้ อะไรที่ไม่จำเป็น ไม่ต้องใช้ แค่นั้นเอง”
เขายังว่า นี่ถ้ามองอีกด้านหนึ่งว่า สงกรานต์ไม่จำเป็นต้องถูกตีความว่าเป็นเทศกาลแห่งความชุ่มฉ่ำ แต่สามารถใช้เทศกาลนี้เพื่อกุศโลบายบางอย่าง
“ผมมองว่าโลกเราคนเห็นแก่ตัวมากขึ้น ทุกวันนี้คนนึกถึงแต่ตัวเอง ไม่ใช่ด้วยความตั้งใจนะ แต่บริบทสังคม ทำให้คนเป็นแบบนั้น จึงน่าจะดี ถ้าสงกรานต์จะเป็นกุศโลบายบางอย่าง เช่น แทนที่จะสาดน้ำ ก็แจกน้ำดื่มแล้วกัน”
“เป็นการเทคแคร์ซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน แล้วกินน้ำจะได้เย็นๆ” เขาบอกพลางยิ้ม
ก่อนจะว่า “ประเทศเราจะน่าอยู่มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องสาดน้ำเพื่อความสนุก อาจจะมีความสุขมากกว่าก็ได้”
ขณะที่ อ้น-สราวุธ มาตรทอง ออกตัวอย่างเร็วว่า ตัวเขาเองไม่ค่อยได้เล่นน้ำกับใครแล้ว เพราะอายุเลยวัยสนุก
“ตอนนี้ชอบอยู่บ้านนิ่งๆ ชอบทำความสะอาดบ้าน เพราะรู้สึกวันปีใหม่น่าจะเป็นอะไรที่มันสะอาดๆ หรือไม่ก็ไปทำบุญ หรือทำอะไรดีๆ”เจ้าตัวว่า
แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ ไม่เล่นเลย เพราะถ้าน้องๆ ใกล้ชิดอยากเล่น เขาก็จะอาสาขับรถพาไปตะลุยสาดน้ำ
ทว่าปีนี้บ้านเราประสบปัญหาภัยแล้งหนัก ดังนั้นหากคิดจะเล่นน้ำสงกรานต์ก็ขอเถอะว่า “เล่นแบบไม่ต้องหักโหม หรือบ้าพลังกันมากมาย ไม่ต้องเล่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงสองทุ่ม”
เพื่อน้ำที่ถูกใช้ในช่วงเทศกาลนี้จะได้ลดลง
ส่วนใครจะอ้างว่า ไม่ได้นะ เพราะร้อนนัก อีกทั้งนานๆที ปีละแค่ครั้งเดียวที่เทศกาลนี้่จะมาถึง อ้นก็ขอให้ย้อนกลับไปอ่านข้อความข้างต้นแล้วคิดใหม่
เอ,แล้วถ้าเปลี่ยนได้ ไม่สาดน้ำละเพราะเสียดาย อย่างั้นสงกรานต์เราจะสาดอะไรดี
“สาดซองเลยครับ” อ้นบอกพลางยิ้ม
ซองซึ่งภายในบรรจุบิลค่าน้ำ และสลิปเงินเดือนที่ได้มาแต่ละเดือน
“ดูว่า เรามีรายได้เท่านี้ เราเสียค่าน้ำ ค่าไฟไปเท่าไร แล้วคิดดูว่าจะเล่นน้ำไหม หรือเล่นแค่ไหนกำลังดี”
บอกอีกว่า เทศกาลนี้สำหรับเขาแล้ว มีอะไรๆที่สำคัญกว่าการเล่นน้ำ
“สิ่งที่ไม่ควรขาด คือควรจะไหว้ผู้ใหญ่ เพราะสงกรานต์ของไทยไม่ได้แปลว่าให้สาดน้ำเล่นกันอย่างเดียว สงกรานต์ของไทย แปลว่าเราควรมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ใหญ่ พ่อแม่ ครู อาจารย์ หรือผู้มีพระคุณ”
“ผมไม่อยากให้คนไทยลืม คุณจะเล่นสุดเหวี่ยงยังไงก็แล้วแต่ เล่นไปเลย แต่อย่าลืมวันที่คุณต้องไปไหว้ผู้ใหญ่”
“เพราะนั่นเป็นหัวใจของเทศกาลนี้ อย่าลืม”
