เปิดใจเส้นทางรักของ ‘วลีพร กุนัน’ ภรรยาวีรบุรุษ พร้อมลั่น “ไม่ขอมีใครอีกตลอดชีวิต”

หลังเหตุการณ์การเสียชีวิตของ  น.ต.สมาน กุนัน หรือจ่าแซม อดีตหน่วยซีล ที่เสียชีวิตขณะเข้าไปช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาดามี่ 13 คน ภายในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ล่าสุด คุณวลีพร กุนัน ภรรยาของจ่าแซมได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow กับเส้นทางความรักระหว่างเธอและสามี จนถึงวันนี้ที่ลั่นวาจาว่าจะไม่รักใครอีก

โดยวลีพรเล่าถึงเหตุการณ์แรกเริ่มความสัมพันธ์ว่า

“ก็ไปเจอกันที่นครพนม ช่วงนั้นพี่แแซมเค้าเป็นนักกีฬาไตรกีฬา แล้วก็คุณพ่อเราเล่นไตรกีฬาเหมือนกันแต่เป็นคนละรุ่น เราก็ไปเชียร์คุณพ่อก็เลยได้เจอกัน ”

” เขาก็ถามว่ามาทำอะไร เราก็บอกว่ามาเชียร์คุณพ่อ เค้าก็ถามว่าพ่ออยู่ไหน ขอสวัสดีคุณพ่อหน่อย และหลังจากนั้นก็คุยกัน ตอนนั้นเราให้เบอร์บ้านไป ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าเค้าเป็นยังไงก็ไม่กล้าให้เบอร์มือถือไปถ้าจะโทรก็โทรเข้าเบอร์บ้านเลยละกัน”

Advertisement

ตอนนั้นตนไม่คิดว่าจ่าแซมจะชอบเธอ ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นพยายามติดต่อมาหาเธอทุกวัน อีกทั้งยังพยายามทำความรู้จักกับครอบครัวของเธออีก

“เขาเป็นคนกล้า กล้าตั้งแต่เข้ามาสวัสดีพ่อ แม่ แล้วก็พอเราให้เบอร์ไป บางทีก็พ่อรับ แม่รับ แต่เขาก็จะบอกว่าถ้าน้องไม่อยู่ เดี๋ยวผมโทรมาใหม่ ฝากบอกไว้เดี๋ยวผมโทรมาอีก”

 

Advertisement

จากนั้นนานนับปี กว่าที่ทั้ง2จะตกลงคบหาดูใจ โดยงานนี้ระยะห่าง และระยะทางไม่เป็นอุปสรรค

“พี่แซมทำทุกอย่างโปร่งใส ถ้าเราถามว่าอยู่ไหน อยู่กับใคร ก็จะบอกว่าอยู่กับน้องที่เก็บตัวด้วยกัน ถ้าเราถามว่าจริงเหรอ ก็จะให้คนนั้นคุยเพื่อยืนยันว่าอยู่ด้วยกันจริงๆ”

หลังจากนั้น 7 ปี เขาและเธอก็มีพิธีแต่งงาน

“เขาก็บอกว่า เนี่ยคบกันมานานแล้ว รู้นิสัยใจคอกันแล้ว ก็มาสร้างอนาคตและสร้างครอบครัวกัน แล้วเขาก็บอกว่าเราอายุเยอะแล้วด้วย”

“ถามว่าพี่แซมโรแมนติกไหม ถ้าเอาดอกกุหลาบ หรือลูกโป่งเค้าจะไม่มีเพราะเค้าเป็นทหาร จะออกแนวแมนๆ เป็นทางการ เป็นผู้ใหญ่ไปเลย”

ชีวิตหลังวิวาห์ของทั้งคู่ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ เพราะทั้งคู่ผ่านช่วงชีวิตลำบากมาด้วยกันถึงขั้นแคะกระปุกประทังชีวิต

“คือพี่แซมเป็นหลักคนเดียว แล้วเพิ่งเข้ามาเงินเดือนเค้าจะน้อย เราก็จะช่วยกัน ก็มีแคะกระปุกก็มีบ้างตามประสา แต่มันก็เหมือนบททดสอบมากกว่า”

“เราประทับใจความเสียสละของเขา คือเวลาไปทำงานเค้าก็จะเอาเงินมาให้เราคนละครึ่งถึงแม้เราไม่ต้องใช้อะไรก็ตาม”

จนวันที่มีเหตุการณ์ถ้ำหลวงเกิดขึ้น

” พี่แซมบอกว่าจำนวนวันมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คนข้างในไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง ตอนแรกไม่มีอะไรก็ตามข่าวปกติ แต่สักพักเค้าน่าจะไปคุยในกลุ่มส่วนตัวของเขาเราก็ไม่รู้ เขาก็ขึ้นเฟซบุ๊กว่าอุปกรณ์ดำน้ำมันไม่พอ เขาขอจะขอเสริม ขอบริจาค โดยที่เค้าจะเป็นคนเอาไปให้ที่นู้น”

ทั้งที่ตอนแรกสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อยากไปส่งความช่วยเหลือด้วยตัวเอง

“เขามาบอกแค่ว่าเอาอุปกรณ์เสริมพวกนี้ไปส่งให้หน่วยทางโน้น อยากไปส่งเอง”

จริงๆ งานที่พี่แซมทำไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับที่นู้น
ใช่ค่ะ แต่เค้าเป็นซีลนอกราชการที่ออกมาแล้ว แต่ยังมีความสัมพันธ์พี่น้อง คุยกันตลอด

ในวันที่สามีจะเดินทางตนได้สอบถามความสมัครใจของสามี ซึ่งจ่าแซมก็ยีนยันว่าพร้อมจะไปจริงๆ

“เขาก็บอกว่า ไปจริงๆ รับปากแล้วก็ต้องไป ต้องทำสิ เราก็เลยบอกว่าไม่ไปได้ไหม ซึ่งมันไกลด้วย เพราะเราดูข่าวตลอดเค้ามีเจ้าหน้าที่เฉพาะทางอยู่แล้ว เขาไปคงจะช่วยได้ไม่เยอะ”

จนถึงวันที่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

“ทราบจากเพื่อน ตอนแรกเขาโทรมาหาพี่ที่อยู่ด้วยกันให้มาคุยกับเราว่าติดต่อสามีได้ไหม ซึ่งเราไม่ได้รับก็เลยโทรกลับ แต่ก็แปลกใจเพราะปกติเขาไม่โทรหา แล้วเขาก็บอกว่าช่วยเช็กได้ไหมว่ายังติดต่อสามีได้ไหม เราก็ใจเสียแล้ว”

“แต่พี่เขาบอกว่าอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะข่าวยังไม่ออก เราก็เลยบอกว่าขอร้องโทรกลับไปหาคนที่ให้ข่าวมาหน่อย ซึ่งเป็นเพื่อนเราเอง เราก็ถามตรงๆ ว่ามีชื่อไหม เขาก็บอกว่าชื่อสมาน แต่อาจจะเป็นคนละ สมานก็ได้”

ตอนนั้นเธอตัดสินใจตรวจสอบความจริงจากทุกวิถีทาง

“ก็ไลน์ไปหาน้องอีกคน ถามว่าพอจะมีใครที่จะติดต่อรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ที่ไปช่วยที่ถ้ำไหม หนูก็โทรกลับไปถาม พี่เขาก็ถามว่าหนูอยู่ไหน หนูมาหาพี่เลย หนูก็พยายามพี่้เขาก็บอกให้มาหาพี่ก่อน หนูก็ลงไปแล้วเค้าก็ค่อยๆอธิบายให้ฟัง”

จนสุดท้ายเมื่อรู้ความจริง ตนคิดอะไรไม่ออก นอกจากเสียใจร้องไห้กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งที่ตอนใช้ชีวิตด้วยกัน สามีเคยพูดถึงการเสียชีวิตของตนเอง

” เขาก็บอกว่ามันเป็นธรรมชาติ เกิดมาก็ต้องตายทุกคน หนูก็ต้องตาย แต่ว่าการตายของเรามันแตกต่างกัน เค้าก็บอกว่าตายยังไงถึงจะภูมิใจที่สุด คือทุกคนคนต้องตายแต่สิ่งที่เหลือไว้คือความดี”

แต่เมื่อถึงวันที่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายจากไป ตนก็คิดอะไรไม่ออก

“เหมือนมันมือแปดด้าน คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว มันเร็วมาก เรายังไม่ได้เตรียมตัว ใจเราจดจ่อกับไลน์ของเค้าที่จะเด้งกลับมาบอกเราว่า วันนี้กลับแล้ว”

จนถึงวันนี้ที่หัวใจเข้มแข็งสิ่งที่เธออยากบอกกับสามีก็คือ

“อยากบอกว่าไม่อยากให้เค้าห่วง จะทำแทนทุกอย่าง แล้วพ่อกับแม่ยังไงก็จะไม่ทิ้ง ส่วนตัวเราเองก็จะพยายามที่จะเป็นหลักให้เพราะคุณพ่อ คุณแม่ก็ยังไม่เต็มร้อย”

โดยที่หลังจากนี้เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีใครอีกเลยตลอดชีวิต

“คือไม่มี ไม่เอา ไม่ต้องการด้วย เพราะเคยพูดไว้แล้วว่าไม่มีใครมาแทนพี่แซมได้ คือไม่ได้โกรธเขา มันเป็นสิทธิของเค้าที่เขาจะคิด เพราะเขาไม่ได้มาอยู่กับเรา มันไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวเรา”

ขอบคุณ Orange Mama

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image