เพราะสถาบันครอบครัวเป็นจุดเริ่มต้นของคุณภาพชีวิตของทุกคน ดังนั้นวันที่ 14 เมษายนของทุกปีจึงถูกกำหนดให้เป็น “วันครอบครัว” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความรัก ความอบอุ่น และความสุขในครอบครัวมากที่สุด
เนื่องในวันดีๆ แบบนี้ เราลองมาอ่านเรื่องราวสุดประทับใจของเหล่าดาราที่มีต่อครอบครัว กับแง่มุมน่ารักที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
เริ่มจากพระเอกหนุ่ม ธัญญ์ ธนากร ที่เล่าว่า ถ้าให้นึกถึงประสบการณ์อะไรที่มีกับครอบครัว สิ่งแรกที่นึกถึงคือวีรกรรมวัยเด็กกับ ‘ตู้ปลาทอง’
“และความทรงจำของผมกับแม่ คือกระโดดถีบตู้ปลาทองตัวเองแตก” เขาว่า
ก่อนจะเล่าว่า อันที่จริงครอบครัวก็พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครนี่แหละ แต่ด้วยความที่เขานั้นดื้อมาก แม่เลยคิดจะส่งตัวไปให้ย่าช่วยอบรมที่จ.พระนครศรีอยุธยา
“แม่บอกให้ไปอยู่กับย่าดีกว่าที่อยุธยานะ แล้วเขาก็ซื้อตู้ปลาให้ตู้หนึ่งเหมือนเป็นสินกำนัล พอรู้เท่านั้นล่ะ เรากระโดดถีบตู้ปลาทองเลย”
อย่างไรก็ดี พฤติกรรมดื้อจัดแบบนี้ก็ค่อยๆลดลง เมื่อเติบโต และรู้ว่ามีสถานะเป็นพี่ที่ต้องดูแลน้องชายอีก 2
“พ่อแม่จะเลี้ยงแบบให้เราเจอ และแก้ปัญหาด้วยตัวเอง”
แต่กระนั้่นก็อยู่ข้างๆ เพื่อให้กำลังใจตลอด
“เราจะทุกข์แค่ไหน จะมีความสุขแค่ไหน ผมเชื่อว่าครอบครัวและพ่อแม่จะดีใจมากกว่าเราสองเท่า และจะทุกข์มากกว่าเราสองเท่า”
ดังนั้น “แค่เขาพูดว่าเหนื่อยไหม พักผ่อนบ้างนะ นอนบ้างนะ” ไม่กี่คำเท่านี้ ได้ยินทีไรก็มีกำลังใจสู้ต่อ
ขณะนางเอก โบว์ – เมลดา สุศรี ก็ว่าเรื่องที่จำได้ไม่ลืม คือการแย่งกันหนีแมลงสาปของเธอกับพ่อ
“พ่อเป็นคนกลัวแมลงสาบ โบว์ก็กลัว แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งพอเจอก็แย่งกันขึ้นเก้าอี้” คนเล่าๆพลาดหลุดหัวเราะ
ก่อนจะพูดต่อว่า “แล้วพ่อเป็นคนตัวใหญ่ พอขึ้นเก้าอี้ตัวเดียวกัน คนที่ล้มก็คือโบว์ไง เราก็ลื่นลงมา แล้วแม่ก็บ่น โอ๊ย! เป็นผู้ชายอะไรกลัวแมลงสาบ ดูลูกสิเป็นแผลหมดแล้ว”
แม้จะฟังดูเป็นครอบครัวสายเฮฮา แต่โบว์ก็ว่าสมาชิกในบ้านเธอมักให้กำลังใจกันและกันเป็นประจำ
“โบว์เองก่อนออกจากบ้าน พ่อกับแม่จะบอก สู้ๆ วันนี้สู้ๆ ไปถ่ายละครให้เต็มที่”
เพชร – เผ่าเพชร เจริญสุข ก็ว่าความที่บ้านเขาอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ มีทั้งที่คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า แล้วก็พี่ๆ น้องๆอยู่ด้วยกันนับแล้วก็เกิน 10 คน ดังนั้นเวลามีกิจกรรมอะไรคนทั้งบ้านก็จะยกโขยงกันไปเชียร์
“สมัยเด็กๆ ผมชอบไปแข่งกีฬา แข่งเทควันโด แข่งบาสฯ บางทีก็มีไปแสดงโขนตามที่ต่างๆ ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า แล้วก็พี่ๆ น้องๆ ก็จะตามไปเชียร์ทุกที่ ตามไปดูทุกครั้ง”
“ไม่เคยมีที่ผมจะต้องไปแข่งคนเดียว หรือแสดงคนเดียวโดยที่ไม่มีพวกเขา”
“มันเป็นสิ่งที่น่ารัก แล้วทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นมากๆ บางทีไปจันทบุรี ไปขอนแก่นเขาก็ตามไป เพื่อแค่ไปเชียร์ ผมรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่น่ารักมากที่คอยตามให้กำลังใจเราตลอดไม่เคยทิ้ง”
และแม้ทุกวันนี้จะไม่ได้มีกิจกรรมหรือการแข่งขันอะไรที่ให้ทุกคนตามไปเชียร์ได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ทุกครั้งที่กลับไปบ้านเขาก็รู้สึกได้ถึงกำลังใจที่ทุกคนมอบให้
“บางทีผมเหนื่อยจากการถ่ายละคร กลับบ้านไปเจอคุณพ่อคุณแม่ ถามว่ากินอะไรหรือยัง เหนื่อยมากไหม วันนี้เป็นไงบ้าง ผมก็ชื่นใจแล้วครับ”
สำหรับ บุ๊คโกะ-ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล ก็ว่า สำหรับเธอ”ครอบครัวเป็นเหมือนเชื้อฟืน ที่ทำให้บุ๊คโกะมีแรง มีกำลังทำงานต่อไปเรื่อยๆ”
และเพราะเผชิญความยากลำบากมาด้วยกัน ทุกวันนี้ครอบครัวจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
“เราลำบากด้วยกัน เลยทำให้รู้สึกรักกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้เราอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ครอบครัวเป็นสถาบันแรก และเป็นถาบันเดียวที่ทำให้เราเข้มแข็งและแข็งแกร่ง”
“ครอบครัวบุ๊คโกะเป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่แล้ว ทุกๆ วันเป็นวันที่อบอุ่น ประทับใจ”
ฉะนั้นแล้ว หากมีเวลาอยู่กับครอบครัว เหล่าสมาชิกจึงจะไปกินข้าวด้วยกัน ส่วนเรื่องน่ารักๆ อย่างการมอบพวงมาลัยหรือไหว้คุณแม่ เธอว่านั่นก็ทำเป็นประจำอยู่
เพราะ “ทุกวันเป็นวันครอบครัวสำหรับเรา ทุกวันเป็นวันที่สำคัญสำหรับบุ๊คโกะ ไม่จำเป็นต้องเทศกาลหรอก เราก็แสดงความรักได้”
เช่นเดียวกับ แก้ม-กวินตรา โพธิจักร ก็ว่า “ครอบครัวเป็นแรงพลักดันที่สำคัญมากๆ ในชิวิตแก้ม เป็นอันดับหนึ่งเลยค่ะ”
ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือการใช้ชีวิต เธอก็มีแรงบันดาลใจมาจากครอบครัวทั้งสิ้น นั่นจึงทำให้ครอบครัวสำคัญกับเธอมาก
แต่ “พอเราโตขึ้นภาระหน้าที่การงานมันทำให้เราต้องแยกย้ายกันไป แล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะได้กลับมานั่งทานข้าวเป็นครอบครัว”
“ถ้าเราเด็กกว่านี้เราจะมีโอกาสได้อยู่พร้อมหน้ากันมากกว่านี้” เธอเล่าด้วยแววตาคิดถึงวัยเด็ก
ฉะนั้น หากมีเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง เธอก็จะรีบนัดคนที่บ้านมาทานข้าวกัน
ก็อย่างที่ว่า “ยิ่งโต เรายิ่งมีเวลาน้อยมากๆ”
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน วันที่เท่าไหร่ “เราก็สามารถทำให้เป็นเวลาครอบครัวได้ค่ะ”