ภาพสะท้อนจาก ‘The Huntsman Winter’s War’

เข้าสู่โลกแฟนตาซีอีกครั้งกับ The Huntsman Winter’s War หรือชื่อภาษาไทยว่า พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง ผลงานกำกับของ เซดริค นิโคลัส-โทรยัน เรื่องราวการต่อสู้ระหว่างสองราชินีและเหล่าพรานป่า ที่ถือได้ว่าเป็นทั้งภาคก่อนหน้าและภาคต่อของ Snow White and the Huntsman ที่เคยฉายไปเมื่อปี 2555

หนังว่าด้วยเรื่องของการแย่งชิงอำนาจระหว่างสองพี่น้อง “เฟรย่า” ราชินีผู้น้องที่แสนดี แต่โดนทำร้ายเพื่อปลุกพลังเวทย์ในตัวโดยราชินีปีศาจผู้พี่ “ราเวนน่า” ที่พร้อมจะใช้พลังชั่วร้ายเพื่อครอบครองอาณาจักรด้วยการใช้พลังแห่งกระจกวิเศษชักนำจิตใจผู้ครอบครอง ซึ่งมี “อีริค” และ “ซาร่า” สองพรานป่าเป็นตัวแปรสำคัญของสงครามครั้งนี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ที่เติมเต็มเรื่องราวในจินตนาการให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มสีสัน ใส่อรรถรส และเติมตัวละครลงไป ทว่าการเล่าเรื่องกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะใช้เวลากับการปูเนื้อเรื่องมากเกินไป ประกอบกับมีฉากการต่อสู้ซึ่งเป็นจุดไคลแม็กซ์เพียงน้อยนิด ทำให้บางช่วงตอนรู้สึกน่าเบื่อ

แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงความน่าสนใจและชวนให้รู้สึกตื่นเต้นได้ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมง คือการใช้สเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์สุดอลังการ สามารถเนรมิตรทุกฉากให้สวยงามได้เกินกว่าใจคิด อีกทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับก็ดูวิจิตรตระการตา สมกับเป็นตัวละครในเทพนิยาย

Advertisement

The Huntsman Winter's War

อีกเรื่องที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน คือฝีมือการแสดงของดาราระดับแถวหน้าของวงการฮอลลีวูด ทุกครั้งที่อีวิลควีนเช่น ชาร์ลิซ เธอรอน ปรากฎกาย เหมือนมีประกายแสงของราชินีร้ายพุ่งออกมาตรึงทุกสายตาให้จับจ้องมาที่เธอ ขณะเดียวกันผู้รับบทราชินีน้ำแข็งอย่าง เอมิลี่ บลันท์ ก็สามารถสร้างความตกตะลึง ด้วยการถ่ายทอดอารมณ์อันลึกลับซับซ้อนภายในจิตใจให้เราได้เห็นผ่านทางสายตาอย่างชัดเจน

ด้านสองพรานป่าอย่าง คริส เฮมส์เวิร์ธ และ เจสสิก้า แชสเทน ก็ไม่ด้อยหน้า แม้ว่าจะโดนรัศมีของสองราชินีกลบไปบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงโดดเด่นด้วยพลังการแสดงของตัวเอง

Advertisement

นอกจากความหรรษาแล้ว หนังเรื่องนี้ยังบอกกับเราด้วยว่า ภาพที่เราได้เห็นคือมุมที่เราเลือกจะมอง ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่ทั้งหมดของความเป็นจริง เหมือนกับที่ราเวนน่าเลือกมองเพียงความงามของตน โดยไม่สนใจถึงความผิดชอบชั่วดี เมื่อมายาครอบงำจิตใจที่กระหายอำนาจเป็นทุนเดิม แม้ต้องหักหลังคนที่รักก็จำยอม

สิ่งเลวร้ายที่ตามมา มิใช่เกิดจากมนต์วิเศษของกระจกเป็นผู้เสกสรรค์ หากแต่เกิดจากความมืดดำในจิตใจ ความอิจฉา ริษยา และเห็นแก่ตัว นั่นต่างหากคือตัวบงการให้คนหนึ่งคนสร้างเรื่องราวสะเทือนใจได้เช่นนั้น

ดังเช่นที่กระจกวิเศษพูดกับราเวนน่าว่า “ข้าไม่ได้ขอให้ท่านทำสิ่งใด ข้าเป็นเพียงภาพสะท้อน แต่ท่านต่างหากคือผู้ตัดสินใจว่าจะทำเช่นไร”

ฉะนั้นแล้ว กระจกจึงเป็นเพียงอุปกรณ์สะท้อนภาพความเป็นจริง อยู่ที่เราต้องยอมรับให้ได้

หากมิอาจยอมรับได้ วันหนึ่งจิตใจคงแตกสลายเฉกเช่นกระจกที่ถูกทำลายเพียงเพราะความเห็นแก่ตัว

The Huntsman Winter's War

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image