‘แหม่ม คัทลียา’ ย้อนอดีตเล่าลำดับชั้นแห่งเพศชาย-หญิง ในครอบครัวของชีวิตตัวเองจริงๆ

“ขอบคุณพี่ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) เพราะถ้าพี่ย้งไม่ได้เป็นคนมองเห็นภัสสรในตัวเรา คงไม่มีโอกาสมารับบทนี้” คือความในใจของแหม่ม คัทลียา กระจ่างเนตร์ ผู้กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในบทของ ‘ภัสสร’ จากละคร ‘เลือดข้น คนจาง’

แหม่มเล่ายิ้มๆด้วยว่า ตอนได้รับการทามทาบ เธอตอบรับทันที ท้้งๆยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้เล่นเป็นตัวละครใดหรือมีบทบาทมากน้อยแค่ไหน

“ติดตามผลงานมานาน พอเขาติดต่อมา ก็เฮ้ย! เป็นรับเชิญหรืออะไรนิดๆหน่อยๆก็เอา อยากได้ประสบการณ์ อยากร่วมงานกับพี่ย้ง กับจีดีเอช กับนาดาว” ว่าแล้วก็เผยรอยยิ้มกว้างขึ้น

Advertisement

เมื่อบทมาถึงมือแหม่มบอกว่าได้พยายามทำการบ้าน ทำความเข้าใจตัวละคร ทั้งยังโชคดีที่ผู้กำกับการแสดงช่วยแนะนำเพิ่มเติม แถมพอเจอเนื้อเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว คราวนี้จึงยิ่งอินใหญ่

“จะสัมผัสได้ เพราะเรามีเชื้อจีน และก็เป็นคนรักครอบครัว มีลุง ป้า น้า อา ต่างๆ”

อย่างไรก็ดี ครอบครัวในชีวิตจริงไม่ได้มีการแบ่งชนชั้นของ ‘ลูกชาย’ กับ ‘ลูกสาว’ เข้มข้นเท่า ‘ตระกูลจิระอนันต์’ ในละคร

Advertisement

“ไม่ได้แบ่งแยกกันชัดขนาดนั้น”

“แต่พอนึกย้อนไป จำได้ว่ามีงานกงเต็กคุณตาตอนประมาณ 10 ขวบ ก็จะมีลำดับชั้น แบ่งแยกการแต่งตัวไม่เหมือนกัน แต่เราเด็กมาก ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยได้สังเกต หรือก่อนหน้านี้จะมีการแจกแต๊ะเอียในวันตรุษจีน ก็ไม่รู้หรอกว่าหลานชายได้ก่อน พี่วิลลี่ (วิลลี่ แมคอินทอช) ได้ก่อนตลอด เราแค่ดูว่าเราได้เท่าไหร่ จะเอาไปซื้ออะไรดีนะ” เล่าพลางหัวเราะ

เธอยังบอกด้วยว่าอาจเพราะความเป็นคนไม่คิดมากจึงไม่ได้เทียบด้วยซ้ำว่าพี่ชายได้เยอะกว่าน้องสาวหรือไม่

‘คัทลียา’ จึงไม่ได้สั่งสมความรู้สึกกดดัน หรือน้อยใจเหมือนอย่างที่ ‘ภัสสร’ เป็น

“แต่ฟังจากคุณแม่เล่าก็พอโยงได้ ว่าคุณตาเห็นความสำคัญของลูกชายมากเหมือนกัน ทั้งที่แม่เรียนเก่งมาก สอบได้ที่ 1 ตลอด วันหนึ่งพอได้ที่ 2 ก็โดนตี แต่น้าชายหรือคุณลุงไม่เคยโดนดุ หรือโดนอะไรเลย”

ตอนเล็กๆเธอเองยังเคยสงสัย ว่าทำไมแม่จึงต้องช่วยล้างบ่อปลา ช่วยอาบน้ำสุนัข ข่วยปลูกกล้วยไม้

“แล้วคุณลุง น้าชาย หายไปไหนดี ก็ย้อนนึก”

“แต่ด้วยขนบธรรมเนียมประเพณี ลูกสาวก็อัตโนมัติ ก็เข้าใจ”

“อาจเพราะลูกชายต้องสืบสกุล พานามสกุลนี้ให้เจริญต่อไป ขยายไปอีก ออกไปทำงาน ลูกสาวก็มีหน้าที่อยู่ข้างหลัง จากในบ้าน”

การทำงานที่ต้องเจอนักแสดงหลายรุ่นในเรื่องนี้ แหม่มบอกว่าเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน โดยเฉพาะกับนพพล โกมารชุน ซึ่งเป็นคนที่เธอรอคอย อยากร่วมงานด้วยมานาน “รู้สึกมีบุญมากที่ได้ร่วมงานกับเขา เล่นละครร่วมฉากกับเขา”

การได้แสดงกับภัทราวดี มีชูธน ก็เช่นกัน

“มันคือความฝันของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ก็จะใจเต้นรัว มือไม้เย็นเวลาเข้าฉากด้วย”

“รู้สึกว่ากิริยาการเคลื่อนไหวร่างกาย สีหน้า แววตา การยิ้ม การขยับแขน ขยับขา หรือน้ำเสียงของเขามหัศจรรย์มาก”

ด้านนักแสดงรุ่นเล็ก ทุกคนก็น่ารัก

“พยายามจะละลายพฤติกรรม ละลายกำแพง เจอเด็กๆเราก็กอด เปรียบเสมือนและรู้สึกว่าเขาคือลูกเราจริงๆ และคนอื่นๆอีกห้าคนคือหลาน เรารักเหมือนลูกเหมือนหลาน”

“พวกเขามีความตั้งใจมาก แม้จะเป็นเรื่องแรกของบางคนแต่ถือว่าสอบผ่านและทำได้ดีทีเดียว เนื่องจากพวกนี้ไม่ฉาบฉวย ตั้งใจ ทำการบ้านและพร้อมจะศึกษา ฟังคำแนะนำสั่งสอน เราแอบดูเด็กรุ่นใหม่ด้วยว่า ณ ขณะนี้ไปถึงไหนกันแล้ว ซึ่งก็มีเสน่ห์อีกแบบหนึ่ง มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ประดิษฐ์คิดค้นอะไรมาก มีความคิด มีการนำเสนอวิธีการเล่นหลากหลายให้เลือก ว่าเอาแบบนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมเล่นอีกแบบให้ดู เด็กรุ่นใหม่ใช้ได้ทีเดียว”

สำหรับในส่วนของเสียงตอบรับ โดยเฉพาะกับตัวเธอที่หลายคนชมว่าถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้ดีเหลือเกิน แหม่มบอกด้วยเสียงปลาบปลื้มว่า รู้สึกขอบคุณทุกๆคน

“เป็นความชื่นใจสำหรับคนเป็นนักแสดงนะคะ ไม่จำเป็นต้องมีถ้วย หรือมีอะไรๆให้ ก็รู้สึกว่าเป็นเหมือนรางวัลสำคัญที่สุดแล้ว”

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image