เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่มีผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกันตลอด สำหรับนักแสดง ดีเจ มากความสามารถ พุฒ-พุฒิชัย เกษตรสิน โดยผลงานล่าสุดที่กำลังออนแอร์อยู่ ณ ขณะนี้คือเรื่อง “Happy Birthday วันเกิดของนายวันตายของฉัน” ซีรีส์แนวดราม่าซัสเปนส์ ที่ได้ประกบคู่กับ มายด์-ลภัสลัล จิรเวชสุนทรกุล ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.30 น. ทางจีเอ็มเอ็ม 25
เป็นเรื่องราวของธารน้ำ วิญญาณที่ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้เพราะยังมีบ่วงในจิตใจที่ยังแก้ไม่ออกและเธอยังจำสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายไม่ได้ จนเวลาผ่านไป 17 ปี เธอได้พบกับน้องชายที่สามารถมองเห็น เธอจึงใช้โอกาสนี้ขอความช่วยเหลือเพื่อสืบเรื่องราวต่างๆ ของตัวเอง
“ครั้งแรกครับ กับน้องมายด์ เคยร่วมงานกันในโปรเจ็กต์ Ugly Duckling รักนะเป็ดโง่ แต่ว่าเล่นคนละเรื่องกันก็เฉียดกันไปเฉียดกันมา เรื่องนี้ก็มาเจอกันแต่มาเจอกันในพาร์ตที่ดราม่าใส่กัน” พุฒเล่า
แล้วว่าเรื่องนี้ เป็นการรับบทดราม่าที่หนักหน่วงที่สุดของเขาเลยก็ว่าได้ ก่อนเล่นจึงต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆ ด้าน มีไปเวิร์กช็อป รวมถึงเรียนการแสดงเพิ่มเติม เพื่อจะได้ซึมซับความเป็นตัวละครในเรื่อง
“ด้วยความที่เป็นดราม่า และไม่ใช่แค่ตัวพุฒที่ดราม่า แทบจะทุกตัวละครก็จะมีเส้นเรื่อง มีปมในเรื่องของตัวเอง ก็จะมีความดราม่าที่แบบแตกต่างกันไป”
ในส่วนของเขาซึ่งรับบทเป็น “ที” เจ้าตัวยอมรับว่าเรื่องนี้เล่นยากมากๆ
“ยากมาก ไม่ชอบดราม่าเลย แต่มันก็ท้าทายความพยายามและความเป็นนักแสดงของเราครับ เพราะสุดท้ายแล้วเล่นละครยังไงมันก็ต้องเจอ เส้นเรื่องดราม่าอยู่แล้ว”
บทดราม่าที่ว่าคงจะเป็นบทร้องไห้ ที่งานนี้พุฒถึงกับย้ำแล้วย้ำอีก “ร้องไห้เยอะ ร้องไห้เยอะมาก”
“อยู่คนเดียวก็ร้องไห้ กินเหล้า รู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งหรือเปล่าที่ทำให้นางเอกฆ่าตัวตาย และทุกปีตลอด 17 ปี เขาก็จะมาหาธารน้ำเพื่อเอาดอกไม้ไปหวนรำลึกถึง
“Happy Birthday วันเกิดของนายวันตายของฉัน” แม้ชื่ออาจฟังดูน่ากลัว แต่พุฒก็การันตีว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และเป็นซีรีส์อีกหนึ่งแนวที่อยากให้ลองมาดูกัน เนื้อเรื่องจะชวนให้ได้ลุ้นได้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ
เรื่องผลงานผ่านไปแล้ว พอถามถึงเรื่องของหัวใจที่กำลังหวาน ด้วยกำลังจะมีงานวิวาห์กับ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ พุฒก็ส่งรอยยิ้มพร้อมแววตาที่ดูมีความสุขมาให้ ก่อนจะว่าสำหรับเขาแล้ว การได้เจอจุ๋ยคงเป็นเหมือน “พรหมลิขิต”
“ผมเชื่อว่าคนหนึ่งที่เกิดมาคนละพ่อ คนละแม่ อยู่คนละจังหวัด อยู่ดีๆ วันหนึ่งได้มาทำงานด้วยกัน มารู้จักกัน ก็คงเป็นพรหมลิขิต เชื่อว่าชาติที่แล้วคงได้มีโอกาสทำบุญมาด้วยกัน ชาตินี้เลยได้มาเจอกัน”
“รู้จักกันในช่วง ‘ฝันเฟื่อง’ ครับ” พุฒย้อนเล่าถึงเส้นทางรัก ที่เริ่มพัฒนาจากความเป็นเพื่อน ก่อนกลายเป็นคนรัก
ฝันเฟื่องที่เขาพูดถึงเป็นละครโรแมนติกคอมเมดี้ที่พุฒบอกว่า บรรยากาศในกองจึงไม่ได้มาเครียดเหมือนเราถ่ายละครดราม่า
“ก็จะมีฟีลเล่นกัน แกล้งกัน เราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ถ่ายละครจบ”
และแม้ความรู้สึกค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป แต่ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดไปถึงขึ้นว่าจะต้องเป็นแฟน อย่างไรก็ดีเมื่อต่างโสด จึงตัดสินใจ “ลองคุย”
“แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสถานะ ค่อยๆ เปลี่ยนสรรพนาม จากที่พูดจากกวนกันไปกวนกันมาก็เปลี่ยนเป็นหวานขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนไป โดยที่เราไม่ได้ไปกะเกณฑ์ว่าจะต้องเปลี่ยนในตอนนั้นแบบนี้เลย”
เขายังเล่าด้วยว่า หลังคบกับจุ๋ย มุมมองเรื่องความรักของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จากคนที่ไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานมาก่อน ก็เริ่มคิดถึง
“พอมาเป็นจุ๋ย มันเป็นความรู้สึกที่ว่าคนนี้สามารถเดินไปด้วยกันได้ เพราะว่าทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตที่บ้านเขาที่บ้านเรามีความคล้ายคลึงกัน”
“เลยทำให้เรารู้สึกว่า เออ คนนี้แหละ ใช่”
แน่นอนว่าการทำงานในวงการบันเทิง การที่ได้เจอคนหล่อคนสวยเป็นเรื่องธรรมดา รวมถึงการทำงานในฐานะนักแสดงที่ต้องมีฉากเลิฟซีนอยู่บ่อยครั้ง ในส่วนนี้พุฒก็บอกว่า ก่อนถ่ายทำก็ต้องบอกกันและกันเสมอ เพื่อที่จะไม่ได้มีปัญหาในภายหลัง
“ถ้าเรื่องไหนที่เลิฟซีนดุเดือดมาก ก็บอกเขาว่าไม่ต้องดูนะเรื่องนี้” พุฒเล่าพลางหัวเราะ
ก่อนจะว่าอันที่จริงเรื่องเหล่านี้ เขาและเธอต่างเข้าใจ
“เข้าใจได้ว่ามันเป็นงาน เขาเป็นนักแสดง เราก็เป็นนักแสดง”
พุฒซึ่งตั้งใจว่า “ต่อไปก็จะเป็นคนที่น่ารักที่สุด แล้วก็จะเป็นคนที่อบอุ่นที่สุด” สำหรับจุ๋ยยังเล่าแผนชีวิตด้วยว่า หลังแต่งงาน “ตั้งใจไว้ว่าอยากจะมีเจ้าตัวเล็กตัวน้อย สัก 3 คน แต่ต้องดูก่อนว่าคนแรกเป็นไง คนที่ 2 เป็นไง” ว่าแล้วก็หัวเราะร่วน
ด้วยความสุข