เปิดบ้านกว่า 3 ไร่ ของชาคริต แย้มนาม ด้านภรรยาเผยมุมน่าสงสารของพระเอกที่ไม่เคยมีใครรู้

รายการ ตีท้ายครัว พาเปิดบ้านพระเอกชื่อดัง ชาคริต แย้มนาม ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ที่เจ้าตัวซื้อไว้เกือบ 7 ปีแล้ว โดยเผยว่าตอนมาซื้อก็พาคุณแม่มาดูก่อนที่จะป่วย แล้วแม่ชอบต้นไม้มาก พอมาเห็นก็เลยเอา พอแม่ไฟเขียวเราก็โอเค ตอนแรกก็กะว่าจะค่อยๆ ทำไปไว้อยู่ตอนบั้นปลายชีวิตก็ไม่ต้องรีบใช้ แต่ตอนนี้มีครอบครัว มีลูกก็ไม่ได้แล้ว ก็เลยรีบทำ ตอนนี้ก็ทำเป็นออฟฟิสขนาดเล็กเพื่อทำแบรนด์อาหาร และปีนี้ก็ตั้งใจจะสร้างบ้านให้เป็นเรื่องราว

ทั้งนี้อีกหนึ่งแขกรับเชิญพิเศษอย่าง ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล ที่ชาคริตนับถือเป็นแม่อีกหนึ่งคน ได้เล่าถึงเรื่องราวความรักของชาคริตกับ แอน ภัททิรา ภรรยาสาว ต่ายก็เผยว่า โดยปกติชาคริตจะไม่เคยเล่าหรือบอก นอกจากที่สุดของที่สุดเขาถึงจะโทรหา ถ้าอยู่บ้านก็จะไปหา กับแอนก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน เซอร์ไพรส์เหมือนกัน ได้เจอครั้งแรกในวันแต่งงาน

โดยชาคริตก็ว่ามีคนรู้น้อยมาก เพราะอยากคบกันแบบมนุษย์ปกติ แล้วก็ห่วงแอนและครอบครัวที่กลายเป็นคนที่ใครก็อยากรู้จัก อยากรู้ถึงชีวิต กลัวว่าเขาจะช็อค

ต่ายเผยต่อว่า ไม่ได้รู้สึกช็อค เพราะมั่นใจในตัวเขา เขาทำอะไรแฮปปี้เขาจะหายไปนานๆ ก็สรุปเอาเองว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว

Advertisement

ทั้งนี้เมื่อพูดคุยกับ แอน ภัททิรา ภรรยาของชาคริต ที่กลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา ว่าตั้งแต่ท้องสามีดูแลดีมาก และยังแพ้ท้องแทนด้วย อาเจียน ขี้น้อยใจ เซนซิทีฟ เขาดูแลทุกอย่าง ตัดเล็บเท้าให้เพราะก้มไม่ได้ ผูกเชือกรองเท้าให้ นวดให้

“เขามีมุมนี้ มีมุมสวีทตลอดเวลา แต่ว่าคนไม่ค่อยเห็น เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนไหว” ต่ายการันตี

อีกหนึ่งผู้ที่อยู่ในเกือบทุกช่วงชีวิตของชาคริต อย่าง เกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล ก็ได้เผยว่าตอนนี้เพื่อนๆ ทุกคนเห็นว่าชีวิตมันปกติ อยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำอาหาร เลยรู้สึกว่านี่แหละพี่เราเจอชีวิตที่มันปกติ ชีวิตที่ได้เป็นตัวของตัวเอง เดี๋ยวนี้เขานิวคริต เมื่อก่อนเวลาปาร์ตี้ ต้องตี 5 เดี๋ยวนี้ลูกใครร้องก่อนคนนั้นกลับ แล้วน้องโพธิ์ลูกชายชาคริตนั้นเรียกได้ว่าเป็นเด็กอยู่เป็น อ้อนพ่อ นี่ก็หลงหัวปักหัวปำเลย

Advertisement

ทั้งนี้เมื่อสอบถามว่า ชาคริต-แอน ไปรู้จักกันได้อย่างไร ทั้งคู่ก็ว่า ตอนนั้นเล่นละครแล้วเขาเหมือนผู้ช่วยโปรดิวซ์ คอยประสานเรื่องเอกสาร พอละครเสร็จก็มีการถามเรื่องเช็คออกหรือยัง จนเช็คออกแล้วก็ยังมีการถามเป็นยังไงกันบ้างไว้นัดเจอกันบ้าง ด้านแอนก็บอกว่า ตอนคบตอนคุยกันก็เหมือนคุยๆ เลิกๆ

“เราเองไม่ชัวร์ว่าการที่เขาจะมารู้จักตัวตนของเรา รวมถึงครอบครัวเขาจะโอเคมั้ย กับเรื่องราวของเราในอดีต บางครั้งมันอาจจะได้ไม่คุ้มเสียสำหรับเขาหรือเปล่า ก็พยายามที่จะห่างกันหลายครั้ง จนประมาณปีนึง ก็เราอยู่ในวัยที่พร้อมจะมีครอบครัวแล้ว ก็ขอคบให้เป็นฉันท์มนุษย์ปกติ แล้วก็ร่วมทุกข์สุขด้วยกัน แล้วน้องก็มา ถึงต้องบอกนักข่าววว่าจะมีลูกแล้วก็กำลังจะไปงานแต่งงาน” ชาคริตว่า

ซึ่งในวันแต่งงานตนยังต้องแถลงข่าวเรื่องความรัก จนที่บ้านของแอนกังวลว่าจะมางานแต่งหรือไม่ และถึงจะไม่มีข่าวเราก็แต่งอยู่แล้ว เพราะไปสู่ขอเงียบๆ ตามแบบของเรา พอเป็นข่าวงานก็ยังคงอยู่ แต่คนที่เขาไม่ได้อยู่ในวงการเจออย่างนี้เขาก็ช็อค

“พ่อก็บอกว่านี่มันจะทุ่มนึงแล้วคริตยังไม่ถึง ตกลงว่าจะแต่งงานหรือเปล่า” แอนเล่า

ตอนวินาทีแรกที่เข้าไปอยู่กับเขารู้สึกว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงน่าสงสารจัง เราไม่ได้รู้สึกว่าเขาคือชาคริต ทุกวันเราต้องรอเขากลับบ้าน แล้วเขาก็กลับมาในสภาพแผลเต็มตัว ตอนนั้นเขารับบทบู๊ 3 เรื่อง ทำงาน 7 วัน พอคบไปได้สักพักเขาก็พาไปเจอแม่ เราน้ำตาไหลเลยวันที่เข้าไปเจอแม่เขาครั้งแรก

ภาพที่คนมองว่าชาคริต แย้มนาม คือเท่ สมาร์ท เป็นผู้ชายที่ใครต้องการ แต่ถ้าเปิดบ้านเข้าไปปุ๊ปจะเจอความเครียดในชีวิตของเขา แม่ที่นอนไม่สบายตะโกนโวยวาย ไม่ใช่ภาพที่คนมองว่าสวยเลย แต่ใครที่จะอยู่กับเขา ต้องรับสภาพนี้ไปกับเขา สู้ไปกับเขา ตอนนั้นเราก็ตัดสินใจคบกับเขา ก็อยู่เคียงข้างกัน ในความเป็นเขามันเลยไม่ทำให้เรารู้สึกต่างกัน ทุกวันนี้อยู่กันเหมือนเพื่อน ไปด้วยกันทุกที่

ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน

เพิ่มเพื่อน

ขอบคุณภาพจาก NGOA TV

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image