เคยสร้างปรากฏการณ์กระชากเรตติ้งมาแล้วในบุพเพสันนิวาส เมื่อช่วงต้นปี 2561 ล่าสุด นางเอกสาว เบลล่า ราณี แคมเปน ก็มีผลงานละครออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามอีกครั้งในกรงกรรม กับบทบาทของ ‘เรณู’ หญิงสาวผู้ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และเป็นการพลิกบทบาทอย่างมากที่สุด
ขนาดที่เจ้าตัวบอกไว้ว่า “เป็นบทเรียน อีกหนึ่งบทที่เราจะต้องมาเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด”
“เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนได้เห็นอะไรที่มันใหม่ๆ กับตัวเรา จะโชว์ความเป็นมนุษย์จริงๆ ที่ชีวิตของเรณูในเรื่องเหมือนเจอบททดสอบตลอดเวลา”
“เรามีทางเลือก ทางเลือกเดียวเพื่อครอบครัว คือการที่เราต้องเสียสละตัวเอง” จึงทำให้สาวเรณู ตัดสินใจทำอยู่ในวังวนของการพลีกายเพื่อแลกเงินทองมาส่งเสียคนในครอบครัว โดยที่ไม่เต็มใจ
“หลังจากนั้นชีวิตของเราก็เหมือนตกนรกเลยค่ะ” 
จนกระทั่งได้พบกับ ปฐม ชายหนุ่มที่เธอมองว่าเป็นรักแท้ รับบทโดย เพ็ชร ฐกฤต ตวันพงค์ จึงทิ้งอดีตเริ่มต้นชีวิตใหม่ ท่ามกลางอุปสรรคขวากหนามชิ้นใหญ่คือ ใหม่ เจริญปุระ หรือย้อย แม่สามีของเธอในเรื่อง
หลายคนอาจจะมองว่าเรณูนั้นเป็นหญิงสาวผู้น่าสงสาร และเมื่อถามไปยังเบลล่า เจ้าตัวก็บอกว่า
“จะให้มองว่าน่าสงสารก็น่าสงสารนะคะ แต่ว่ามุมแสบของเขาก็มี” เพราะว่าสิ่งที่เจอมาในชีวิตหล่อหลอมให้เธอมีเกราะของตัวเอง และไม่ยอมเป็นผู้ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว
“เราเป็นคนไม่ทำใครก่อนนะคะ แต่ว่าถ้าใครมาทำก็เจอกัน ไม่ยอม” นี่คือสิ่งที่เรณูเป็น
“ความจริงแล้วเรณูมีใจที่พร้อมเป็นคนดี แต่ด้วยสิ่งที่เจอมาในชีวิต ทำให้บางเรื่อง บางอย่างผิดพลาดไป”
และยิ่งเรณูเจอบททดสอบในละครเยอะเพียงใด เบลล่า ราณี ก็ยิ่งใช้พลังทางการแสดงเยอะเท่านั้น เพราะมีทั้งฉากปะทะคารมที่ในกองเรียกกันสั้นๆ ว่า ‘ฉากใหญ่’ กับหลายต่อหลายคนในเรื่อง
“กับย้อยที่เป็นแม่สามีของเรา เราก็พยายามยับยั้งตัวเองแค่อาจจะพูดจากวนๆกับบ้าง”
“แต่ว่ากับสะใภ้ด้วยกัน ที่พยายามมาหาเรื่องเรา เหลืออดจริงๆ ทนไม่ไหว ก็บอกไปว่า มาเจอกันตัวต่อตัว”
และที่สำคัญเรณูชนะตลอดเสียด้วย
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนแข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่กระนั้นก็ยังมีจุดพลิกผันในชีวิตที่ต้องมาติดอยู่ในกรงกรรม เพราะความผิดพลาดในการตัดสินใจ
“มันเลยกลายเป็นว่าจากที่ควรจะมีความสุข กลายเป็นไม่มีเลย”
“แล้วมันคือการที่เรณูจะต้องยอมรับให้อภัยตัวเอง เพราะว่าเราทำไปแล้ว เราก็ต้องแก้ไขให้มันดีที่สุด”
หากจะย้อนไปถึงวันก่อนที่กรงกรรมจะเปิดกล้อง เบลล่าบอกกับเราว่าทำการบ้านกับบทบาทนี้หนัก เริ่มตั้งแต่การอ่านนิยายเล่มโต 
“แล้วพอได้บทโทรทัศน์ก็มีเหมือนคุยกับพี่คนเขียนบท พี่แดง พี่ออฟ ทุกคนมาร่วมกันเวิร์กเอาท์ต์ว่า เรณูเป็นอย่างไร มีนิสัยอย่างไร ไปในทิศทางไหน
” ซึ่งพอต้องมาแสดงจริงเบลล่ายอมรับว่าอินกับบทนี้อยู่ไม่น้อย เพราะในบางวันขนาดยังไม่ได้เข้าฉาก แค่เพียงแค่เตรียมตัว คิดภาพในหัว หรือคิดย้อนไปถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นก่อนจะมาถึงฉากนี้ แล้วพอพี่ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ถามว่าเรณูรู้สึกอย่างไร เราน้ำตาจะไหล “เราตอบแบบเสียงสั่นเลย มันอยู่ข้างในตลอดเวลา”
“วันไหนที่เราเล่นละครเรื่องนี้คือการที่เราเป็นเรณูทั้งวัน”
เบลล่าว่า ทั้งนี้ เมื่อถ่ายจบเธอก็ว่า เหมือนส่งเรณูถึงฝั่งแล้ว และสิ่งที่เรณูทิ้งไว้ให้ก็คือ “บทเรียนชีวิต” ที่ได้เรียนรู้จากการเป็นตัวละคร
“การทำสิ่งที่ดีหรือว่าไม่ดี มันเหมือนมีเส้นกั้นบางๆ ถ้าเราเผลอกระโดดข้ามไปแล้วเลือกที่จะทำสิ่งไม่ดี สิ่งนั้นมันก็เหมือนอยู่ติดตัวไปตลอด”
หากถามถึงหนึ่งคู่ปรับสำคัญในเรื่องที่ต้องปะทะฝีปากกันอยู่ตลอดอย่าง ใหม่ เจริญปุระ นั้น เบลล่าก็ตอบทันทีว่า
“สนุกมาก” พร้อมลากเสียงคำว่ามากไปอีกเป็นกิโลฯ ก่อนจะแจงต่อว่า
“เป็นนักแสดงในดวงใจของเราเลย” ทั้งยังเมาธ์ต่อว่า ตอนที่นักแสดงรุ่นพี่ยังไม่อยู่หน้าเซตมักจะพูดว่า บทสนทนาที่เบลล่าได้ยินบ่อยที่สุดคือ
“ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า บทยาวมาก ยากมากเลย”
แต่เมื่อสิ้นเสียง 5 4 3 2 ของผู้กำกับแล้วนั้น “พี่ใหม่ใส่เต็มมาก องค์แม่ลงมาเลย”
การได้ร่วมงานกันในครั้งนี้เบลล่าบอกว่าได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ที่ดีจากทำงาน เพราะว่าพี่ใหม่ใส่สุดพลัง และใส่ใจในการทำงาน
“ทำให้เรารู้เลยว่านี่คือนักแสดงที่แท้จริง” กับผลงานเรื่องนี้เธอก็ว่าไม่มีความกดดัน เนื่องจากเธอทำงานเต็มที่แล้ว
“เบลตั้งใจทำงานทุกงานให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ “
เพราะความปรารถนาสูงสุดคือ อยากเรียกตัวเองว่าเป็นนักแสดง เหมือนการเป็นเรณูในคราวนี้ที่เบลล่าพูดได้เต็มปากว่า
“เราเป็นแค่นักแสดงนำในเรื่อง” และที่สำคัญ ” เรณูไม่ใช่นางเอก” 
ติดตามข่าวบันเทิงไลฟ์สไตล์ กับ Line@มติชนนิวเจน 
