“ไฮโซปั๊บ” โต้ข่มขืนสาวเกาหลี ยันฝ่ายหญิงเดินตามเข้าโรงแรม หลังเสร็จกิจยังยิ้มแย้ม

จากกรณีสถานีโทรทัศน์ JTBC (เจทีบีซี) จากเกาหลีใต้ เปิดเผยคำสัมภาษณ์ของผู้หญิงชาวเกาหลีใต้รายหนึ่ง ที่อ้างว่าเป็นเหยื่อที่โดนล่วงละเมิดทางเพศในสถานบันเทิงชื่อ เบิร์นนิง ซัน ที่ “ซึงรี” อดีตนักร้องวงบิ๊กแบง เคยเป็นผู้บริหาร ซึ่งคำสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยว่าคดีนี้มีผู้ชายไทย 2 คนเข้ามาเกี่ยวข้อง และมีการชี้เป้าโยงชายไทยคนดังกล่าวว่าเป็น “ไฮโซปั๊บ ชวยศ รัตตกุล”

ล่าสุดโหนกระแสวันที่ 18 มี.ค. โดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัดออกอากาศทุกวันจันทร์- ศุกร์ เวลา 13.45 – 14.25 น. ทางช่อง 28 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ไฮโซปั๊บ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเรื่องจบไปเมื่อ 3 เดือนก่อน พร้อมยันไม่ได้ข่มขืน แต่เป็นฝ่ายหญิงที่เดินตามมาที่โรงแรม โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือความซวย  โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ เดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา

“เหตุการณ์ก็คือพอไปทานข้าว เพื่อนผมก็ชวนว่ามีผับที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม อยู่บริเวณเดียวกันก็โอเคไปดูก็ได้เพราะไม่เคยไป ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อเบิร์นนิ่งซัน เพื่อนผมเขามีเพื่อนที่เกาหลี เป็นผู้ชาย เขาก็จองโต๊ะให้ โต๊ะก็อยู่กลางร้าน ไม่ได้อยู่ในห้องวีไอพี”

” ที่ไปก็ไม่มีใครเป็นดาราเลย ไปกันเกือบ 10 คน กลุุ่มใหญ่ ก็ไปเจอผู้หญิงคนนี้ที่ผับ เขาก็มาดื่มเหล้าด้วยที่โต๊ะเรา ตอนนั้นก็ไม่ได้อะไร เขาก็เข้ามาคุย ก็ดื่มเหล้ากับเขา ก็รู้สึกว่าพอคุยกัน แล้วอยู่ด้วยกัน ถูกคอกัน ก็ยืนเต้นอยู่ด้วยกัน มีบางจังหวะ ผมก็กอดเขา เขาก็กอดผมกลับ ก็คงถูกคอกัน ถ้าไม่ชอบผม เขาก็ไม่กอดเราหรอก แล้วก็อยู่กับเราทั้งคืน”

Advertisement

“เขาบอกว่าเขาดื่มแก้วเดียวแล้วน็อกไปเลย ตอนนั้นเราอยู่กันตั้งหลายคน มีเพื่อนผมเป็นพยานได้ มีเพื่อนผู้หญิงเขาไม่ได้ดื่มช็อตเดียว เขาบอกเขาดื่มแก้วเดียวแล้วสลบไปเลย ก็คุยกันถูกคอเขาก็ให้คอนแทคผมมา เราก็แฮปปี้ ก็เลยเซลฟี่กันในร้าน สักพักผมบอกว่าผมจะกลับโรงแรมแล้วนะ ประมาณตีสองตีสาม แล้วเขาก็กลับด้วย”

ทั้งนี้ตนยืนยันว่าวันเกิดเหตุการณ์ฝ่ายหญิงมีสติ และเดินตามมากับตน  ซึ่งภาพที่อยู่ในกล้องวงจรปิดไม่มีการใช้กำลัง เพราะฝ่ายหญิงเดินตามมาเอง ยืนยันว่าฝ่ายหญิงไม่ได้หลับที่สถานบันเทิงแน่นอน

Advertisement

“ถ้าเขาบกว่าผมข่มขืนจริงๆ เขามีโอกาสวิ่งหนี 400 เมตรแล้ว ไปโรงแรมก็ตะโกนให้ใครช่วยก็ได้ เข้าไปในห้องเกือบๆ ตีสาม”

หลังจากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องส่วนตัวและตนและฝ่ายหญิง

“ผู้หญิงแฮปปี้ ดูยิ้มปกติ และขอผมถ่ายรูปด้วยกัน”

“เขาดูยิ้มแย้มปกติ ไม่มีอะไรเลย แล้วเขาเห็นผ้าพันคอที่ผมเอามาด้วยจากเมืองไทย ผมก็เลยบอกว่าผมให้เป็นของขวัญนะ เขายังใส่ให้ดูแล้วบอกว่าสวยมั้ย หลังจากนั้นเขาก็ออกกลับไป ในภาพเขาก็ยิ้มและมีชูสองนิ้วด้วย”

หลังจากนั้นประมาณ 04.00 น. ของวันเกิดเหตุตนและฝ่ายหญิงต่างแยกย้ายกันกลับ

“หลังจากนั้นพอเช้ามา 7-8 โมงเช้า ตร.มาโรงแรม เกือบ 10 คนมาที่โรงแรง มาแจ้งว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้น เขาบอกว่าผู้หญิงไปแจ้งความกับแฟนเขา ว่าผมขโมยโทรศัพท์เขา มอมยาและข่มขืนเขา ผมก็ตกใจมาก”

เนื่องจากผู้หญิงคนนั้นแจ้งความ ซึ่งตนคิดว่าเธอคงกล่าวหาว่าตนวางยาเธอที่สถานบันเทิง

“ตร.เกาหลีเขาละเอียดมาก ตอนผมไปสน. เขาให้ผมอยู่เกินครึ่งวัน ในการให้ปากคำ และหาหลักฐานในการสืบหลักฐานและเอาปากคำของผู้หญิงมาแมทซ์กัน สรุปเกินครึ่งวัน เอาหลักฐานผม รูปถ่ายที่ถ่ายด้วยกันที่ผับที่โรงแรมหรือคอนแทคที่เธอให้ผม บวกกับคำให้การของผู้หญิง มีการใช้กำลังมั้ย ก็ไม่มีการใช้กำลัง ไปเช็กเสื้อผ้าก็ไม่มีฉีกขาด ไม่มีเรื่องยาเสพติด ถ้าเห็นภาพนั้นก็จะรู้ว่าผู้หญิงไม่มีบาดแผลอะไร”

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ เนื่องจากพิสูจน์แล้วไม่มีการใช้ยา ข่มขืน หรือแม้กระทั่งค้าประเวณี ไม่ได้ซื้อ เธอเดินตามตนมา พร้อมทั้งเตือนให้ระวังตัวในเรื่องนี้

“ตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นการวางแผนหรือเปล่า เหมือนเขาพยายามใช้โอกาสตรงนั้นดึงผมไปใช้ประโยชน์เรื่องกระแสซึงรี ไม่มีใครหรอกถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าเบิร์นนิ่งซันมีปัญหา ผมก็ไม่ไปเที่ยวอะไรแบบนี้อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นเพราะถูกแบล็กเมล์ สันนิษฐานว่าอีกฝ่ายน่าจะได้ประโยชน์จากใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังตรงนี้ เพราะคดีนั้นใหญ่มาก และพัวพันกับคนหลายๆ คน “ผมเชื่อว่าผู้หญิงคนนั้นได้รับผลประโยชน์ครับ”

“เราคิดตอนแรกว่าเราคงตกเป็นเหยื่อผู้หญิงคนนี้ แต่ ณ วันนี้ผมว่ามันมากกว่านั้น”

“ผมว่าทำให้เรารู้เลยว่าเวลาเราไปเที่ยวที่ไหนที่เราไม่คุ้นเคย ไม่รู้จัก หรือเวลาไปเจอคนแปลกหน้า มันไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะหวังดีกับเรา ถ้าเขาเป็นคนไม่ดี คุณอาจตกเป็นเหยื่อได้ เหมือนที่ผมตกเป็นเหยื่อผู้หญิงคนนี้ ตกเป็นเหยื่อของคนดีเบิร์นนิ่งซัน รวมถึงคดีและกระแสของซึงรีด้วย มีการลากผมมาเกี่ยวข้อง”

อย่างไรก็ตามตนยืนยันอีกครั้งว่าไม่รู้จักกับซึงรีแต่อย่างใด และตอนนี้ตนติดต่อฝ่ายกฎหมายเพื่อดำเนินคดีเรื่องนี้ต่อไป  และยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้ตนเข็ด

“เข็ดมากเลยครับ เป็นบทเรียนสำคัญเลย ทำให้เรารู้ว่าต่อไปนี้จะไปไหนต้องระมัดระวัง อย่าไปเชื่อใจคน อย่าตกเป็นเหยื่อของคนที่ไม่ดี จริงๆ อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกๆ คน ถ้าคุณจะไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป หรือเจอคนที่ไม่รู้จักต้องระมัดระวังตัวเไว้ และอยากขอโทษครอบครัว เพื่อนๆ ที่ทำให้เป็นห่วง และอยากขอบคุณกำลังใจจากทุกๆ คนที่เข้ามา”

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image