ซุ่มเรียนแบบไม่ได้ป่าวประกาศ แล้ววันดีคืนดี กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ก็คว้าปริญญาเอกด้านพระพุทธศาสนา จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) มาให้ใครต่อใครชื่นชม โดยพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตรายล่า เล่าว่า กว่าจะมีวันนี้ เธอใช้เวลาพากเพียรเรียนอยู่ถึง 5 ปี
ที่เลือกเรียนด้านนี้ อดีตนางงามวัย 46 ปี ที่เค้าความสวยยังอยู่เต็มเล่าว่า เป็นเพราะวันดีคืนดีรุ่นพี่รายหนึ่งซึ่งเจอกันบ่อยเวลาไปทำบุญโทรศัพท์มาแจ้งว่าได้เห็นประกาศรับสมัครนิสิตของมหาวิทยาลัยสงฆ์ เห็นว่าน่าสนใจยิ่ง จึงซื้อใบสมัครเผื่อมาให้เรียบร้อย
ฟังทีแรก เธอบอกเลย “หาาาาาา”
เพราะแม้จะเป็นคนพุทธ เชื่อเรื่องบาป บุญ คุณ โทษ และชื่นชอบในการทำบุญก็จริง แต่ “เรียนรัฐศาสตร์มาทั้งตรีและโทนะคะพี่ ไม่ได้เรียนด้านนี้มา จะไหวเหรอ” เธอถามกลับ ก่อนจะได้รับการยืนยัน “เอาเถอะน่า” จึงตกลงใจไปสอบเข้า
แล้วก็ตก
“บอกเลยไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด” คนที่ต้องสอบถึง 2 ครั้ง 2 หนถึงจะผ่านกล่าว
เมื่อสอบผ่าน เธอก็ตัดสินใจเลือกคณะพุทธศาสนา โดยมีเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นทั้งพระสงฆ์ แม่ชี และฆราวาสทั่วไป
“สนุกค่ะ” เธอยืนยัน แม้จะต้องฝ่าฟันวิชายากๆ อย่างภาษาบาลีก็เถอะ
เพิ่งจะเริ่มไม่สนุกก็ช่วงปี 3 เพราะวิทยานิพนธ์หัวข้อ “รูปแบบการทำงานที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตของนักแสดงอาชีพไทย ตามหลักพระพุทธศาสนา” ที่มีการสัมภาษณ์บุคคลในวงการ 10 คน เพื่อนำมาประกอบ คือ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์,อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง,นก-สินจัย เปล่งพานิช,แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์,พิศมัย วิไลศักดิ์,ตู่-นพพล โกมารชุน,นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี,ตั๊ก-มยุรา เศวตศิลา,ดวงดาว จารุจินดา และ ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี ถูกอาจารย์สั่งให้แก้แล้ว แก้อีก พอรวมกับภาระเรื่องงาน การดูแลลูก ฯลฯ เลยท้อ
“ไม่อยากเรียนแล้ว เหนื่อย หยุดไปเลยเป็นปี” เจ้าตัวเล่า
กระทั่งสามีถาม พอรู้ความก็กระตุ้น จนยอมฮึด
“ตอนทำอาจารย์ถาม ทำไมถึงเลือก 10 คนนี้ เราก็ตอบว่าเพราะทั้ง 10 ไม่เคยมีประวัติเสียหาย ได้รางวัลมากมาย และไม่มีใครเสื่อมเสียอะไรเลย แล้วกบเชื่อว่าคนที่ได้อ่านวิทยานิพนธ์จะได้รับรู้ในอาชีพนักแสดงด้วยว่า นักแสดงที่คุณเห็นหวือหวา วี้ดวิ้ว บ้าบอคอแตก แต่ละคนเขามีหลักการในเรื่องพระพุทธศาสนายังไง มีวิธีคิด วิธีปฏิบัติยังไง แล้วเขาใช้หลักพระพุทธศาสนามาประยุกต์กับอาชีพตัวเองยังไง ถึงประสบความสำเร็จได้ ซึ่ง 10 คนหลักทางธรรมที่เขานำมาใช้ไม่เหมือนกันเลย มีไม่กี่คนที่ตรงกันบ้างเรื่องความเพียร ความเมตตา”
ณ วันนี้ เมื่อได้เป็น ดร.ทางพระพุทธศาสนาเต็มตัว กบบอกว่าเธอน่ะแฮปปี้มาก
“จบมาแล้วไม่ได้คิดว่าจะต้องไปเป็นอาจารย์ ไปสอนใคร แต่ได้เอามาใช้กับตัว ครอบครัว คนใกล้ตัว สุดท้ายเมื่อเราคิดว่าเราได้เต็มที่แล้ว ก็เผื่อแผ่ไปยังสังคมได้ ต้องการแค่นี้”
แม้จะออกตัวว่าไม่สอน แต่กบก็ว่า มี 2 สิ่งที่เธออยากบอกถึงทุกคน นั่นคือ “เมื่อกบทำได้ มนุษย์ทุกคนก็ทำได้หมด ถ้าคุณมีความเพียร”
กับ “เงินไม่สามารถซื้อได้ทุกอย่าง”
“ความสุข ความตาย แม้กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถซื้อได้”
“นี่คือสิ่งที่อยากให้ทุกคนเข้าใจ”
ในวันรับปริญญาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กบ ปภัสรา มีคนในครอบครัวมาร่วมแสดงความยินดีกันหลายคน ยกเว้นคุณพ่อที่ป่วยอยู่ในห้องไอซียู
“จริงๆ การเรียนคือฝันส่วนหนึ่งของกบที่อยากทำให้พ่อแม่” เธอเผย
“คุณพ่ออยากให้ลูกทุกคนได้เรียนสูง แต่ด้วยสถานภาพครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ไม่มีปัญญาส่ง เราก็ต้องทำงานหาเงินมาเรียนหนังสือเอง ตั้งแต่เด็กเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องไปรับจ้างตัดอ้อย คุณพ่อก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ทำงานหนักแสนสาหัส เพราะอยากเห็นใบปริญญา เห็นลูกใส่ชุดครุย แต่สุดท้ายในวันที่กบได้ คุณพ่อก็ไม่รับรู้อะไร เพราะเป็นเจ้าชายนิทรามา 15 ปีแล้ว อย่างมากก็ได้แต่นำใบปริญญา ใส่ชุดครุยไปบอก เหมือนอย่างครั้งนี้ ซึ่งท่านก็มอง ไม่ได้รับรู้ แต่นี่ก็คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขา”
เช่นเดียวกับการช่วยส่งเสียน้อง 2 คนให้เรียนจบปริญญา
ส่วนคำว่าดอกเตอร์ที่ได้มา “มันไม่ได้บอกว่าฉันประสบความสำเร็จในชีวิต” กบบอก
“คนละอย่างกัน”
เพราะในความเห็นของเธอนั้น “สิ่งที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคือได้ทำอะไรให้สังคมบ้าง ใบนี้เป็นเหมือนตัวนึงที่การันตีเรา แต่ถ้ามีใบนี้แล้วไม่เคยทำอะไรเลยต่อสังคม ประเทศชาติ มันจะได้มาเพื่ออะไร”
สิ่งที่อยู่ในใจ ณ ปัจจุบันนอกเหนือจากการนำความรู้ที่ได้มาเพื่อปรับใช้ในชีวิต จึงพยายามคิดต่อยอดเรื่องสังคมไปพร้อมๆ กัน
