หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ สำหรับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ ที่ล่าสุดก็มาร่วมพูดคุยในรายการ คุยแซ่บShow โดยเจ้าตัวบอกไว้ว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกสังคม แต่ว่ายังอยู่ในวงการมวยอยู่ มีละครก็รับไปเรื่อยๆ ช่วงว่าง ค่ายมวยก็ยังทำอยู่ สอนมวยด้วย
ย้อนกลับไปช่วงที่ได้แชมป์โลกใหม่ๆ นั้น สามารถ ก็เล่าว่า จริงๆ ตนมีชื่อเสียงจากมวยไทยอยู่แล้ว พอมาต่อยสากลได้แชมป์ก็ยิ่งดังขึ้นไปอีก
“ตอนนั้นอยู่ในช่วงวัยรุ่นด้วย 22-23 ปี”
หากถามถึงรายได้ ตอนช่วงต่อยมวยสากลค่าตัวไม่ดีเท่าไหร่ได้เยอะแต่มีผู้จัดการหลายคน สมมติได้เงินมา 1 ล้าน ก็แบ่งคนละ 2 แสน เท่าๆ กัน
“จริงๆ เก็บเงินได้ตั้งแต่ตอนต่อยมวยไทย รายได้ดีกว่าสากล มวยไทยไฟต์นึงอย่างต่ำ 2 แสน 5 ใน 3 เดือนได้ต่อย 2 ไฟต์ แต่สากลต่อยไฟต์นึงก็ต้องไปรออีก 7-8 เดือน”
ซึ่งเงิน 2 แสนกว่าในตอนนั้น ถือว่าเยอะมาก ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดเรื่องสาวๆ เลย ฝึกซ้อมอย่างเดียว มาเที่ยวเฮฮาตอนหลังจากเป็นแชมป์โลกแล้ว
“ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีรายการต่อย เราก็ซ้อมรอ ก็เที่ยว”
เริ่มปรกตอนต่อยมวยไทยเคยได้ฉายา ‘สิงห์สำอางค์’ ตอนหลังก็มาเป็น ‘พฆัคย์หน้าหยก’ เป็นฉายาที่ผู้สื่อข่าวตั้งให้
กับเรื่องความรักสามารถบอกว่า “ผมไม่ได้เจ้าชู้”
“เราคบเป็นคนๆ ไป ไม่ได้ที 2-3 คน”
ส่วนที่เคยโดนคำครหาที่ป้องกันแชมป์ไม่ได้เพราะอ่อนซ้อม เสียเพราะผู้หญิงนั้น สามารถ ก็ขอชี้แจงว่า ไฟต์นั้นตนซ้อมดีที่สุดในชีวิต ไปเก็บตัวที่ออสเตเลีย 1 เดือน แต่ปัญหาเกิดจากการที่ไม่สามารถลดน้ำหนักให้ลงตามพิกัดได้
“ลด 10 โลเดือนนึง พอมันไม่ลงเราก็ต้องกินยา ขับน้ำออกจากร่างกาย ผมน้ำหนักประมาณ 124 มาประมาณ 10 วัน เราต่อย 122 ปอนด์ ลดไม่ลง เราเลยต้องกินยา”
“มันทำให้เราเพลีย”
ทั้งนี้ยอมรับว่าทำให้แฟนๆ ที่รอชมนั้นผิดหวัง เพราะเขาตั้งความหวังไว้สูง แต่ไม่รู้ว่าเราผ่านอะไรมาหนักขนาดไหน
“เรามันแพ้มันผิดหวังอยู่แล้วแหละ แต่ความรู้สึกเราลดน้ำหนักมาทั้งเดือน แต่ว่ามาแพ้แบบนี้อ่ะ”
“ไม่ได้แพ้ฝีมือ เราแพ้ร่างกายตัวเอง เราไม่ไหวจริงๆ”
เล่าต่อว่าตอนเสียแชมป์มาใหม่ๆ นั้น ก็ทิ้งทุกอย่างหลบเข้าป่า เพราะไปไหนคนก็ด่า คิดว่าล้มมวย จนไม่อยากเจอหน้าใคร หยุดต่อยมวยไปพักนึง
ซึ่งตอนช่วงที่ได้แชมป์โลกนั้นได้ไปหมั้นผู้หญิงไว้ แต่ด้วยช่วงวัยรุ่น เที่ยวเตร่ แต่งกันได้ปีกว่าก็แยกทางกัน พอเสียแชมป์โลกก็กลับไปง้อเขา ก็อยู่ด้วยกันจนมีลูก 3 คน
พอต้องไปต่อยมวยที่เยอรมัน ประมาณอาทิตย์นึง ก็มีภรรยาคนที่ 2 เป็นคนไทยที่ไปเรียนที่นั่น แล้วเกิดเหตุที่ทำให้ได้เจอกัน แต่ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร แต่ว่าก็คุยกันเรื่อยๆ จนกลับเมืองไทยก็ใช้ชีวิตตามปกติ
จนต้องกลับมาชิงแชมป์โลกครั้งที่ 2 แต่ครั้งนี้ตนไม้ได้อยากต่อย แต่ผู้จัดการเซ็นสัญญาไปแล้ว เลยหนีไปเยอรมัน 4 เดือน ก็ไปอยู่บ้านน้องคนนี้ ที่มีแม่มีพี่ชายอยู่ด้วย
“เราไปในฐานะคนอาศัย แต่ว่าเขาก็เริ่มรู้ว่าเราจีบลูกสาวเขา รู้ว่าเรามีลูกมีภรรยาอยู่แล้ว”
จนฝ่ายหญิงที่อายุเพิ่ง 16 ปีมาบอกว่าท้อง ตนก็บอกว่าให้ไปเอาออก แต่ผู้หญิงขอเอาไว้โดยที่จะไม่รบกวนอะไรเลย ท้องประมาณ 3 เดือน เราก็ต้องกลับเมืองไทย ซึ่งภรรยาที่เมืองไทยก็ไม่ทราบ
แต่ตอนนี้ก็รับทราบทุกอย่าง และลูกที่เยอรมันแม่เขาก็พามาเที่ยวเมืองไทย มาเจอกันบ้าง
