“โอ้โห…” มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ นักร้องผู้เคยเป็นขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 เริ่มต้นด้วยการอุทานนำ จากนั้นก็ยิ้มกว้าง ก่อนเล่าว่า ถ้าจะให้ย้อนเล่าถึงเรื่องราวเมื่อคราวนั้น เห็นที่จะต้องย้อนไกล เพราะตอนเข้ามาเป็นนักร้องน่ะ เขาเพิ่งจะอายุได้ 19 ปีเอง
ทั้งนี้ มอสซึ่งปัจจุบันอายุ 45 ปี คิดว่าละคร “สามหนุ่มสามมุม” ที่เขาแสดงร่วมกับ กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และ แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดทั้งปวง เพราะพอละครดัง เอ็กแซ็กท์ผู้ผลิตเลยคิดต่อยอด การจัดคอนเสิร์ต “สามหนุ่มสามไมค์” และการแสดงบนเวทีวันนั้นนั่นเองที่ไปต้องตาผู้บริหารแกรมมี่ ถึงขึ้นติดต่อให้ไปเทสต์เสียง
“ตอนนั้นเขาให้ไปเทสต์ก็ไป ไม่รู้หรอกว่าวงการนักร้องเป็นยังไง ถามว่าชอบร้องเพลงไหมก็ชอบ คือร้องแบบเล่นๆ ไม่ได้จะเป็นนักร้องจริงๆ ที่ชอบคือเวลาขึ้นเวทีไปเอ็นเตอร์เทนคนดู แต่ร้องเพลงก็ไม่” ผู้ชายที่เอาเข้าจริงชอบการร้องเพลงอยู่คนเดียวมากกว่าเผย
แล้วจึงว่า นึกๆ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก ที่จังหวะการเข้าวงการเป็นนักร้องเป็นจังหวะที่ดี “พี่ๆ ศิลปินทำไว้ดี ไม่ว่าจะเป็นพี่เจ (เจตริน วรรธนะสิน) พี่ติ๊นา (คริสติน่า อากีลาร์) พี่ใหม่ (ใหม่ เจริญปุระ) พี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) พอเราเข้าไปก็เรียนรู้จากพี่เขา”
ถามว่าดังขนาดไหนเหรอ? เจ้าตัวนิ่งไปนิด ก่อนบอกเขาเองก็ไม่รู้
“ตอนนั้นไม่ได้มอง ไม่มีเวลามองตัวเองว่าอะไร ยังไง ขนาดไหน”
เพราะใจมุ่งอยู่กับงาน ที่มีมาให้ทำทุกวัน วันละ 1 หรือ 2 คอนเสิร์ต โดยไม่นับการอัดรายการโทรทัศน์ ไปให้สัมภาษณ์วิทยุ ฯลฯ
“ไม่ได้ไปเตร็ดเตร่ที่ไหน เวลาวัยรุ่นของเราเอามาใช้ในการทำงานหมด ถือว่าโชคดี”
ช่วงพีคๆ ในชีวิตนักร้อง มอสบอกว่าน่าจะเป็นช่วงออกอัลบั้มชุดที่ 2 ที่มีเพลง “เหลวไหล” เพลง “ไม่รักก็บ้า” ที่ทำยอดจำหน่ายเทปได้ถึง 1 ล้าน 6 แสนตลับ
เพลงที่ทุกวันนี้ไม่ว่าไปขึ้นเวทีคอนเสิร์ตที่ไหนแฟนๆ ก็ยังเรียกร้องว่าอยากฟัง
“ทุกครั้งที่ขึ้นคอนเสิร์ตก็รู้สึกมีความสุขนะครับ ได้เจอคน ได้เฮฮา เห็นคนเต้น คนสนุก ก็ดีใจ”
ดังนั้น จึงเต็มใจร้อง อย่าว่าแต่แค่ 2 เพลงนั้นเลย
สำหรับ แคทรียา อิงลิช ซึ่งเข้ามาในยุคดาราแห่แหนกันเป็นนักร้อง บอกว่าจริงๆ เต๋อ-เรวัติ พุทธินันท์ ชวน ตั้งแต่เธอเริ่มเข้าวงการในฐานะนักแสดงใหม่ๆ แต่ทางครอบครัวเกรงว่าหากทำหลายสิ่งจะเป็นความรับผิดชอบที่หนักเกินไป จึงทอดระยะอยู่นาน
หากเมื่อตอบรับและเปิดตัวกับเพลง “โอเคนะคะ” ผลที่ได้ก็พาให้ชื่นใจ เพราะขณะที่ถูกจับตาว่าดาราที่มาเป็นนักร้องจะไปได้สักแค่ไหน เมื่อเพลงออกไป ก็มีแต่คนบอกว่าลบล้างความเป็นนักแสดงได้จริงๆ ก็ดีใจ
ที่เหนือไปกว่านั้นคือ “เราชอบทางนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้านการแสดงหรือร้องเพลง แล้วยิ่งอยู่บนเวที ยิ่งมีความรู้สึกว่าได้ใช้ความสามารถของตัวเราเองจริงๆ คือการแสดงเราใช้ความสามารถในการเล่นเป็นคนอื่น แต่พอเป็นนักร้องนี่คือตัวตนเราจริงๆ อะไรอย่างนี้”
ถึงวันนี้แคทรียาในวัย 42 บอกว่า พอนึกถึงการเป็นนักร้องตอนนั้น สิ่งที่เธอคิดถึงมากๆ ในตอนนี้คือความรู้สึกตอนเดินสายเยี่ยมแผงเทปและพบปะแฟนๆ ที่รอคอย
“ตอนนี้แผงเทป ร้านเทปนี่ไม่มีแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่คิดถึงมากๆ แล้วก็รู้สึกใจหายเหมือนกันที่มันหายไป”
“ในยุคนั้นไม่มีโซเชียล ไม่มีมือถือ การที่จะได้มาเจอศิลปิน ดารายุคนั้นมันยากมาก ไปเยี่ยมแผงเทปจะมีแบบพี่แคทๆ อุ๊ย เรามีแฟนๆ ของเราด้วยเหรอ มีอย่างนี้ด้วยเหรอ เหมือนฝันน่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน” คิดถึงตอนนั้นแล้วเธอก็ยิ้ม ขณะที่ดวงตาก็เป็นประกาย
“แล้วมีบางที่ที่ลงจากรถตู้ไม่ได้ คนเยอะ จนเขาต้องให้ปีนขึ้นหลังรถกระบะ เพื่อที่จะได้เห็นทุกคน แล้วทุกคนจะได้เห็นเราด้วย”
“ซึ่งเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว”
“คิดถึงโมเมนต์แบบนั้นจริงๆ”
กับงานเพลงแคทรียาบอกว่า ทุกวันนี้ยังมีโอกาสได้ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตให้แสดงอยู่เรื่อยๆ ขณะที่ตัวผลงานเพลงใหม่ๆ นั้นก็อยากจะทำเหมือนกัน
แต่จะตกลงทำไหม เมื่อไหร่ อย่างไร แฟนานุแฟนกรุณารอติดตาม