| ที่มา | หน้าบันเทิง นสพ.มติชน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
เข้าฉายแล้วสำหรับ “Fathers” หนังฝีมือกำกับของ พลัฏฐ์พล มิ่งพรพิชิต อันบอกเล่าถึงคู่รักชาย-ชาย คู่ที่มีปัญหาหลังลูกที่ขอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กเกิดคำถามว่าทำไมเขาจึงไม่มี “แม่”
หนังเป็นกระแสฮือฮาตั้งแต่ยังไม่เข้าโรง เพราะได้ อั๊ต-อัษฎา พานิชกุล และ นัท-ณัฐ ศักดาทร สองนักแสดงหนุ่มที่มีข่าวคราวเรื่องภาพลักษณ์ความเกย์มาแต่ไหน ยิ่งเมื่อมาร่วมแสดงบท “คู่รัก” อีก ก็ยิ่งไปกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม อั๊ตมองว่านี่คืองานท้าทาย และในฐานะนักแสดงเขาต้องสวมได้ทุกบทบาท
“ผมรู้สึกว่าเวลาเรารับงาน เราเป็นตัวแทนของทุกๆ รูปแบบ เพราะฉะนั้นไม่ได้เป็นห่วงตรงนี้”
“อย่างตอนฮอร์โมน ผมก็เล่นเป็นครูหื่น ถ้าผมจะมาห่วงว่าตัวจริงจะดูหื่นไหม หรือมันไม่หื่น มันก็จะทำให้การตัดสินใจรับงานเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นมันก็เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ดี ที่อยากถ่ายทอดออกไป” อั๊ตเล่า
ก่อนจะว่า หากตัดประเด็นชายรักชายออก สิ่งที่จะได้เห็นในเรื่อง “เป็นประเด็นที่เราเข้าใจได้หมด เพราะมันมีสถานการณ์ของครอบครัว สถานการณ์ของปัญหาที่ทุกคนสามารถเจอ”
“แล้วก็เป็นการสะท้อนคำถามในสังคม ว่าอะไรถูก อะไรผิด ซึ่งไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นเพศที่สาม”
อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าเรื่องอย่างนี้คงห้ามความคิดใครไม่ได้ “เพราะในสังคมก็มีหลากหลายความคิดเห็น รู้อยู่แล้วว่าทุกคนอาจจะไม่ได้มองเหมือนกัน”
เช่นเดียวกับนัท ที่บอกว่านี่เป็นงานที่ท้าทายเกินกว่าจะมาสนใจประเด็นเล็กๆ น้อยๆ
“เราอยู่ตรงนี้ปีที่ 9 แล้ว เลยไม่รู้สึกว่าต้องมาโฟกัสกับคำถามเล็กๆ แบบนี้ แล้วก็กลัว แล้วก็ไม่รับงานดีๆ หรืองานที่ท้าทาย”
“ไม่ห่วงหรอก เพราะเล่นหนังเอเลี่ยน คนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเอเลี่ยนซะหน่อย”
ส่วนเรื่องภาพลักษณ์ “อันนี้แล้วแต่คนมองนะ
ต่อให้เราไม่ทำอะไร เขาก็มองได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ประเด็นในการตัดสินใจว่าเราจะรับหรือไม่
ตัวผมไม่ได้แคร์ว่าใครจะมองว่าคนนี้ใช่ ไม่ใช่ เพราะรู้สึกว่าแล้วแต่ อยากจะมองยังไงก็ได้ เราทำหน้าที่ ทำงานของเราให้ดีที่สุดดีกว่า” นัทว่าพลางยิ้ม
ก่อนย้ำ “ผมรู้สึกว่าคนที่เข้ามาดูจะไม่รู้สึกยี้ ว่าสองคนนี้เป็นเพศเดียวกัน รักกัน เพราะเราไม่ได้เน้นอะไรตรงนั้นมาก แต่มันแสดงให้เห็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นครอบครัวที่มีความอบอุ่นอยู่ในนั้น”
“มันแสดงให้เห็นว่าชีวิตของคนเพศที่สามว่าไม่ได้มีแต่เรื่องอะไรอย่างนั้น มีเรื่องเหมือนครอบครัวชายหญิงทั่วไปเหมือนกัน”
“แล้วมันสะท้อนสังคมจริงๆ เหมือนประเด็นของน้องคาร์เมน ก็จะเห็นว่าชีวิตจริงก็มีชายรักชายที่เขาอยากจะมีความรักจริงๆ เหมือนกัน”
