เคลียร์ทุกคำถามกับ T ที่หายไป เมื่อ ‘วิสูตร’ จับมือ ‘โมโน’ ทำค่ายหนัง ‘T Moment’

หลังจากกระกาศปิดตำนาน “จีทีเอช” ไปเมื่อช่วงกลางเดือน พ.ย. ปี 58 ที่ผ่านมา จนกระทั้งจี (แกรมมี่) กับเอช (หับโห้หิ้นบางกอก) จับมือกันแถลงข่าวเปิดบริษัทใหม่ในนาม “จีดีเอช 559” เมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด ที หรือ ไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ก็ไม่รอช้า ผนึกกำลังกับยักษ์ใหญ่ด้านอุตสาหกรรมความบันเทิงอย่าง โมโน กรุ๊ป เปิดบริษัทผลิตหนังไทยภายใต้ชื่อ “T Moment (ที โมเม้นต์)” โดยวิสูตร พูลวรลักษณ์ หัวเรือใหญ่ของแห่งไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ให้สัมภาษณ์หลังงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ (27 มกราคม) ว่า ที โมเมนต์เป็นคำที่มีความหมายที่ดี แปลได้ทั้งชั่วขณะ ชั่วครู่ หรือชั่วเวลาสำคัญ เข้ากับตอนนี้ที่ตนต้องออกจากบริษัทที่ปิดตัวลงและกำลังจะก้าวเพื่อเริ่มต้นใหม่ เป็นการเริ่มต้นครั้งที่ 3 ของตน หลังจากครั้งแรกกับไทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ครั้งที่ 2 กับจีทีเอช และครั้งนี้ซึ่งถ้าดูตามอายุน่าจะเป็นผลงานครั้งสุดท้ายของตนที่จะให้กับวงการภาพยนตร์ไทย

“เราตัดสินใจกันนานพอสมควรนะ เพราะหลังจากวันที่ 13 พ.ย. ที่แถลงข่าวปิดตัวไป ก็มีการพูดคุยกับบุคคลในวงการเยอะแยะไปหมด จนสุดท้ายได้มาพบกับคุณพิชญ์ โพธารามิก ของโมโน คุยกันถูกใจถูกคอ เลยตัดสินใจว่าบริษัทนี้แหละที่อยากร่วมงานด้วย ซึ่งหุ้นส่วนมีแค่ 2 บริษัท เป็นการลงทุนประมาณ 200 ล้าน ตอนนี้เหมือนเป็นการร่วมมือและร่วมลงทุนกันคนละ 50-50 เราทำในสิ่งที่คิดว่าดี และเรามีผู้ร่วมงานที่ดี ผมว่ามันน่าจะไปด้วยกันได้โดยแทบไม่มีเงื่อนไขอะไรเลยด้วยซ้ำ”

นายวิสูตร กล่าวต่อว่า การร่วมมือครั้งนี้เป็นการผลักดันให้วงการภาพยนตร์ไทยเติบโต  ไม่ได้คิดว่าจะมาแข่งขันกับค่ายใด เพราะภาพยนตร์ต่างประเทศก็ถือว่าเป็นคู่แข่งอยู่แล้ว ดังนั้นที่ทำได้คือทำงานของตนให้ดีที่สุดดีกว่า

Advertisement

“จริงๆ ผมไม่อยากให้มองว่าเป็นการแข่งขันนะ เรียกว่าเป็นการช่วยกันสร้างการเติบโตให้วงการภาพยนตร์ไทยดีกว่า ถ้าเรามองในแง่ดี แต่ก่อนมีจีทีเอชบริษัทเดียวอาจจะทำหนังได้ปีละ 3 เรื่อง แต่ถ้ามีทั้งจีดีเอชและทีโมเมนต์ อาจจะทำได้บริษัทละ 3 เรื่อง กลายเป็น 6 เรื่อง เพราะงั้นหนังไทยจะดีขึ้น ในความรู้สึกผมคือมันจะเติบโตขึ้น ณ วันนี้เรายังเป็นพันธมิตรกับจีดีเอช เพราะจริงๆแล้วกับพี่เล็ก (บุษบา ดาวเรือง)ก็ยังคุยกันได้ดี หรือคุณเก้ง (จิระ  มะลิกุล) คุณจินา (จินา โอสถศิลป์) คุณสิน (ยงยุทธ  ทองกองทุน) ผมคิดว่าทุกคนยังเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้มีความรู้สึกที่ว่าเป็นฟีลแบดหรือเจ็บแค้น ไม่ใช่ ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่าในอนาคตยังสามารถเป็นเพื่อนคู่ค้ากันได้” วิสูตรกล่าว

วิสูตร พูลวรลักษณ์

บอกด้วยว่า “การที่โมโนจับมือกับไทเพราะไม่ลงรอยกับเมเจอร์รึเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ส่วนเรื่องโลโก้ ที่คนมองว่าเหมือนยังมีกลิ่นอายของโลโก้บริษัทเดิม อันนี้ต้องเรียนนิดนึงว่า ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของจีทีเอชเหมือนกัน จริงๆแล้วสีเขียวก็เป็นสีประจำตัวของผมตั้งแต่แรก จะให้ผมไปใช้สีอื่นมันก็คงไม่ใช่ ผมไม่ได้รู้สึกตั้งแต่ต้นว่าคล้ายหรืออะไร ผมก็ออกแบบไปตามความรู้สึกว่าอยากให้มันเป็นแบบนี้”

Advertisement

ส่วนกรณีที่ทางจีดีเอช 559 มีนักแสดงและผู้กำกับมากกว่า วิสูตรกล่าวว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจ เพราะประสบการณ์ทำงานตลอด 30 ปีนั้นได้ทำงานกับคนใหม่ๆ มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามการมีนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้วอยู่ในสังกัดก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการันตีเรื่องการเป็นที่รู้จัก แต่สำหรับคนใหม่ๆก็จะได้ความสด ความแปลก ผู้ชมก็จะเชื่อในบทบาทที่ได้รับเพราะเขาไม่เคยผ่านเรื่องใดมาก่อน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ผู้ชมยอมรับว่าคนนี้คือนักแสดงอาชีพต่อไปในอนาคต โดยการค้นหานักแสดงหน้าใหม่น่าจะเริ่มดำเนินการเมื่อโปรเจ็กต์ของตนพร้อม ส่วนที่วันนี้เห็นผู้บริหารของบริษัทกันตนามากันหลายคน เพราะกันตนาเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้ตนมาตลอดจึงมาร่วมยินดีด้วย

สำหรับการบุกตลาดต่างประเทศทางโมโนได้ถามว่าสนใจร่วมทุนหรือไม่เพราะมีโมโนไชน่าและของเกาหลีอยู่ที่พร้อมจะไปได้เลย แต่ตนอยากให้แบรนด์นี้อยู่ตัวในตลาดประเทศไทยก่อน โดยตอนนี้ได้พูดคุยกับผู้กำกับและคนใหม่ๆ ในวงการไป 5-6 โปรเจ็กต์แล้ว แต่ยังไม่มีโปรเจ็กต์ใดสมบูรณ์ ถึงอย่างนั้นคาดว่าภายในไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีสัก 1 เรื่อง แล้วปีหน้าถึงจะเข้าที่เข้าทางอยู่ที่ประมาณ 3-5 เรื่องต่อปี

“ในส่วนของความคาดหวัง เราก็อยากให้หนังไทยมันโตกว่านี้ ต้องยอมรับว่าในปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งการตลาดของหนังไทยตกลงเหลือแค่ 18 เปอร์เซ็นต์เอง พอเห็นแล้วก็รู้สึกใจหาย เลยมีความรู้สึกว่าอยากทำให้หนังไทยโตขึ้น เทียบเท่าญี่ปุ่นและเกาหลี ที่เขานิยมดูหนังในบ้านตัวเองครับ” วิสูตรกล่าวในที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image