ยังแซ่บ!! บุ๋ม ตรีรัก ในวัย 52 กะรัต เผยปมในอดีตที่ขอโสดตลอดชีวิต

ห่างหายจากหน้าจอไปนาน สำหรับ อดีตนักแสดงชื่อดัง บุ๋ม ตรีรัก รักการดี ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเป็นทั้งนักร้องและนักแสดงมากฝีมือ จนกระทั่งอายุ 32 ปี เธอได้ตัดสินใจไปเรียนต่อและใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจนกระทั่งปัจจุบัน และล่าสุดได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ว่า

ย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นคือท็อปออฟเดอะท็อปแล้ว แต่อยู่ดีๆ ไปอเมริกา ทิ้งทุกอย่างไว้ที่นี่ คนส่วนใหญ่คิดว่าอกหัก?

“พี่ไม่เข้าใจทำไมบุ๋ม ตรีรัก เข็ดความรักถึงไม่ยอมมีแฟน เป็นคำถามที่ถามมาตลอด 20 ปี คือ ณ วันนั้นพี่อยากเป็นโสด พี่มีแฟนมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นพี่ประมาณ 32 ปี ถึงจุดอิ่มตัวว่าทำไมแฟนคนนี้เขาดีนะ เรารักกัน ยังไงก็ยืนยัน ณ วันนั้นเรารักกัน แต่ผู้หญิงคนนึงคิดว่าทำไมคนข้างๆ เราช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้เลย เป็นช้างเท้าหลัง แล้วพี่เป็นช้างเท้าหน้า แล้วพี่โคตรแมนเลย”

เป็นแนวที่ฉันดูแลเธอได้ไหม

Advertisement

“ก็ฉันเก่งกว่า ฉันเป็นคนชอบเทคแคร์ดูแลแฟน หางานให้ เสร็จแล้วอยากอยู่ด้วยกัน เราก็ซื้อบ้าน เพราะเรามีรายได้มากกว่า แล้วคนก็เมาธ์อีกว่าเขาเป็น เขาไม่แมน ทำไมถึงเลือกเขา ก็รักอ่ะ มีไรป่ะ”

แล้วตอนแรกที่เจอเลย เห็นไหม

“เราเป็นเพื่อนกัน เล่นละครอยู่ด้วยกัน เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็น คือพี่เป็นผู้หญิงยุคใหม่มากในยุคนั้น เขาถึงอึ้งกับบุ๋ม ตรีรัก มากว่า ทำไมกล้าคบเกย์เป็นแฟน แต่พี่ก็มองว่าทำไมหรอเกย์ก็ผู้ชายคนหนึ่ง เราก็เลยถามเขาตรงๆ ว่าชอบฉันใช่ไหม มาเป็นแฟนฉันไหม “

Advertisement

เคยคิดจะแต่งงานกับคนนี้ไหม

“ไม่เคยคิดจะแต่งงานกับใคร พี่เคยเช็กดู หมอดูบอกว่าดวงพี่แต่งแล้วก็หย่า ดวงพี่ไม่มีลูก ตอนเด็กๆ พี่ไม่เชื่อ แต่ลึกๆ เราก็ทดสอบมาบ่อย แล้วก็รู้จักนิสัยตัวเอง เป็นคนที่มั่นใจเกินไป แล้วไม่ชอบให้ใครมาคอนโทรล พี่ชอบเป็นผู้นำ”

แล้วพี่บอกเลิกเขายังไง

“บอกแบบสุภาพว่าเราจะไปเรียนต่อนะ แต่ถ้าต่างคนต่างเจอคนใหม่ก็เข้าใจกันนะ แล้วเราก็ไป แต่ตอนนั้นเขายังอยู่บ้านเราอยู่ ฉะนั้นเราก็รอว่าเมื่อไหร่เขาเจอคนที่ใช่เขาจะได้ย้ายออกไป จนกระทั่ง 3 ปี เขาเห็นว่าพี่ไม่กลับเขาเลยบอกว่าตกลงเธอไม่กลับใช่ไหม แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเจอคนใหม่แล้ว แต่ดูเหมือนดี พี่โทรไปเช็กตามแบงค์ที่เคยผ่อนหนี้ด้วยกัน แล้วบ้านเราก็ค้ำให้เขาซื้อรถ เราเอะใจเลยโทรไปเช็กว่าทุกอย่างเขาเคลียร์เรียบร้อยหรือยัง เขาก็เลยบอกว่าบ้านกำลังจะถูกยึดแล้วนะ เพราะขาดการผ่อนส่ง 6 เดือนแล้ว คือเขาคงลำบาก เราก็รู้ฐานะเขาอยู่ ก็เลยติดต่อทางครอบครัวเขา เขาก็เคลียร์”

ทุกวันนี้ถ้าเจอกันยังคุยกันได้ไหม

“พี่เจอได้ เพราะเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว จบเถอะ ไหนๆ ครั้งหนึ่งเราก็เคยรักกันมาก่อน”

“คิดอย่างเดียวว่ารักก็รัก แต่ที่พี่แยกตัวออกไป คือจะบอกเลิกเขาก็ไม่ได้ เพราะเขาไม่ผิด เขาไม่ได้มีคนอื่น เรารักกันดี แต่อันนี้เป็นเรื่องอนาคตของผู้หญิงคนหนึ่ง เราอยากไปเรียนต่อ มันเป็นความฝันตอนเด็ก ที่อยากไปอเมริกา คือ 1.อยากโสด 2.อยากเรียนต่อ 3.รู้สึกอิ่มตัวกับงานในวงการแล้ว เพราะตอนนั้นพี่ 32 แล้วอยากออกไปแบบสวยๆ แล้วพี่ก็ไปเรียนตัดขนสุนัขอยู่ที่นู่น”

พุ่งตรงไปที่แอลเอเพราะอะไร

“เพราะที่นั่นอากาศดี มีอาหารไทย แต่ภาษาไม่ได้เลย ก่อนไปพี่เรียนแล้ว 6 เดือน ไปนู่นกลางวันเรียนภาษา 9 โมงเช้าถึงบ่ายสาม 6 เดือนแรกเรียนอย่างเดียวซื้อรถเลย งานไม่ทำ เงินฮวบเลย คือเรามีเงินเก็บของเราอยู่แล้ว แล้วใช้ไปทุกวัน เรารู้สึกว่าไม่ได้แล้วเลยโทรกลับเมืองไทยให้รุ่นน้องช่วยหาคนรู้จักหน่อย ว่ามีร้านอาหารไทยตรงไหนบ้าง พี่ไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟ พี่ไปร้านเครื่องเทศ พี่อยู่กับเขาถึง 4 ปี “

ทำไมถึงเลือกไปเป็นเด็กเสิร์ฟ

“กลางวันเราเรียน แล้วเด็กเสิร์ฟเป็นอาชีพเดียวที่เราสามารถทำตอนกลางคืนได้ แล้วพี่อยู่เทคแคร์ตรงหน้าบาร์ คือดูแล พวกไวน์เบียร์ พี่ต้องยกลังเอง วันละ 20 กว่าลัง พี่ทำงานอาทิตย์ละ 3-4 วัน กล้ามนี่เป็นมัดๆ เลย”

อยู่ที่นู่นฟังแล้วไม่ได้ลำบากนะ ชีวิตแฮปปี้ดี

“ไม่ลำบาก ยกเว้นตอนเสิร์ฟตอนแรกๆ จะถูกคนดูถูก ก็เขาบอกว่า คุณบุ๋มยังสวยอยู่เลย ทำไมไม่กลับไปเล่นหนัง เล่นละคร มาทนลำบากทำไม แต่เราเห็นหน้าตาเขาแล้ว นี่มันกัดกู แต่พี่รู้สึกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจอยากเอาถ่านปา”

ฝรั่งเขาจะชอบสไตล์นี้

“เขาประมาณว่าจะชวนออกเดท จะชวนกินข้าว คือเราเป็นผู้หญิงไทย เราดูในหนังพวกนี้เดทแรกก็ล่อเลย ไม่เอา ฉันไม่อยากเสียตัว เราเป็นผู้หญิงแซ่บก็จริง แต่เรื่องเซ็กส์พี่ถือพี่โบราณมาก เฉพาะแฟนพี่เท่านั้นที่ฉันให้กอด คือพี่แต่งตัวแซ่บแล้วพี่ก็มีอัลบั้มนู้ดด้วย คือตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่ในวงการก็เลยตัดสินใจถ่าย ถ้าอยู่พี่ได้โดนด่า ในยุคนั้นใครยอมรับกันได้ ตอนนั้นพี่อยู่อเมริกา แล้วเพื่อนพี่เขาไปเรียนอยู่นิวยอร์กหรือที่ไหนที่แหละ เราคุยกันเล่นๆว่าอยากมีสักเล่มนึง พี่เป็นคนขับรถจากแอลเอไปเวกัส ถ้าเห็นวิวตรงไหน จำไม่ได้แล้วหินสีแดงก็ไปถ่าย ตอนนั้นใส่จีสติงชิ้นเดียวแล้วแปะจุกเสื้อคลุมสีขาว มองซ้ายมองขวาไม่เห็นตำรวจปีนขึ้นไปเลยแล้วไปเกาะอยู่ข้างบนแล้วถอดเสื้อทิ้งลงมาแล้วจำได้ว่าตอนนั้นหนาวมาก มือหงิกเลย แต่รูปออกมาเซ็กซี่อ่ะ”

วางแผนชีวิตไว้ยังไง

“อายุ60 เนี่ยพี่ตั้งเป้าไว้ว่าจะกลับมาเมืองไทย ปีนี้พี่กลับมาเมืองไทย มาเปิดบริษัทเล็กๆ ทำเกี่ยวกับบิวตี้ เฮลตี้ ช่วง 2-3 ปีนี้พี่จะอยู่เมืองไทยนานหน่อย 60 มาจะได้มีปัญญาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ส่วน 70 ปีก็คือกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว ความฝันของพี่ ที่ถาม 60-70-80 คือฉันต้องสวย ฉันต้องเป๊ะแบบนี้ให้ได้”

แต่มีอีกอย่างที่หลายคนรอคืออยากเห็นพี่เล่นละคร

“มันยากอ่ะ เท่าที่พี่ได้ยินข่าวมาคือระเบียบวินัยไม่ค่อยมีกัน เวลานัดกันแล้วเลทกันมาก จากที่ได้ยินข่าว แล้วพี่แก่แล้วให้พี่ไปนั่งรอเด็ก พี่ไม่รอ” 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image