วันนี้(21 ส.ค.) พิธีกรชื่อดัง นิหน่า-สุฐิตา เปิดใจกับผู้สื่อข่าวดังช่อง7 หลังสามี แบงค์-พชร ตรวจเจอมะเร็งที่ตับในระยะแรกเริ่ม โดยนิหน่าเปิดใจว่า ปัจจุบันอาการป่วยของสามีตนดีขึ้น หากย้อนกลับไปที่เจอโรคนี้เพราะสามีไปตรวจร่างกายประจำปี แล้วเจอก้อนทรงกลมในร่างกาย จึงตัดสินใจตรวจชิ้นเนื้อดังกล่าว และพบว่าเป็นเนื้อไม่ดีในระยะเริ่มต้น จากนั้นจึงดำเนินการรักษาโดยการฉีดยาเฉพาะจุดที่ก่อนเนื้อดังกล่าวตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เมื่อรักษาโดยการคีโมเฉพาะจุดทำให้มีผลข้างเคียงในร่างกายน้อย และรักษาต่อด้วยการจี้ก้อนที่ยังอยู่ด้วยความร้อนทำให้ก้อนเนื้อฝ่อลงไปเอง ส่วนถามว่าสามีตนเป็นก้อนเนื้อได้อย่างไรนั้นตอบยาก เนื่องจากสภาพร่างกายของคนเราไม่เหมือนกัน จึงไม่สามารถชี้ชัดได้ จึงบอกเป็นภาพรวมเพียงว่า การใช้ชีวิต อาหาร อากาศ อารมณ์ ล้วนส่งผลต่อสุขภาพทั้งนั้น
“แต่เราโชคดีที่เจอเร็วค่ะ”
ย้อนกลับไปวันที่ทราบข่าวอาการเนื้อร้าย ตนยังบอกโลกในแง่ดีว่าสิ่งที่เจอคงเป็นเพียงเนื้อธรรมดา
“แต่ตอนที่บอกก็ช็อกเหมือนกันนะคะ อึ้งทั้งคู่ แต่ว่าก็โทรศัพท์ไปปรึกษาแพทย์ที่รู้จักเขาบอกให้อยู่กับวันนี้ เพราะว่าเรารู้เท่านี้ ถ้าวันนี้มันยังโอเคก็อย่าเพิ่งไปคิด เพราะแน่นอว่าตอนนั้นเราฟุ้ง ความกลัวเต็มไปหมด”
“แต่พอตั้งสติว่ามันไม่มีอะไรเลย เราต้องอยู่กับวันนี้ ดูแลกันก็ต้องอยู่กับมัน”
หลังจากนั้นสามีตนจึงเปลี่ยนการดำเนินชีวิตทั้งอาหาร และการพักผ่อน ระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากในร่างกายขณะนี้มีเซลล์ผิดปกติอยู่
“คำว่ามะเร็งมันน่ากลัว เรายังกลัวเลย แต่แบงค์บอกว่าในวันที่เขาอาการดีขึ้นก็อยากโพสต์อาการป่วยของตัวเองให้เป็นวิทยาทานแก่คนทั่วไป”
“การตรวจร่างกายประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ เราต้องเพิ่มรายละเอียดในการตรวจดู หากเจอสิ่งผิดปกติจะได้สามารถดูแลได้ทัน ”
สำหรับกำลังใจตนบอกเลยว่าครอบครัวตนนั้นเน้นการกระทำที่เป็นห่วงกันเป็นการบอกรัก
“ไม่พูดเยอะ เราใช้ชีวิตปกติ เราไปเที่ยวกันมา และรักษาไปตามขั้นตอน ทำให้เป็นเรื่องปกติ พยายามไม่ดราม่า เชื่อว่าสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ ”
ตนเชื่อว่าสามีมีความกังวล ขณะเดียวกันตนก็พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งทางใจ
“เราต้องแข็งแรงนะคะ เพราะว่าพี่แบงค์กลัวเราเครียด เราก็ต้องไม่เครียด เราเชื่อว่ามันต้องโอเค เราก็ใช้ชีวิตปกติ ไปเที่ยวกัน แต่ว่ารักษาสุขภาพ เขาเองก็ไม่เครียด เราต้องอยู่กับวันนี้ แก้ปัญหาไปทีละอย่าง วันนี้เราอยู่ตรงนี้ มีทางรักษา รู้เท่านี้ ก็อยู่เท่านี้ไปก่อน ”
