ออริจินอล มีความคิด ความเป็นตัวของตัวเองของสมาชิกในทีม

จากเด็กหนุ่มผู้เดินตามความฝันของตัวเอง ธนทัต ชัยอรรถ ก็กลายเป็น แกงส้ม เดอะ สตาร์ นักร้องและนักแสดงที่ใครต่อใครรู้จัก ก่อนเจ้าตัวจะตัดสินใจพลิกผันชีวิตตัวเองอีกครั้ง ด้วยการเปิดค่ายเพลง OGME เมื่อปีก่อน และถึงตอนนี้ด้วยวัย 27 ปี กับการเป็นทั้งคนเบื้องหน้า แถมควบด้วยตำแหน่งผู้บริหาร เป็นคนเบื้องหลังได้ 1 ปีเต็ม เขาก็ว่า เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย

“ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะทำได้” แกงส้มสารภาพ

กระทั่งได้ทำงานกับ มิค-แมค 2 ศิลปินน้อยในสังกัดนั้นแหละ จึงเกิดความมั่นใจ

“พอเจอมิค แมค ถึงได้รู้ว่าจะเอาสิ่งที่เรามี ออกมาเป็นการสอนได้อย่างไร เนื่องจากเราทำทุกวัน มันเลยเหมือนเป็นสิ่งง่ายๆ แต่พอต้องมาสอน เอาความรู้มาแปลงเหมือนหลักสูตรย่อมๆ มันยาก”

Advertisement

“แล้วทุกอย่าง ทุกคำ ที่พี่บอย-ถกลเกียรติ วีรวรรณ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน สามสิบเอ็ด จำกัด) เคยสอนผม ด่าผม ดุผม ตอนนี้เข้าใจทันทีเลย ว่าเขาทำไปทำไม ในมุมกลับกัน พอเราต้องมาเป็นคนสอน บางครั้งก็ตกใจตัวเอง ว่าคำๆ นี้พี่บอยเคยสอนนี่ วันนี้เข้าใจแล้ว และรู้สึกในสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมามากกว่าเดิม ว่าเราผ่านอะไรมาก เราเหนื่อยมาขนาดไหน ซึ่งเราว่าเราเหนื่อยแล้ว แต่คนที่สอนเรามา เขาเหนื่อยกว่าอีก”

“พี่บอยเคยบอกผมว่าเรื่องของการทำงาน อย่าไปนึกถึงผลลัพธ์ อย่าไปคิดว่าภาพจะออกมาเป็นอย่างไร เราจะดูดีไหม อย่าไปสนใจ เอาจุดเริ่มต้นก่อน ว่าเรารู้สึกอะไร เรามาจากอะไร และเราทำไปเพื่ออะไร จุดเริ่มต้นต้องชัดเจน คำๆ นี้เป็นคำที่ผมพูดกับเด็กเยอะมาก”

คำที่เมื่อแรกได้ยิน เขาเองก็ไม่เข้าใจ-แต่วันนี้กระจ่างแล้ว

Advertisement

นั่นคือ “ถ้าเราสนใจแต่ผลลัพธ์ เราก็จะได้เห็นอย่างที่เป็นอยู่ คือเด็กสมัยนี้เก่งมาก ร้องได้ แต่ว่าเหมือนกันหมด เพราะทุกคนตั้งผลลัพธ์ไว้เหมือนกัน คือมีภาพศิลปินที่ชอบ เหมือนการก๊อบปี้”

จึงกลายเป็น “เก่งนะ แต่เก่งเหมือนกันหมด ไม่มีเสน่ห์ ขาดตัวตน เหมือนดูก๊อบปี้โชว์เบาๆ”

“ตอนที่จัดออดิชั่น ทุกคนจะเต้นเพลงเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกัน น้อยมากที่จะบอกว่าผมขอร้องเพลงที่แต่งเองนะ ผมว่ายุคผมหายากแล้วที่จะทำอะไรด้วยตัวเอง แต่ยุคนี้หายากกว่าอีก”

“นี่แหละที่ทำให้เอามาสอนน้องต่อได้ เพราะผมไม่อยากปั้นเคบอย ให้เขาออกมาไม่ต่างจากการเต้นคัฟเวอร์ ผมอยากปั้นเคบอย แล้วออกมาเป็นศิลปิน”

แกงส้มซึ่งมีโปรเจ็กต์สร้างวงบอยแบนด์และเกิร์ลกรุ๊ป จึงได้จัดทำรายการ Road to Idol ออกอากาศทางยูทูบชาแนล OGME ENTERTAINMENT ซึ่งปีนี้เป็นซีซั่นที่ 2 จึงมีโอกาสได้ทำงานกับเด็กชายและเด็กสาว หลายคนบอกด้วยว่า เขาสังเกตเห็นอะไรหลายอย่างจากเด็กๆ เหล่านี้

“เด็กผู้ชายบางคนเคยไปแตะความสำเร็จมาแล้ว ก็มีความภูมิใจของเขา แต่ถ้าจะมาเป็นศิลปิน มันไม่เหมือนกัน เราต้องล้างความเชื่อมั่นอะไรบางอย่างของเขาที่ติดอยูกับความสำเร็จเดิม ต้องทำให้เห็นว่ามันคือการเริ่มต้นใหม่จริงๆ ส่วนเด็กผู้หญิงบางคนประกวดมาทุกเวที อยากเป็นศิลปินมากๆ การอยากมากเกินไป ทำให้บางครั้งลืมมองความสามารถตัวเอง และมีความอวยตัวเอง”

“แล้วการเป็นศิลปินเดี่ยวกับศิลปินกลุ่มนั้นไม่เหมือนกัน เขาก็ต้องใจเย็นๆ ความยากของการทำบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป คือการปรับทัศนคติ นี่เป็นสิ่งที่ผมกล้าพูดเลย ว่ายากกว่าทักษะด้วยซ้ำ”

“ผมจะบอกเขาเสมอว่าสิ่งที่เขาทำ อย่างเก๊กหน้าหล่อ ทำไปทำไมเหรอ ทำแล้วได้อะไร แล้วรู้ไหมว่าการที่ศิลปินคนอื่นทำแล้วดูเท่ แต่พอเราทำ ดูแล้วเหมือนขี้เก๊ก ดังนั้นต้องย้อนกลับมาดูตัวเอง”

สำหรับเด็กๆ ที่เขาเลือกมาร่วมรายการดังกล่าว แกงส้มหวังว่า เขาจะได้พบเพชรเม็ดงาม ซึ่งหากได้พบเขากับบริษัท หมิงเฟย เทเลวิชั่น แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ลิมิเตท ประเทศจีน จะร่วมกันผลักดันให้เป็นศิลปิน ออกผลงานทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน

ซึ่งถึงวันนี้หลายคนเหมือนจะมีแวว แต่สุดท้ายแล้วแววนั้นจะเปล่งประกายเพียงพอไหม เขาเองยังตอบไม่ได้

“มันก็เหมือนการเสี่ยงดวง เหมือนเราลงทุนอะไรสักอย่าง ตอบไม่ได้หรอกว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ถ้ามันได้ที่ใดที่หนึ่งก็ดี เอาตรงๆ ผมอยากให้น้องมีพื้นที่ในการทำงาน เพราะเก่งสนามซ้อมมันไม่เหมือนสนามจริง ให้เขาได้ไปฝึกลับคม ให้เข้าใจชีวิตศิลปินมากขึ้น อาจจะไม่ดังมาก แต่มีงาน ถ้าเขาได้สเกลนี้ผมก็พอใจแล้ว”

ส่วนตัวค่ายเพลงที่เขาเองทุ่มเททั้งแรงกาย แรงใจ และตัวเงินนั้น แกงส้มบอกว่า ถึงตอนนี้ก็ถือว่าเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน ซึ่งเขารู้สึกว่าเป็นการทำงานที่เหนื่อยมาก และก็สนุกมากเช่นกัน

“ตอนนี้คิดอย่างเดียวว่ายังมีแรงทำ ก็ทำต่อ ถ้าวันหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ พูดตรงๆ ว่าปลายทางอาจไม่ได้สวยงามหรอก แต่เราก็ยังมีความสุขที่ได้ทำ วันนี้เรามีแรงไง เลยอยากทำตรงนี้ก่อน เรื่องค่ายจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ไม่ซีเรียส แค่อยากให้น้องๆ ประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะหลายคนเขาก็เหมือนเป็นโค้งสุดท้ายตรงนี้”

กับน้องๆ ที่เข้าร่วมรายการ รวมถึงคนที่เป็นศิลปินของค่ายเขา แกงส้มบอกว่าเท่าที่ดูทุกคนมีพัฒนาการซึ่งน่าพอใจ และนั่นก็ทำให้รู้สึกดียิ่ง

“วันที่เห็นเขาเก่งขึ้น เรามีความสุขจริงๆ ว่าเขาก็ทำได้ เราก็ทำได้ มันคือความภูมิใจที่หาจากที่อื่นไม่ได้จริงๆ”

“วันหนึ่งเมื่อเขาแข็งแรงพอ และมีอาชีพของเขา มันเป็นเพราะเรา พยายามคิดแบบนี้เพื่อเป็นแรงกระตุ้น คิดว่ามันต้องเป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ ที่วันหนึ่งเราจะเห็นเขามีเงินดูแลพ่อแม่ได้ มันก็คุ้มที่เราจะเหนื่อย”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image