เป็นอีกหนึ่งนักร้องขวั
“สมัยก่อนผมเป็นลูกชาวนา สมัยก่อนผมไม่มีบ้าน ผมอยู่ทุ่งนา เวลาเดินไปเรียนต้องเดินไป 3-4 กิโล อาศัยเถียงนาเป็นบ้าน ในความลำบากตรงนั้นมันเป็นเรื่
“เคยทำงานที่ร้านลาบ ช่วงปิดเทอมเราก็มาช่วยตลอด แต่เราไม่ได้เป็นเงินเดือนนะ เขาอยากให้ก็ให้ เพราะมันคือธุรกิจทางบ้าน เราเคยพิสูจน์ตัวเองอยากทำงานที่อื่น แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด”
“ก่อนที่ผมจะมาช่วยเขาขายลาบ ผมเคยชกมวย ค่าตัว 150 บาท ไปซื้อรองเท้า เสื้อผ้าที่เราอยากได้ แล้วก็รำตามหมู่บ้าน”
ส่วนเส้นทางการเป็นนักร้องนั้น ไผ่บอกว่า “มันชั่วข้ามคืน”
“ผมรู้จักกับหยก ลูกหยี ซึ่งเป็นผู้จัดการคนแรกเลย พี่เขาพาผมไปนั่งดูเขาซ้
“หลังจากนั้นผมก็กลั
เคยลำบากขนาดที่มีเงินติดตัวเพียง 5 บาท “ช่วงนักร้องที่ลำบากน่าจะเป็นช่
“ช่วงนั้นเหมือนเราเข้ามาใหม่ๆ ไม่ได้มีอะไร ผมจำได้ว่าวันนั้นผมอยู่กับหลาน ผมเหลือเงินอยู่ 5 บาท เขาก็ไปทำงานกันหมดไม่รู้ทำไงก็
“เมื่อก่อนอยากกินข้าวเราก็ถื
หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นศิ
“ผมว่าคนมีชื่อเสียงหลายๆ ท่าน หรือนักร้องหลายๆ ไม่เคยเจอ ทุกคนอวยเรา เราเริ่มรู้สึก สมัยก่อนเคยเดินไปตักน้ำแก้วนึง ทุกวันนี้เริ่มรู้สึกนั่งเฉยๆ แล้วมีคนเอาน้ำมาให้ กลายเป็นช่วงนั้นเริ่มตวาดที
“ถามว่ามีคนพูดไหม มันไม่มีคนพูดหรอก แต่ทุกคนเริ่มไม่เข้าใกล้ ผมก็เลยตัดสินใจไปบวชก่อนดีกว่า”
และเมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับ ต่าย อรทัย ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแฟนเพลงจิ้นไปเองนั้น ไผ่ก็ว่า
“จริงๆ มันเริ่มต้นจากคนเห็นภาพเราถ่
“ผมชอบพี่ต่ายในฐานะไอดอล คือผมเห็นเขาทำงานตั้งแต่ผมยั
ส่วนสถานะหัวใจตอนนี้ “ผมก็มีคนคุย ก็ทั่วไปเป็นกำลังใจ”
ไม่หวั่นถ้าวันหนึ่งเปิดตั