เมื่อวันที่ 23 ก.ย. เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก ผูอำนวยการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มาร่วมงานเปิดตัว The Face Men Thailand season 3 ที่ไทยรัฐทีวี พร้อมทั้งตอบคำถามหลังหอบรายการ
The Face Men Thailand และรายการ ET Thailand จากสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี มาลงไทยรัฐทีวี เพราะความขัดแย้ง ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เต้ ปิยะรัฐ ตอบว่า เหตุผลที่ย้ายรายการมาลงช่องไทยรัฐทีวีเพราะเหตุผลทางธุรกิจ ทั้งนี้ ขออธิบายว่าในการร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ช่องใดแล้วก็อยากร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ช่องนั้นให้นานที่สุด
แต่ว่าที่สุดแล้วจากประสบการณ์การทำงานของเรา ก็คือรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด เพราะฉะนั้นจริงๆ ไม่ว่าซีซั่นไหน หรือว่าอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ กันตนาก็ยังเป็นกันตนา รายการเดอะเฟสก็เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ช่องไหน แต่ว่าช่องสถานีโทรทัศน์ใดจะสามารถให้ความกรุณาเรามากน้อยแค่ไหน เราไปนั่งและไปตัดสินใจแทนสถานีไม่ได้จริงๆ”
“แล้วด้วยสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละสถานีไม่เหมือนกัน เราเข้าใจ แต่ว่าในขณะเดียวกันเราก็ต้องทำงาน เพราะฉะนั้น ถ้าเรารอกันไปมา หรือว่าหวังพึ่งอย่างเดียวเนี่ย มันจะอยู่กับที่ แล้วสิ่งที่เราสร้างมาจะไม่ได้ถูกพัฒนาเลย หรือต่อยอดในทางที่ต่อเนื่องเลย เพราะฉะนั้นทางนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ที่เราสามารถเป็นแพลตฟอร์มที่ดำเนินไปได้ด้วยตัวของเราเองไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ”
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะกับพีพีทีวี แต่ไม่ปฏิเสธว่าเคยมีความขัดแย้ง เนื่องจากในการทำงานกับทุกฝ่ายย่อมเคยเกิดความขัดแย้งกันอยู่แล้ว และตอนนี้กันตนายังมีละครโทรทัศน์ และรายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางช่องพีพีทีวีอยู่
“จริงๆ ขอตอบแบบสรุปว่ากันตนาโดยเฉพาะพี่เต้นะ กันตนา เอฟโวลูชั่น จำกัด นะ ทำงานได้กับทุกช่อง ทุกค่าย ”
เพราะว่านอกจากเดอะเฟสที่มา ยังมีอีทีไทยแลนด์ที่มา
“ใช่ แต่ว่าอันนั้นจะเป็นข้อสงสัยหน่อยว่า ทำไมเริ่มมาตั้งปีครึ่งแล้ว ก็ย้ายมาก็อันนี้ถามเราเองไม่ได้ ต้องถามหลายๆ ส่วน หลายๆ ฝ่าย ”
ไม่ขอปฏิเสธว่าเรื่องเรตติ้งมีผลต่อการไปต่อของรายการ
“คุยกันชัดเจนว่าเราทำต่อด้วยกันไหม คำตอบคือหยุด แต่ว่าเดอะเฟสเมน ซีซั่น 2 มาขอหยุดแต่ว่าเราหยุดไม่ได้ เพราะว่าเราลงทุนไปแล้ว คิดไปแล้วในส่วนของกันตนา หรืออีทีไทยแลยด์ที่เราเดินทางและลงทุนไปแล้ว ซื้อลิขสิทธิ์มาแล้ว คือมันได้ผ่านกระบวนการทำงานและลงทุน ไปล่วงหน้าในส่วนของกันตนาไปพอสมควร ไม่ใช่แค่ 2 รายการนี้นะ ปกติเป็นแบบนี้ทุกรายการ”
“ซึ่งลำพังกันตนาบริษัทเราเรารับผิดชอบแค่ส่วนเรา เราพูดได้แต่ส่วนเรา เพราะฉะนั้นเราไปจับมือกับช่อง หรือคู่ค้าทางธุรกิจใดๆ ก็แล้วแต่ แล้วเมื่อเขาบอกว่าเขามีสิ่งอื่นที่จำเป็นมากกว่า ที่เขาจะต้องทำ เราจะต้องเข้าใจนะ แต่ว่าเราไม่โกรธกัน อันนั้นไม่ถือว่าเรา ขัดแย้ง เราไม่ถือนะ ถามว่าจากกันด้วยดีไหม คือเราว่าดีอยู่แล้ว ตัวเราทำอะไรทำเต็มที่ ทำกับใครก็ได้ ขอให้ชัดเจนว่าทำแล้วยืนยันกัน แล้วเราเป็นตัวของเราเองได้”
