พวกเธอมันเป็นของเล่นไฮโซ , จำเป็นต้องโดนขนาดนี้ไหม? ความในใจดาราผู้ถูกบูลลี่

ใครกันจะนึกฝัน ว่าชีวิตของตัวเองนั้นจะเจอกับการบูลลี่จากใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ เพราะทั้งหมดที่ส่งมาทำร้ายจิตใจ มักจะมาจากช่องทางออนไลน์

ออม สุชาร์ มานะยิ่ง กับ โดม จารุวัฒน์ เชี่ยวอร่าม ก็ไม่นึกฝันเช่นกัน ว่าจะเจอกับตัว

“เป็นคนที่โดนบูลลี่มาตลอด ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิง” นี่ ออม สุชาร์ เล่า

นั่นหมายความว่าเธอเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้มา 10 กว่าปีแล้ว

Advertisement

“ตอนโดนใหม่ๆร้องไห้เลย ร้องแบบจริงจัง อยากออกจากวงการบันเทิง เพราะรับไม่ได้ เหมือนภูมิต้านทานไม่มี เป็นคนที่ปกติไม่เคยมีใครมาบูลลี่ขนาดนี้”

อันที่จริง เรื่องโดนติ โดนว่า ออมบอกก่อนหน้านั้นก็เคยโดน เพียงแต่การโดนติ โดนว่าดังกล่าว “มีความจริง ให้นำไปใช้พัฒนา” ได้อยู่

“แต่ว่าการบูลลี่ที่เจอ คือไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ทั้งคนด่า คนถูกด่า”

Advertisement

บอกด้วยว่า ที่ผ่านมา ตอนโดนใหม่ๆ หลายครั้งหลายหนที่เธอพยายามปรับตัว “พยายามทำตัวดี” แต่สุดท้ายก็พบว่า “มันจะมีแบบแง่มุมใดๆอื่นๆอีก ที่อาจจะทำให้คนไม่ชอบเรา”

จะให้เล่า หรือยกตัวอย่าง ออมก็หัวเราะ แล้วบอก “มันเยอะมากเลย” เยอะจนไม่รู้จะยกเรื่องไหนดี

“ออมใช้เวลานานนะคะ ประมาณ 4-5 ปีกว่าจะทำใจกับมันได้”

“บางทีเราก็ทำท่าเหมือนเก่ง ไม่เป็นไร แต่จริงๆแล้วเป็น”

“หลังๆก็ไม่ได้เคยชอบที่ให้ใครมาด่า แต่ว่าก็เข้าใจ คือจริงๆการติเพื่อก่อ มันเป็นประโยชน์ แต่ว่าการบูลลี่มันบั่นทอน อย่างเรามีแฟน หรือใครมีแฟน มันจะมีแบบ เดี๋ยวก็เลิกกัน พวกเธอมันเป็นของเล่นไฮโซ จะพูดทำไม คือทุกคนมีสิทธิในชีวิตของเขาเอง ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดเลย”

แต่กระนั้น สิ่งไม่มีประโยชน์ดังว่า ก็ยังเกิดขึ้นโดยต่อเนื่อง ตลอดมา ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เธอพอจะทำได้จึงเป็น การพยายามเข้าใจมนุษย์

“พยายามเข้าใจ ว่ามนุษย์มีหลายความคิด เราไม่สามารถควบคุมความคิดของใครได้ แต่สามารถควบคุมความคิดของเราเองได้ ว่าเราจะเปิดรับไหม”

ทุกวันนี้เธอจึงไม่เปิดรับทุกอย่าง “แต่ว่าบางสิ่งเราอาจทำตัวไม่ดีก็ได้ ก็ต้องรับฟัง แต่บางสิ่งเราต้องมีวิจารณญาณว่า อย่าลดคุณค่าของตัวเอง อย่ารู้สึกว่าการถูกบูลลี่มันจะคือทุกอย่างในชีวิต”

“การบูลลี่คือการล้อเลียน ไม่ใช่เรื่องจริง ให้ศรัทธาในตัวเอง”

ดังนั้นทุกครั้งที่เข้าไปอ่านข้อความต่างๆ เธอก็จะบอกตัวเองว่า “ต้องกรองความคิดเห็นประมาณหนึ่ง แข็งแรงประมาณหนึ่ง”

“วันนี้ออมแข็งแรงมากขึ้น 10 กว่าปีในวงการก็ทำให้เรียนรู้ที่จะอยู่ในวงการบันเทิงให้ได้ด้วย”

ส่วน โดม จารุวัฒน์ บอกว่า การโดนบูลลี่อยู่ในชีวิตเขามานานแล้ว

“นานมากแล้ว”

ยอมรับด้วยว่า เมื่อก่อนนี้เขาจะนอยด์เมื่อเจอ

“เพราะคนที่มาพิมพ์ มาพ่นเอาไว้ เขาไปแล้ว แต่เราเป็นคนอ่าน จะอยู่กับสิ่งที่เขาพ่นไปอีกนานเลย”

“แต่ทุกวันนี้พยายามทำความเข้าใจกับมันมากขึ้น ใจเย็นลง ยิ้มได้ หัวเราะได้”

ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกว่า คงจะดี ถ้าทำให้คนที่มาบูลลี่เหล่านั้นเกิดความเข้าใจ ดังนั้นเวลาที่มีคนมาล้อเลียนเรื่องรูปร่างหน้าตา หรือว่าเรื่องปากและฟัน ระยะหลังเขาจึงจะตอบกลับแบบดีๆ ใช้เหตุผลมาอธิบาย

“อธิบายว่าไม่ใช่ใครก็ทำได้ มันจะมีผลดี ผลเสียด้วยกันทั้งนั้น”

“ไอ้ที่เขาบูลลี่ ว่าทำไมไม่ไปผ่าตัด คือไม่ใช่ว่าไม่อยากทำ แต่เราศึกษาอยู่”

ทั้งยังบอกเพื่อความเข้าใจชัดเจนว่า ถ้าสุดท้ายตัดสินใจที่จะทำ ก็ไม่ใช่เพื่อให้ใครมาชอบ แต่เป็นการทำเพื่อตัวเอง

นักร้องคนดังยังบอกอีกว่า เขารู้สึกเบื่อกับสภาพการโดนบูลลี่แบบนี้มากๆ ทั้งยังเคยพยายามอธิบายให้ผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว ว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งใดๆ

“เขาก็ยังพิมพ์อยู่ดี ยังคงอยากแสดงความคิดเห็น อยากพิมพ์เข้ามาพ่นคำไม่ดีเอาไว้”

“ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องการอะไร แต่ว่าสุดท้ายแล้ว คือเขาแค่อยากระบาย อยากมีตัวตนในแบบนี้ อยากพูดให้คนเสียใจ”

สำหรับตัวเขาเอง “เราไม่เคยพิมพ์ว่าใครเลยนะ ถ้าจะว่า ก็พูดตรงๆ บอกตรงๆ เดินมาหากัน เตือนแบบหวังดี แต่พิมพ์เพื่อด่า จิกกัด เราไม่เห็นประโยชน์”

“บางทีเลยเลือกที่จะไม่อ่าน หรือว่าอ่านก็เลือกที่จะมองว่าเขาหวังดีกับเรา อยากบอกให้เราพัฒนาขึ้น เรามองในมุมบวกมากขึ้น”

“แต่ถามว่าจำเป็นต้องโดนขนาดนี้ไหม บอกเลยไม่จำเป็น หอมปากหอมคอได้ เบาๆได้ แต่ไม่ใช่ขนาดนี้”

อย่างไรก็ดี โดมบอกว่ารู้สึกดีใจ ที่ตอนนี้เรื่องของการบูลลี่ถูกพูดถึงมากขึ้น มีคนคิดเห็นตรงกันมากขึ้น ว่าเป็นเรื่องไม่ดี ก็พอจะทำให้มีความคาดหวัง

“พอมีคนไม่ทำไปเรื่อยๆ โลกเซเชียลก็สะอาด”

“ไม่ต้องเริ่มที่ใคร เริ่มที่เราก่อน”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image