ถึงคราวที่ลูกชายฝาแฝดวัย 2 ขวบ 2 เดือน อย่าง สายฟ้า และ พายุ ต้องเข้าโรงเรียน คุณแม่อย่าง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ก็เล่าให้ ‘มติชนออนไลน์’ ฟังอย่างชิวๆ ว่า เด็กๆ ไม่ได้มีปัญหากับการที่ต้องออกจากบ้านไปเจอผู้คน เพราะปกติก็พาไปข้างนอกอยู่ตลอดแล้ว
แต่กระนั้นด้วยความเป็นเด็ก การไปโรงเรียนครั้งแรกก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีน้ำตา
“ก็มีบ้างบางวันที่ร้อง อย่าง 2-3 วันแรกที่ไปโรงเรียนก็ร้อง ไม่ได้ร้องแบบตีโพยตีพายนะ”
เพราะเพียงแค่คุณครูพาไปทำกิจกรรมเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก็น้ำตาก็เป็นอันหายไป
“ตอนแรกก็ลง 3 วัน แต่ว่าทางโรงเรียนก็บอกว่าถ้าเป็นไปได้ยูลง 5 วันเลย เด็กเขาจะได้ปรับตัวได้เร็ว เขาจะได้รู้ว่านี่คือชีวิตเขานะ เขาต้องมาโรงเรียน”
“ซึ่งมันก็เวิร์ก พอลง 5 วันเด็กก็ปรับตัวเร็ว รู้ว่าต้องมาโรงเรียน”
และข้อดีอีกอย่างที่ชมพู่บอกเล่าก็คือโรงเรียนมีครูที่เรียนรู้เรื่องพัฒนาการเด็กมาโดยตรง
“ซึ่งบางทีเราเจออะไรที่มันเป็นธรรมชาติของเขาแต่ว่าเราก็อยากปรับ โรงเรียนก็มีอะไรอีกมุมนึงที่คนเป็นพ่อแม่ธรรมดาอย่างเรามองไม่เห็น บางทีเราไม่รู้ว่าปรับตรงนั้นแล้วเขาจะน่ารักขึ้นนะ คือเขาก็มีอะไรตรงนี้ให้”
และเมื่อถามถึงโมเมนต์ที่ไปส่งลูกเรียนวันแรก สำหรับ คุณแม่ชมพู่ นั้นเจ้าตัวก็เกริ่นพร้อมรอยยิ้มว่า
“เขาว่ากันว่าจะร้องไห้”
แต่กระนั้นเธอก็ว่าไม่ได้ร้องไห้ มีเพียงโมเมนต์บางอย่างที่ทำให้น้ำตาซึม
“ไม่ได้จะร้องไห้เพราะว่าเขาต้องออกจากอกเรา ไม่ได้คิดแบบนั้นเพราะรู้ว่าข้างในก็ปลอดภัยไม่ได้ไปตายอ่ะ นึกออกป่ะ”
“คือชมอยู่กับเขาทุกวันก็จะรู้ว่าเด็กร้องไห้ทุกวันอยู่แล้ว เพราะเป็นการสื่อสารเดียวของเขาเวลาที่ไม่พอใจ เพราะว่ายังพูดสื่อสารไม่ได้ 100% แล้วมัน 2 ขวบแล้วอ่ะ”
ด้วยความไม่ได้วิตกกังวลเพราะชินกับการที่เห็นลูกร้องไห้อยู่บ้าง รวมถึงเข้าใจว่าต้องมีการปรับตัวเข้าการไปโรงเรียน เลยไม่ได้มีความรู้สึกในมุมเศร้าเสียใจ
“คือเราก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องใจสลาย แต่ว่ามันจะมีโมเมนต์ซึ้งๆ ที่ว่า เราเลี้ยงมาจน 2 ขวบแล้วหรอวะ (หัวเราะ) อะไรอย่างนี้”
“มันเหมือนเป็นไมล์สโตนอ่ะ เก็บแต้มนึงละนะ แบบมันโตเร็วเนอะ คือฟิลนั้นมากกว่า”
ก่อนจะเล่าต่อถึงโมเมนต์ฮาๆ ที่ต้องไปรวมกลุ่มกับบรรดาแม่ๆ ผู้ปกครองที่ต้องมารอรับลูกกลับบ้านในวันแรกให้ฟังว่า
“วันที่ไปรับวันแรกอ่ะ แม่ๆ เขาก็จะมายืนรอกันอะไรแบบนี้ ชมก็แบบนิสัยไม่ดีด้วยความที่เป็นคนตรงอ่ะ ก็มีแม่คนนึงเราก็เห็นเขา เหมือนเมื่อเช้าไม่ได้เข้าไปส่งลูกข้างในเป็นพ่อไปส่งเองในห้องเรียน แล้วคุณแม่พอเราเห็นหน้าเราก็รู้เลยว่าต้องเป็นแม่เด็กคนนี้แต่เพราะดีเอ็นเอมันบอก”
“เราก็แบบลูกยูคนนี้ใช่ไหม เมื่อเช้าที่ใส่เสื้อแบบนี้ๆ เขาบอกว่าใช่ๆ เราก็บอกลูกยูร้องหนักมากเมื่อเช้านี้ เขาก็ร้องไห้เลย เราก็อุ้ย พูดอะไรออกไป” พร้อมเสียงหัวเราะหนักมาก
“คือมันก็เป็นโมเมนต์ซึ้งๆ แบบแม่ทุกคนมายืนแชร์ประสบการณ์ตรงนี้กัน พูดแล้วยังซึ้งเลยเนี่ย แบบว่ามันเป็นความประทับใจ” คุณแม่เล่าด้วยน้ำเสียงเครือ
แต่เมื่อสอบถามถึงการวางแผนให้ สายฟ้า-พายุ คุณแม่ชมพู่ อารยา ก็ว่าตอนนี้มองไว้แค่เรื่องโรงเรียนเท่านั้น
“ก็จะวางเรื่องโรงเรียนอะไรแบบนี้ แต่ว่าถ้าจะให้เป็นอะไรโตไปไม่ได้ขนาดนั้นก็ไหลไป ตอนแรกที่ท้องก็คิดว่าจะวาง จะคิดเยอะกว่านี้ แต่ว่าเราคิดโดยที่เรายังไม่ได้รู้จักเขาเลยอ่ะตอนนั้น”
“พอตอนนี้เห็นเขาออกมาเราก็ค่อยๆ ดูกันไป แต่ว่าเรื่องโรงเรียนก็ต้องวางแผนล่วงหน้าไว้ แต่ว่าเรื่องความถนัดความชอบอะไรยังไงก็คือแล้วแต่เขาเลย”