อ้อม สุนิสา เผยงานชิ้นใหม่ในชีวิต งานที่วัดความสำเร็จจาก ‘ความสุขของคน’

“จริงๆคิดทำรายการแบบนี้มานานแล้วนะคะ” อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์ บอกอย่างนั้น ตอนที่คุยกันถึง ‘ธรรม life’ รายการธรรมะขนาดสั้น ที่เจ้าตัวจับมือกับเพื่อนๆทำ เพื่อแพร่ภาพทาง LINE TV ทุกวันพุธและศุกร์ เวลา 08.00 น.

13 ปี คือระยะเวลาที่ว่า

“ตอนนั้นอยากทำ แต่ไปเสนอช่องแล้วไม่สำเร็จ”

เพราะเจอทั้งบางช่องที่ไม่มีเวลาให้ ส่วนที่มีก็แพงจนไปไม่ถึง “ไม่มีเงินจ่าย”

Advertisement

ทั้งนี้มีคำสารภาพแนบมาว่า ณ เวลานั้นเธอไม่ได้สนใจธรรมะอย่างจริงจัง

“แค่อยากทำรายการ เพราะรายการธรรมะทำแล้วคงเท่ เงินก็ได้ แล้วดูแปลก ได้ตอบโจทย์ในสิ่งที่ตัวเองสงสัย ได้ทุกอย่าง แต่ไม่ได้อย่างเดียว คือไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง และไม่ได้พัฒนาตัวเอง ตอนนั้นเราไม่รู้หรอก รู้แค่มันเท่ มันเจ๋ง มันได้เงินด้วย”

บอกด้วยว่าตอนถูกปฏิเสธจนไม่ได้ทำนั้น เธอเองรู้สึกโกรธ เนื่องจากเห็นประกาศกันปาวๆว่าอยากได้รายการธรรมะ อยากได้รายการเด็กและเยาวชน แต่พอไปเสนอจริงๆไม่มีใครให้ หรือถ้าให้ก็คิดราคาแบบเต็มที่

Advertisement

“แต่ไม่ได้มองตัวเอง ว่าเราทำไปถึงจุดหนึ่งหรือยัง ถูกที่ ถูกเวลาหรือเปล่า”

“ซึ่งพอถึงที่สุดแล้ว ในทุกจุดจบที่เกิดขึ้นและแฝงอยู่ มันคือการเริ่มต้นนะ”

เพราะจากวันนั้น  “อ้อมเลยได้เข้าไปที่เสถียรธรรมสถาน ไปปรึกษาแม่ชีศันสนีย์ ฟังท่านสอนบ้าง เล้วไปเป็นจิตอาสา ค่อยๆเข้าอย่างไม่รู้ตัว”

จนวันหนึ่งก็ตัดสินใจบวช

จากนั้นก็ได้พบว่า นอกเหนือจากเวลางาน ชีวิตของเธอก็มักวนเวียนอยู่ที่เสถียรธรรมสถาน , วัดพระราม 9 และหอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์ กรุงเทพ) เรื่องทำรายการไม่ได้อยู่ในสมองนานแล้ว กระทั่งวันหนึ่งจู่ๆก็นึกถึงไลน์และรายการที่อยากทำขึ้นมา

เป็นการนึกซึ่งต่างจากเมื่อ 13 ปีก่อน ที่ “รู้แค่มันเท่ มันเจ๋ง มันได้เงินด้วย” อย่างสิ้นเชิง เพราะคราวนี้ “เราพูดกับที่เราชวนทำเสมอว่า ถ้าแม้นคนหนึ่งคนเบาใจขึ้น แล้วเขาสนใจในธรรมขึ้นมา นั่นคือกำไร”

ส่วนเรื่องตัวเงินนั้น ไม่ได้อยู่ในสมอง-ของทุกๆคนที่ร่วมงาน เพราะแม้ทุกคนจะได้ค่าตอบแทนก็จริง แต่อ้อมว่า คิดแล้วก็น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

“เป็นค่าตอบแทนทางวิชาชีพ ซึ่งถ้าบอกราคาไป คนที่เขาคิดเงินปกติจะรู้สึกว่า ถ้าคิดราคานี้ได้ ทำไมไปคิดเขาเท่านั้น”

“แต่นั่นคือเขาก็ต้องใช้กำไรในชีวิต”

“ส่วนนี่เป็นแค่ค่าทุน ซึ่งถ้าเขาไม่คิดเลยก็ไม่ใช่ เพราะอะไร เพราะอ้อมคิดว่าถ้าเขาเจ็บป่วย แล้วเราไม่กันทุนเลย คือเรากำลังเบียดเบียน เราต้องทำงานแบบไม่เบียดเบียนกัน แต่ไหวเท่าไหร่ เอาเท่านั้น”

ขณะเดียวกันทีมงานยังเห็นพ้อง ว่ารายได้ที่พึงมีจากสปอนเซอร์ หลังหักค่าใช้จ่ายก็จะมอบให้หอจดหมายเหตุ พุทธทาส ไปใช้ดำเนินการเผยแพร่ธรรมะ

สำหรับเนื้อหาในรายการ ‘ธรรม life’ นั้น อ้อมบอกว่า เธอวิธีเปิดรับคำถามจากผู้ชม ให้เขียนมาบอกถึงเรื่องที่สงสัย ใคร่รู้ จากนั้นก็จะนำไปขอคำอธิบาย ให้พระเป็นผู้ตอบ ซึ่งบอกเลยว่า คำถามที่ได้รับมามีทั้งเรื่องการเงิน ประเภทเป็นหนี้บัตรเครดิตหลายใบ จะทำอย่างไรดี , เรื่องที่การสวดพระอภิธรรมศพ ระหว่าง 3 วันกับ 7 วัน ส่งผลบุญให้ผู้เสียชีวิตได้เท่ากันไหม รวมไปถึง เวลามีประจำเดือน สามารถเข้าวัดได้หรือเปล่า

นึกไม่ถึงใช่ไหมเล่า?

“บางคำถามเราก็นึกไม่ถึง ว่าใครจะสงสัยนะ” อ้อมบอก

“แต่ทุกคนมีสิทธิสงสัย และเราอย่าดูถูกความสงสัยของคนอื่น และถ้ามันจะทำให้เขาเสียโอกาสในการเป็นกุศล เราต้องแก้ให้เขาสิ”

ส่วนเรื่องนี้บัตรเครดิตนั้น อ้อมก็ว่า แม้พระจะไม่ได้เป็น ‘มันนี่โค้ช’ แต่เชื่อเถอะว่าคำแนะนำของท่านต้องมีประโยชน์

ประโยชน์ใน ‘ฝั่งจิต’ ที่ ซึ่ง “พระจะเป็นคนบอกว่าให้จัดการกับฝั่งจิตที่ทุกข์จากการเป็นหนี้อย่างไร”

พูดให้เข้าใจโดยทั่วกัน คือ “เป็นการนำเสนอธรรมะในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน เพราะเราไม่ได้พูดว่าธรรมะคือกฏอิทัปปัจจยตา ธรรมมะคืออริยสัจเท่านั้น ใดๆทั้งหมดนั่นแหละมีธรรม มีอิทัปปัจจยตา มีทุกอย่าง แต่เราไม่ต้องพูดถึงสิ่งเหล่านั้นก็ได้ พูดภาษาโลกๆผ่านพระนี่แหละค่ะ”

ถามอ้อมไปว่า ความสำเร็จของรายการ ‘ธรรม life’ นั้น จะวัดกันที่ตรงไหน คำตอบที่เธอให้คือ

“ถ้าแม้นคนคนหนึ่งมีความสุขขึ้น รายการสำเร็จแล้วค่ะ”

“เราเปลี่ยนไปคนหนึ่ง แม่เรายังมีความสุข เพื่อนร่วมงานเรายังมีความสุข ถ้าคนคนนั้นเขาหายทุกข์ได้เรื่องหนึ่ง แล้วมันทำให้เขาใจเบาขึ้นกับคนที่เขารัก กับพี่น้องเพื่อนฝูง แล้วเราทำตั้งกี่คนอ่ะ”

“อ้อมอยากให้คนรู้สึกว่ารายการเราเป็นเพื่อน อยู่ในชีวิตประจำวันของเขาได้ ถ้าเขามีทุกข์แล้วคิดถึงเรา มันจะเป็นเรื่องน่ายินดี”

 

คลิกฟังอ้อมได้ในคลิปนี้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image