ความปังของ”พรหมลิขิต”และความฟินของแฟนๆ ที่”แม่พุดตาน-พ่อริด”ลิขิตให้

“ปลาบปลื้มเป็นที่สุดค่ะ?

รับรางวัลมาก็เยอะแต่แปลกมากที่รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ทำให้เราตื่นเต้นมากที่สุด อาจจะเป็นเพราะผู้ที่เลือกเราให้ได้รับรางวัลนี้คือผู้อ่านงานของเราจริงๆ เป็นผลโหวตจากผู้อ่านที่อ่านงานของเรา ก็เลยมีความรู้สึกตื้นตันและตื่นเต้นและดีใจมากๆ ที่ได้รับรางวัลนี้”

“รอมแพง” หรือ “จันทร์ยวีร์ สมปรีดา” เอ่ยด้วยความปลื้มใจ หลังจากที่พานิยาย 2 เล่มดัง ทั้ง “บุพเพสันนิวาส” และ “พรหมลิขิต” ไปคว้ารางวัลที่ 1 และ 2 ประเภท “ที่สุดของนิยายไทยแห่งปี” ของ “Naiin Reader”s Awards 2019” ซึ่งจัดขึ้นในงานมหกรรมนิยายนานาชาติครั้งที่ 1

โดยทั้ง 2 เรื่อง เป็นนิยายที่ได้รับการโหวตสูงสุดจากแฟนนิยาย โดยคะแนนมาจากทั้งผู้อ่านที่มาร่วมงาน และจากโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ ซึ่งมีนิยายไทยเข้ารอบมาจำนวนกว่า 30 เล่ม

Advertisement

รอมแพงเปิดใจพร้อม “อรุโณชา ภาณุพันธุ์” ผู้จัดละครชื่อดัง ถึงนิยายเรื่องดังอย่างพรหมลิขิต ที่กำลังจะกลายเป็นละครที่น่าจะท็อปฟอร์มไม่แพ้บุพเพสันนิวาสในปี 2563 ที่กำลังจะมาถึง

การันตีความท็อปฟอร์มจากนักเขียนที่บอกว่า ถ้าเปรียบเป็นรสชาติอาหารแล้วละก็ พรหมลิขิตน่าจะเป็นอาหารบ้านๆ ที่มีรสชาติแซ่บๆ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
“พรหมลิขิตจะเน้นเรื่องของชาวบ้าน เรื่องเวรกรรม และคลี่คลายปมของบุพเพสันนิวาส เลยจะเล่าประวัติศาสตร์น้อยลง แต่เล่าในแง่ความเป็นอยู่วิถีชีวิตมากขึ้น ตัวนางเอกก็จะเรียลกว่า เป็นมนุษย์ยุคปัจจุบัน มีทั้งดีและไม่ดี มีความคิดอ่านที่มองโลกในแง่ของความเป็นจริง อยู่กับความจริง ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่มองโลกในแง่ดีเท่านั้น เหมือนเราเอาอุปนิสัยคนยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในนิยายมากขึ้น แต่ตัวละครในบุพเพสันนิวาสก็ยังปรากฏอยู่ และเรื่องก็ยังคงดำเนินไปตามไทม์ไลน์ของประวัติศาสตร์เช่นเดิม” รอมแพงอธิบายด้วยรอยยิ้ม

Advertisement

ในมุมของอรุโณชาก็บอกว่า ตั้งแต่ละครจบจนถึงวันนี้ คนถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ดูต่อ ซึ่งต้องชมรอมแพงว่าวางโครงเรื่องไว้ได้ดีมาก ทุกอย่างที่คนยังอยากชมต่อเนื่องจากบุพเพสันนิวาส ก็ยังอยู่ในละครเช่นเดิม และมีสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นเยอะมาก โดยเฉพาะในแง่ของประเพณีวัฒนธรรม

“ตัวละครในภาคนี้ เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชคือพระเจ้าท้ายสระ ก็จะได้เห็น “ก๊อต (จิรายุ ตันตระกูล)” กลับมาในบทบาทนี้ คนถามกันตลอดมาว่าจะมีตัวละครไหนกลับมาบ้าง อย่าง “โป๊ป (ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ)” นี่มา 3 คาแร็กเตอร์เลยทั้งคุณพี่หมื่น ทั้งคุณลูกฝาแฝดอย่างพ่อเรือง-พ่อริด ส่วนแม่การะเกดอย่าง “เบลล่า (ราณี แคมเปน)” ก็จะเป็นเวอร์ชั่นพุดตานด้วย ในด้านการดำเนินเรื่องประวัติศาสตร์ช่วงนี้จะเกิดขึ้นที่พิษณุโลกและเพชรบุรี ซึ่งก็จะเห็นถึงวิถีความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่น่าสนใจมาก”

จากความสำเร็จที่ผ่านมา ทั้งคู่ยอมรับว่ากดดันไม่น้อย โดยเฉพาะนักเขียนอย่างรอมแพง ทั้งที่ตอนแรกไม่คิดวาจะกดดันสักนิด เนื่องจากวางพล็อตทั้งหมดไว้ตั้งแต่ปี 2555 แล้ว

“เป็นพล็อตที่เราคิดไว้ตั้งแต่ปี 2555 คิดไว้นานแล้ว ตอนนั้นตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโทที่จุฬาฯ เพื่อนำมาใช้ในการเขียนนิยาย แต่เรียนได้ 1 ปีก็ลาออก เพราะคิดว่าทางของการเขียนนิยายและงานวิชาการเป็นคนละทางกัน แต่เราก็ได้วิธีคิดแบบนักวิชการมาด้วย แล้วเรานำมาปรับใช้

ตอนแรกกะรอไว้ 10 ปีค่อยเขียน แต่พอบุพเพสันนิวาสดังมาก ก็มีส่วนที่ทำให้เราเข้าถึงนักวิชาการหลายท่านได้ง่ายขึ้น ทำให้เราคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่เขียนแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงจากที่วางไว้นิดนึง เพราะทางช่องและบริษัทอยากให้พระนางเป็นตัวเดิม ซึ่งไม่ยากสำหรับนักเขียน ยากสำหรับคนทำละครมากกว่า

เขียนเรื่อยๆ ความกดดันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามการทวงถาม เรายังเขียนไม่จบก็พยายามปล่อยตัวอย่างออกมาเรื่อยๆ ให้รู้ว่ากำลังทำอย่างตั้งใจ แต่ความคาดหวังต่างๆ ก็มีอยู่แล้ว บางคนอาจคิดว่าไม่มีทางสู้บุพเพฯได้ แต่เราในฐานะนักเขียนไม่ได้คิดตรงนั้น เราคิดแค่ว่าจะถ่ายทอดอะไรต่อจากบุพเพฯ เพราะเราคิดพล็อตไว้แล้ว

บุพเพฯ เราเขียนมาสิบปีแล้ว หลังจากนั้นเราก็เขียนมาอีกกว่าสิบเล่ม แต่ก็ไม่คิดว่ามีเล่มไหนที่เราเขียนได้ดีเท่าบุพเพฯ สำหรับพรหมลิขิตเราก็คิดว่าเขียนดีนะ เราตั้งใจที่จะสร้างออกมา ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็แล้วแต่การพิจารณาของผู้อ่าน ในส่วนของเราคือทำเต็มที่อยู่แล้ว” รอมแพงเผยความในใจ

ด้านอรุโณชานั้นบอกว่า การทำละครก็กดดันอยู่แล้ว เป็นความกดดันจากความคาดหวังของผู้ชม

“ตอนบุพเพฯออกอากาศ เป็นละครของครอบครัว มีผู้ชมที่ไม่ใช่แฟนละครมาดูด้วย มีคนเดินมาพูดกับหน่อยว่าไม่คิดจะดูเลย แต่มันดังมากเลยดูซะหน่อยแล้วติดเลย ความกดดันเยอะมากมายมหาศาล แต่เราตั้งใจที่สุด ความคาดหวังเราห้ามไมได้ แต่เรื่องของการทำให้สนุกเป็นหน้าที่ของเรา มีสองท่านที่เครียดมากคือ อ.แดง-ศัลยา ซึ่งเขียนบท และคุณใหม่-ภวัต พนังคศิริ ผู้กำกับที่ก็ตั้งใจมากๆ ด้านนักแสดงที่อยู่ในภาคต่อก็กระตือรือร้นให้เปิดกล้องไวๆ”

อรุโณชายืนยันด้วยว่า “2563 เปิดกล้องแน่นอนค่ะ แอบบอกว่าเราดีไซน์ชุดพุดตานเสร็จแล้ว น่ารักมากๆ เลย”

ก่อนบอกขำๆ ว่า “นี่ก็บอกโป๊ปให้รักษาความเยาว์วัยไว้ เพราะต้องเล่นเป็นลูกด้วย”

ส่วนฉายเมื่อไหร่นั้น ไม่แน่ใจจริงๆ เพราะงานละเอียดมาก ต้องเตรียมทุกอย่างเยอะมาก

ส่วนหนึ่งเพราะนักเขียนค้นคว้าประเพณีต่างๆ จากประวัติศาสตร์มาแบบละเอียดยิบ เช่น ประเพณีลอยกระทงที่ไม่มีในยุคสมัยนั้น ที่มีจริงๆ คือ “จองเปรียง ลดชุดลอยโคม”

“เราค้นรายละเอียดตามพงศาวดารเลยค่ะ จองเปรียง ลดชุดลอยโคม เป็นประเพณีที่ลอยโคมไปกับน้ำเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษ บรรพชน ไม่ใช่การลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคา ซึ่งในเอเชียภาคพื้นดินทุกประเทศมีเทศกาลนี้ เราอยากจะเล่าให้ฟังว่าเป็นยังไง สวยงามแค่ไหน และระลึกถึงอะไรบ้างที่ไม่เหมือนปัจจุบัน แล้วยังมีพิธีเล่นว่าว ที่เพชรบุรีมีฝีมือเรื่องการทำว่าวมากนะคะ” รอมแพงอธิบาย ก่อนเผยถึงงานเรื่องต่อไปที่กำลังเขียนงานแนวแฟนตาซี นางเอกเป็นมนุษย์ต่างดาวมาจากโลกอนาคตอีกสามพันปีข้างหน้าว่าใกล้จะเสร็จแล้ว

ถ้าชอบงานนิยายอิงประวัติศาสตร์นั้น อย่าพลาด “อมราวตี” “ที่รอมแพงวางไว้ให้นางเอกเป็นอมตะ จึงอิงประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคอยุธยาตอนกลางยันปัจจุบันเลย

ส่วนใครที่รอพรหมลิขิตในรูปแบบอีบุ๊กอยู่นั้น คงต้องรอถึงเมษายนปีหน้าเลย เพราะตอนนี้อยากให้อ่านเป็นรูปเล่มจากสำนักพิมพ์ไปพลางๆ ก่อนที่รอมแพงจะนำมาทำอีบุ๊กเอง

“ปังและฮอตอย่างต่อเนื่อง สมรางวัลที่สุดของนิยายไทยแห่งปีจริงๆ”

โดย สิรนันท์ ห่อหุ้ม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image