จากวันนั้นถึงวันนี้ 8 ปีที่แล้ว นักแสดงสาว โม มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิง โดยบทบาทที่เธอรับมีหลายหลาก ทั้งนักแสดงสมทบหญิง และนักแสดงนำหญิง รวมถึงตอนนี้เธอได้ย้ายสังกัดจากช่องวัน มาอยู่ที่ช่อง 3 ได้พักใหญ่
“กระแสดีมากค่ะ ดีใจที่มีฐานคนดูใหม่ แล้วเขาก็ชื่นชม” โมพูดถึง ละครโทรทัศน์เรื่องทีใครทีมันส์ ผลงานเรื่องแรกกับสังกัดใหม่ที่เพิ่งจบไป
ในทุกปีใหม่เธอนั่งสรุปชีวิตตัวเองเสมอ และเธอก็มองว่า 2562 นับเป็นปีที่ดีของเธอทีเดียว
“โมไม่รู้สึกว่าปีไหนมันแย่ ต่อให้มีเรื่องไม่ดี มันก็เป็นบทเรียนทำให้เราขับเคลื่อนไปข้างหน้า ”
สำหรับเธอแล้วทุกอย่างคือบทเรียนที่น่าจดจำ
“โมไม่มีเรื่องไหนประทับใจเป็นพิเศษ เพราะทุกเรื่องสอนเราทั้งหมด ไม่มีรายละเอียดกับเรื่องไหน เพราะเรารู้สึกว่าอย่าไปยึดติด แบบปีนั้นแย่จัง มีคนทำไม่ดีกับเรา ”
นั้นเพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่างมีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว
แนวคิดนี้ โมบอกว่า เธอคิดขึ้นมาได้เพราะวัยวุฒิ และประสบการณ์เป็นสิ่งปลูกฝัง
“ตอนเด็กเราดื้อ แต่ว่าตอนนี้เราค้นพบเลยว่าเราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้”
สิ่งที่ทำได้คือเปลี่ยนที่ตัวเอง หากแต่ไม่ใช่การเปลี่ยนตัวตนเพื่อเอาใจคนทั้งโลก
“แต่ว่าเราเปลี่ยนวิธีคิด เราคิดแบบนั้น ”
“บางเรื่องมันไร้สาระก็อย่าเอาไปใส่ใจ ”
ในบางเรื่องที่เธอได้รับพลังงานลบมา เธอจะตั้งสติก่อนว่าก่อนหน้าเธอเคยปล่อยพลังงานลบใส่ผู้นั้นก่อนหรือไม่
“บางทีคำตอบมันไม่ได้อยู่ที่ใช่ไม่ใช่ แต่เราควรปรับตัวเอง”
ทั้งนี้ โม มนชนก ไม่ปฏิเสธว่าเมื่อเจอปัญหาหรือเจอเรื่องกระทบใจ เธอต้องใช้เวลาจัดการตัวเองพอสมควร
“เจอเรื่องน่าโมโห 10 นาทีแรกเอามันไม่ออกอยู่แล้ว แต่ว่าต้องมีวิธี เราเลือกที่จะหายใจเลือกๆ หรือว่าถ้ากำลังทำงาน ก็อย่าเอาเรื่องนี้มากระทบใจ”
เธอจะไม่ยอมให้เรื่องงานเสียเพราะอารมณ์ชั่ววูบเด็ดขาด
“เราอย่าไปเสียเวลากับเรื่องที่ไม่ดี”
โม มนชนก เผยกับเราต่อว่าที่เธอใจเย็นลงได้ขนาดนี้ เพราะการทำสมาธิและศาสนา
“โมไม่มีแพลนในชีวิตมาก เราอยู่กับปัจจุบันให้มีความสุขดีกว่า เหมือนคำสอนของพระพุทธเจ้า”
นั้นเพราะหากยึดอดีต และคาดหวังอนาคต อาจทำให้เราใช้ชีวิตในปัจจุบันขณะอย่างไม่เต็มที่
“เราต้องระลึกตลอดเวลา เหมือนทำสมาธิ จะพยายามรู้ตัวตลอด เน้นคำว่าพยายามนะคะ เพราะว่าบางทีก็หลุดบ้าง”
และเมื่อถามว่าเธอเคย ‘หลุด’ เรื่องอะไร เธอส่งยิ้มให้ก่อนเผยคำตอบ
“มีบางเรื่องมาคิดทีหลังว่าเราไม่ควรโมโหกับมันเลย ไม่น่าใช้อารมณ์ขนาดนั้น”
ซึ่ง โม มนชนก ในเวอร์ชั่นนี้จึงพยายามนิ่งเท่าที่ทำได้ แต่เมื่อพลาดไปเธอชดใช้ด้วยคำขอโทษ
“เราพยายามขอโทษ เราว่าการขอโทษไม่ทำให้ใครเสียหน้า ”
“ถ้าเราผิดต้องขอโทษ”
ขณะเดียวกันหากมีคนมาเอ่ยปากขอโทษตน
“เราก็ต้องให้อภัย”
ทั้งนี้ โม มนชนกบอกว่าเธอเป็นกล้าขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่อาย ก็เราทำผิด เราต้องขอโทษ เราเองก็ยังอยากได้รับคำขอโทษจากคนอื่นเลย ถ้าเราทำผิดเราก็ขอโทษคนอื่น มันแฟร์มาก”
“วันนี้เราเองก็ขอโทษคนอื่นด้วยเรื่องนี้น้อยมาก มันอาจไม่พอ แต่ว่ามันน้อยลงไปเยอะ”
สำหรับเธอสภาพแวดล้อมของมนุษย์แต่ละคนนั้นแตกต่างและหลากหลาย นั้นเป็นเรื่องที่ต่างคนต่างต้องยอมรับ
“แต่ว่าเราควรต้องให้เกียรติคนอื่น นี่คือสิ่งที่สำคัญมากนะ”
ทุกวันนี้นอกจากสังเกตตัวเองเรื่องพฤติกรรมแล้ว เธอยังสังเกตเรื่องดังกล่าวจากคนรอบข้างอีกด้วย
“เขาไม่ได้ชมโมหรอกนะ เอาจริงไม่ต้องชมก็ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ว่า ไม่ว่ากันก็พอไม่ต้องชม”
“ซึ่งสำหรับโม มันโอเคแล้ว พอใจแล้วค่ะ”