ในช่วงทศวรรษ 1990 หรือช่วงปี พ.ศ. 2533-2543 ตอนนั้นโรงหนังมัลติเพล็กซ์เริ่มเข้ามาแทนที่โรงหนังสแตนด์ อะโลน ส่วนวงการหนังไทยก็กำลังเบ่งบาน มีทั้งหนังรัก หนังผี หนังตลก ที่โดดเด่นที่สุดคือหนังวัยรุ่นที่มีดาราเป็นตัวชูโรง ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดชะงักและเปลี่ยนแปลงไปเมื่อฟองสบู่เศรษฐกิจแตก ในช่วงปลายทศวรรษ
โปรแกรม กลับสู่เก้าศูนย์ Back to the 90s ที่หอภาพยนตร์แห่งชาติจัดขึ้น โดยนำภาพยนตร์ยุคนั้นมาฉายในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์นั้น ก็เพื่อให้ผู้คนได้หวนระลึกถึงช่วงเวลาดังกล่าว โดยเรื่องที่จะนำมาฉายมีทั้ง “รองต๊ะ แล่บแปล๊บ” ในวันที่ 10 มกราคม เวลา 15.00 น. และ 28 มกราคม เวลา 13.00 น.
งานกำกับของ ปรัชญา ปิ่นแก้ว นำแสดงโดย ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, วาสนา พูนผล เรื่องของ ‘ทัช’ ที่ฝันจะเป็นแชมป์นักเต้น แล้วจู่ๆก็ได้รองเท้าเก่าซึ่งเกิดมีชีวิตขึ้นมาหลังถูกฟ้าผ่า และสามารถพัฒนาให้เขากลายเป็นนักเต้นชั้นยอด แต่ในวันก่อนแข่ง รองเท้าคู่ใจกลับถูกทำลายยับเยิน จะทำยังไงดี
จากนั้นวันที่ 15 และ 30 มกราคม เวลา 15.00 น. ฉาย “บ้านผีปอบ 2” ที่มีตัวละคร ‘ปอบหยิบ’ ซึ่งได้กลายเป็นภาพจำของผู้คน และสร้างปรากฏการณ์แห่งยุค 90 ด้วยการเป็นหนังระดับรองทุนต่ำที่ผสมผสานระหว่างหนังผีกับหนังตลก แต่กลับประสบความสำเร็จอย่างสูงจนกลายเป็นหนังที่มีภาคต่อมากที่สุดของไทย กำกับโดย ศรีสวัสดิ์ แสดงโดย เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์, ตรีรัก รักการดี
ขณะที่เรื่อง ‘ฝากฝันไว้เดี๋ยว จะเลี้ยวมาเอา’ ภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ ซึ่งได้เข้าชิงรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงทุกสาขาในปี พ.ศ. 2535 ก่อนจะคว้ามาได้ 3 รางวัล คือ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มที่มีปัญหาแตกต่างกัน ซึ่งเข้ามารวมกลุ่มกันเพื่อตามหาส่วนที่ขาดหายไปและความหมายของการมีชีวิตอยู่ จะฉายในวันที่ 31 มกราคม เวลา15.00 น. ผลงานกำกับของ สมเกียรติ วิทุรานิช นำแสดงโดย นฤเบศร์ จินปิ่นเพชร, กวินนา สุวรรณประทีป
เดือนกุมภาพันธ์ เริ่มต้นกับเรื่อง “ภวังค์รัก Concrete Clouds” ที่ฉายให้เห็นภาพของหนุ่มนักเรียนนอกที่ต้องกลับบ้านกะทันหัน หลังพ่อฆ่าตัวตายจากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 เขาจึงตั้งใจจะพาน้องชายวัย 18 ที่ไม่พบเจอกันกว่าสิบปีกลับไปเมืองนอกด้วย ขณะเดียวกันก็ยังได้เจอรักแรกของเขาซึ่งกำลังย่ำแย่กับพิษเศรษฐกิจ ผลงานกำกับของ ลี ชาตะเมธีกุล นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, อภิญญา สกุลเจริญสุข ฉายวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.และวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.
“บุญชู 6 โลกนี้ดีออกสุดสวย น่ารักน่าอยู่ ถ้าหงุ่ย” หนึ่งในภาพยนตร์ชุด “บุญชู” ของผู้กำกับ บัณฑิต ฤทธิถกล ที่สร้างปรากฏการณ์ให้แก่วงการหนังไทยในยุค 90 ภาคนี้ บุญชูมีทองดี ลูกพี่ลูกน้องคนซื่อมาพักอยู่ที่กรุงเทพ วันหนึ่งบุญชูและเพื่อนได้รับการชักชวนให้ไปถ่ายแบบโฆษณา แล้วเจอลลิตา ครีเอทีฟสาวโปรยเสน่ห์ใส่ แม้บุญชูจะบอกทุกคนว่านั่นเป็นแค่เรื่องเล่นสนุกของลลิตา แต่ทองดีกลับหลงรักจนยอมทำตามทุกอย่างที่เธอต้องการ งานที่นำแสดงโดย สันติสุข พรหมศิริ, จินตหรา สุขพัฒน์ ฉายวันที่ 6 และ 20 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.
หนังสยองขวัญ “303 กลัว/กล้า/อาฆาต” งานกำกับโดย สมจริง ศรีสุภาพ นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม, เทย่า โรเจอร์ส ฉายวันที่ 7 และ 19 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.
นอกจากนั้นยังมีเรื่อง “แบบว่าโลกนี้…มีแต่น้ำเต้าหู้และครูระเบียบ” ที่พูดถึงทีมวอลเล่ย์บอลหญิงประจำโรงเรียนที่พยายามจะคว้าชัยในการแข่งขัน เพื่อให้คุณครูที่พวกเธอรักได้กลับมาสอนนักเรียนเช่นเดิม ปัญญา นิ่มเจริญพงศ์ กำกับ ศรราม เทพพิทักษ์, สุวนันท์ คงยิ่ง แสดง ฉายวันที่ 11 และ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.
“โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” หนังวัยรุ่นระดับปรากฏการณ์แห่งยุค ที่เล่าเรื่องของ หนุ่มวัยรุ่นที่ต้องมาทำงานแทนพ่อที่ป่วย เพื่อส่งให้น้องได้เรียน ก่อนที่จะถูกชวนให้เข้าแก๊งลักรถ วันหนึ่งเมื่อแผนเกิดผิดพลาด เขาจึงถูกตามล่า ผลงานกำกับของ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล นำแสดงโดย สมชาย เข็มกลัด, สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา ฉาย 12 และ 22 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น.
วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ ฉาย “รักแท้บทที่ 1” ดูเรื่องของระบิลผู้ขยาดสาวขายประกันหลังฟังเรื่องราวต่างๆนานามาเยอะ แต่กลับตกหลุมรักทิพย์ สาวขายประกันตั้งแต่แรกพบ ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่น แต่แล้วทิพย์ก็หายตัวไปโดยไม่ทราบเหตุ สุเทพ ตันนิรัตน์ กำกับ นำแสดงโดย ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, บุญพิทักษ์ จิตต์กระจ่าง ดูได้ในเวลา 17.30 น. ก่อนจะฉายซ้ำอีกครั้งในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น.
เข้าชมได้ที่โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
