ผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นเรียกว่าแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีใคร ไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่คนเดียว
ต่างก็แต่ จะกระทบมากหรือกระทบน้อยก็เท่านั้น
บริษัทพระนครฟิล์มเอง ก็หลีกเลี่ยงผลกระทบนี้ไม่ได้เช่นกัน โดยในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการซึ่งจากภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นส่งผลให้โรงภาพยนตร์ต้องปิดให้บริการ กองถ่ายหนังก็ต้องเลื่อนเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ธุรกิจภาพยนตร์กลุ่มธนาซีเนเพล็กซ์ ที่มีทั้งโรงหนังธนาซีเนเพล็กซ์, ธนาเอ็นเตอร์เทนเมนท์ รวมไปถึงค่ายหนัง พระนครฟิลม์ ตัดสินใจยุติกิจการชั่วคราว นำไปสู่เลิกจ้างพนักงานกว่า 200 คน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ธวัชชัย พันธุ์ภักดี ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทในเครือธนาฯ ได้เปิดใจกับ ‘มติชน‘ ว่า โครงสร้างหลักของบริษัทในจะมีอยู่ 4–5สายงาน
“เรามีโรงหนัง สายหนัง พระนครฟิล์ม และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทั้งหมดจะโยงกัน“
ในส่วนของ ‘ธนาซินีเพล็กซ์‘ จะเป็นโรงหนังที่อยู่ในห้างบิ๊กซี 3 จังหวัดคือ นครปฐม พิษณุโลก และ ตาก พอมีปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโรงหนังก็ต้องปิด
เมื่อโรงหนังปิดให้บริการ ก็กระทบต่อไปถึงส่วนของ ‘บริษัทธนาเอ็นเตอร์เทนเม้นท์‘ หรือที่เรียกกันว่า ‘สายหนัง’ ซึ่งก็คือผู้ที่ซื้อลิขสิทธิ์ของบริษัทค่ายหนังทั้งหมดทั่วประเทศเข้ามาในพื้นที่เขตภาคเหนือและภาคกลาง โดยมีพนักงานที่เรียกว่า ‘เช็คเกอร์’ เป็นผู้ตรวจสอบรายได้ที่อยู่ตามโรงหนังต่างๆ
“พอโรงหนังปิดปุ๊บ หนังก็ต้องเลื่อนวันฉาย“
สิ่งที่ตามมาคือ เช็คเกอร์และพนักงานโรงภาพยนตร์อีก 3 สาขา ทั้งหมดรวม 200 กว่าคนก็ต้องว่างงานในทันที
รวมไปถึงในส่วนของค่ายหนัง ‘พระนครฟิล์ม‘ ที่ตามแพลนเดิมนั้น ปีนี้ต้องมีหนังฉายถึง 3 เรื่องด้วยกัน แต่ ณ วันนี้ ทุกเรื่องต่างก็ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่บริษัทต้องตัดสินใจปรับลดพนักงาน โดยธวัชชัยมองว่า เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำเพื่อ “เซฟชีวิต” ให้ทุกคนได้หยุด เพื่อดูแลตัวเอง
“มันก็จะมีคำถามที่ตอบไม่ได้ว่า แล้วโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ ซึ่งถ้าเป็นลักษณะแบบนี้ เราก็ไม่สามารถที่จะหาเม็ดเงินมารองรับตรงส่วนนี้ได้”
ทั้งนี้ในความคิดส่วน ธวัชชัยคาดไว้สถานการณ์ที่เป็นอยู่น่าจะกินระยะเวลายาวๆเพราะหากยกตัวอย่างในประเทศจีน ซึ่งแม้จะสถานการณ์โควิด-19 ดูจะคลี่คลายได้แล้ว แต่ในส่วนของโรงภาพยนตร์ก็ยังไม่เปิดให้บริการตามปกติ
“เราก็เลยทำให้สบายใจ ให้คนไปอยู่ที่บ้านดูแลตัวเองอยู่ที่บ้าน แล้วบริษัทก็จ่ายเงินชดเชยตามระเบียบกรมแรงงาน”
“เรามองว่าเขาจะได้สามารถจัดการชีวิตของตัวเองได้ ว่ามีเงินเท่านี้ แล้วจะยังไงต่อไป”
“เพราะถ้าไม่อย่างนั้น เราก็ไม่รู้จุดจบ พูดตรงๆ เราก็แบกไม่ไหวเหมือนกัน” ธวัชชัยยอมรับ
สำหรับยอดเงินที่จ่ายชดเชยพนักงานกว่า 200คนนั้น เขาบอกว่าเป็นตัวเลขสูงถึง 10 ล้านบาท
“แล้วถ้ามันมีอะไรดีขึ้นค่อยว่ากันใหม่ อาจจะเรียกกลับมาเริ่มต้นกันใหม่ ค่อยว่ากันอีกที“
ในส่วนของพระนครฟิล์ม ซึ่งปกติมีพนักงานประจำแค่ 6-7 คน เนื่องจากทีมงานส่วนใหญ่เป็นฟรีแลนซ์นั้น ในระหว่างที่ยังกลับมาถ่ายทำไม่ได้ ก็จะปรับลดให้เหลือไว้เพียง 1 คน เพื่อคอยดูแลประสานงานในช่องทางออนไลน์ในยูทูป ช่อง พระนครฟิล์ม Phranakornfilm
“ซึ่งตัวนี้ก็ยังทำให้เกิดรายได้ในช่วงนี้ที่คนหยุดอยู่บ้าน ก็มีให้ดูหนัง ฟังเพลง มีคลิปตลก ซึ่งตัวเลขดีใช้ได้”
บอกด้วยว่า พนักงานบางส่วนของธุรกิจภาพยนตร์ได้ถูกโยกย้ายไปทำงานในตำแหน่งอื่นๆ ที่สามารถทำได้ในส่วนของธุรกิจ‘อสังหาริมทรัพย์‘ ที่ยังสามารถดำเนินงานต่อไปได้ โดยแม้จะมีผลกระทบเช่นกัน แต่ก็ยังมีเม็ดเงินกลับเข้ามาบ้าง
สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งธวัชชัยบอกว่า “บางคนอาจรู้สึกว่าช่วงหนึ่งของชีวิตเรา ทำไมมันแย่จัง เกิดวิกฤติอะไรแบบนี้” แต่กับบริษัทในเครือธนาฯ เขากลับคิดว่า นี่เป็นการ “หยุดเพื่อตั้งหลัก”
“พออะไรลงตัว เราก็มาเริ่มต้นใหม่ได้”
“มันไม่สายไป”