“พิ้งค์” เปิดใจ “ติดโควิด-19” พร้อมลูกชาย 3 ขวบ เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดในชีวิต!!!

แฟ้มภาพ พิงค์ (เอเอฟพี)

เมื่อวันที่ 11 เมษายน เว็บยาฮู รายงาน พิ้งค์ นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกันวัย 40 ให้สัมภาษณ์ เอลเลน ดีเจนเนอเรส พิธีกรทอล์ค โชว์ผ่าน Skype ถึงประสบการณ์ที่เธอและ เจมส์สัน ลูกชายวัย 3 ขวบติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่า “เป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยเจอ”

พิงค์ เล่าว่า ลูกชายเธอเริ่มมีอาการก่อน จากนั้นอีก 2-3 วันต่อมาเธอจึงมีอาการตาม อาการของเธอกับลูกชายแตกต่างกัน และมีอาการใหม่ๆโผล่มาทุกวัน

“มันเริ่มจากเจมส์สันก่อน แต่เหมือนที่คุณรู้ เขาอายุแค่ 3 ขวบและเด็ก 3 ขวบมักจะป่วยเป็นประจำ แต่เขาเริ่มมีไข้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม เราสองคนกักตัวตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม ไข้ของเจมส์เดี๋ยวเป็น เดี๋ยวหาย ต่อมาเขาก็มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย เจ็บหน้าอก ปวดหัว เจ็บคอ ทุกวันมีอาการใหม่โผล่มาเรื่อย ”

นักร้องดังเล่าว่า เธอโทรศัพท์ปรึกษาหมอประจำของเธอ ที่แนะนำให้เธอกักตัวอยู่บ้าน และให้ลูกชายกินยา Tylenal

Advertisement

จากนั้น 2-3 วันต่อมา พิงค์เล่าว่า เธอเริ่มป่วย แต่อาการแทบไม่เหมือนอาการของลูกชาย

“ฉันรู้สึกไม่สบาย รู้สึกเหนื่อยๆ รู้สึกหนาวสั่น คลื่นไส้ แต่ฉันไม่เคยมีไข้ ฉันไม่เคยมีอาการใดๆที่เขาบอกให้คอยสังเกตดู”

พิ้งค์ ยังเล่าถึงช่วงเวลาน่าตกใจที่เธอรู้สึกหายใจลำบาก กระทั่งต้องใช้ “ยาพ่น”ที่เธอไม่ได้ใช้มานานตั้งแต่เป็นเด็ก

“ฉันตื่นขึ้นมากลางดึก และหายใจลำบาก ฉันต้องใช้ยาพ่นเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ฉันไม่สามารถหายใจได้เอง หากไม่ใช้ยาพ่น และตอนนั้นฉันเริ่มกลัวมากจริงๆ

ขณะเดียวกัน ไข้ของลูกชายก็ไม่หาย และเจมส์สันมีไข้สูงถึง 39.4 องศาเซลเซียส และนี่คือวินาทีที่ฉันรู้สึกกลัวที่สุดในชีวิต ”

พิงค์บอกกับเอลเลนว่า วินาทีนั้นเองที่ทำให้เธอพยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ลูกและเธอได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด -19 ซึ่งผลตรวจของเธอและลูกออกมาเป็นบวก คือพบเชื้อไวรัสโควิด-19

มีผู้คนแสดงความไม่พอใจ ที่พิ้งค์ สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด ขณะที่คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ พิังค์ กล่าวว่า ผู้คนเหล่านั้นสมควรรู้สึกโกรธ เธอตำหนิรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่สามารถจัดการให้ผู้คนสามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด

ท้ายสุด พิ้งค์บอกว่า เธอและลูกชายมีอาการดีขึ้นแล้ว ส่วน แครี ฮาร์ท สามีและ วิลโลว์ ลูกสาวต่างสุขภาพแข็งแรงดี

“นี่คือเรื่องจริงยิ่งกว่าจริง ไวรัสโควิดไม่ได้ส่งผลแค่คนอายุเกิน 65 การเว้นระยะห่างทางสังคมช่วยได้ และพวกเราต้องทำกันต่อไป “

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image