“ผมรู้สึกถึงความเข้าใจ รู้สึกว่าเวลาเราทำอะไร ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือไม่ดี ครอบครัวจะเข้าใจเราเสมอ” คือคำตอบที่ เจเจ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม ให้ ทันทีที่เราถามถึงคำว่า ‘ครอบครัว’ ในความรู้สึกของเขา
‘เข้าใจ’- “แม้บางครั้งจะไม่เห็นด้วยก็ตาม” เจเจบอก
เล่าด้วยว่า ครอบครัวของเขาซึ่งมีกัน 4 คน คือพ่อ แม่ เขา และน้องชายนั้น ทุกคนจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันหมด คือ “เป็นคนที่มีความคิดเป็น positive (คิดบวก) และปล่อยวาง ทำให้เวลามีเรื่องอะไรเข้ามาในชีวิต เราจะไม่ไปจมปลักกับมันนาน”
ขณะที่ในส่วนของพ่อกับแม่นั้น เจเจก็ว่าสิ่งหนึ่งที่เขาตระหนักอยู่เสมอ คือทั้ง 2 คนพยายามเลี้ยงดูเขากับน้องชายมาอย่างดี
“ตั้งแต่เล็กจนโต แม้เขาจะต้องลำบากแค่ไหน แต่เขาจะทำให้เราสบายที่สุด”
สำหรับ ‘วันครอบครัว’ เจเจบอกว่า ถ้าทำได้ เขาจะพยายามกลับไปหาพ่อกับแม่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจะได้อยู่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วก็ทานอาหารด้วยกันที่บ้าน
ฟังดูก็เป็นกิจกรรมง่ายๆ แต่เจเจบอก “สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่ใหม่มาก”
ขณะเดียวกันเขาก็ชอบมากด้วย
“เมื่อก่อนเราไม่ค่อยทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้าน ยกเว้นจะออกไปทานข้างนอก ซึ่งก็ไม่บ่อยมากนัก แต่ตั้งแต่ปี 2 ปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ผมได้กลับบ้าน ทุกคนจะมาทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้าน”
เมื่อเป็นอย่างนี้ คนที่จากบ้านมาเรียนและทำงานที่กรุงเทพคนเดียวจึงแฮปปี้
“ผมเลยคิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดีที่สุดที่ครอบครัวผมครับ” บอกแล้วเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง
อย่างแฮปปี้นั่นแหละ
ในฝั่งของ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ สมาชิกวง BNK48 นั้น เธอว่า ถ้ามีโอกาสได้อยู่กันพร้อมหน้าในวันครอบครัว ที่บ้านของเธอก็จะพร้อมใจช่วยกันทำอาหาร ซึ่งสำหรับแค่นั้นก็พอแล้ว เพราะความที่ปกติด้วยภาระการงานของสมาชิกในบ้าน ทำให้โอกาสได้อยู่พร้อมหน้า เวลาทานข้าวมีไม่บ่อยนัก ดังนั้นแค่ได้อยู่ด้วยกัน และ
“ได้เมาท์มอยบนโต๊ะอาหาร นั่นก็น่าจะมีความสุขที่สุดแล้ว”
สำหรับปีนี้ที่ไปมาหาสู่ญาติผู้ใหญ่ไม่ได้ เจนนิษฐ์ก็ตั้งใจจะวิดีโอคอลไปหาอากงกับอาม่า สนทนาผ่านเทคโนโลยีที่น่าจะเหมาะกับยุคนี้ที่ต้องหนีการระบาดของโควิด-19
ไอดอลสาวอีกคน ปัญ BNK48 หรือ ปัญสิกรณ์ ติยะกร บอกว่า สำหรับเธอครอบครัวคือสิ่งที่สำคัญยิ่ง และสิ่งที่เธอรู้สึกเสมอคือ การได้รับการสนับสนุนในทุกๆด้านมาตลอด
“พ่อกับแม่เปิดกว้างในเชิงที่ถ้าเราอยากทำอะไร เขาก็ให้ทำ”
ออกตัวว่า ที่พูดอย่างนั้นไม่ได้หมายถึงว่าได้รับการตามใจและได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ แต่ไปในทางของการไม่ปิดกั้น และให้โอกาสมากกว่า ประมาณว่า “อยากเรียนอะไรก็ให้เรียน เรียนกีตาร์ เรียนกลอง ถึงแม้ว่าจะเรียนแค่อาทิตย์เดียวแล้วเลิก เขาก็ไม่ว่า”
“เขาไม่ปิดกั้น แล้วก็ให้เราลองในสิ่งที่เราอยากลอง”
ทั้งนี้ปัญยังเล่าถึงสิ่งที่ครอบครัวทำให้และเธอไม่เคยลืม คือ การมอบกำลังใจ ในช่วงที่เธอรู้สึกย่ำแย่
“เราฟีลดาวน์ ตอนงานประกาศผลเจเนอรัล อิเลคชั่น ครั้งหนึ่ง ซึ่งผลออกมาไม่ดีเท่าไหร่”
โดยคืนนั้นหลังการประกาศผลเธอจำเป็นต้องนอนพักในโรงแรมที่ทีมงานจัดไว้ให้ เนื่องจากวันรุ่งขึ้นมีงานต้องทำต่อ และโดยไม่คาดคิด “แม่ก็โทรมา ว่าลงมาหาม๊าหน่อย”
เจอหน้าปุ๊บ แม่ก็กอดปั๊บ
จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่า แม่ใส่รองเท้าแบบเดียว สีเดียว กับของเธอเป๊ะ รองเท้าที่พี่ชายตั้งใจไปหาซื้อมาถึง 4 คู่ สำหรับตัวเขา เธอ พ่อ และแม่
“ซึ่งปกติแม่ไม่ค่อยใส่รองเท้าผ้าใบ แต่พอเห็นเขาใส่ ก็รู้สึกว่ามีกำลังใจ”
“ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นครอบครัวนี้”
สำหรับ กัปตัน ชลธร คงยิ่งยง เขาก็ว่า ในวันครอบครัว 14 เมษายน เขามักจะทานข้าวกับครอบครัวเช่นกัน โดยสำหรับเขา “ครอบครัวเหมือนเป็นเหมือนสถานที่ที่เราสบายใจ เป็นที่คอยสอนให้เรามีความคิด แล้วคอยที่จะช่วยเหลือเราในเวลาลำบาก”
ที่ผ่านมา สิ่งที่เขารู้สึกอยู่เสมอจึงเป็นเรื่องที่พ่อกับแม่คอยซัพพอร์ตเขาในการทำสิ่งต่างๆ
อีกทั้ง “ในเวลาลำบากก็ยังอยู่ด้วยกันเสมอ”
และนี่ก็คือ ‘ครอบครัว’ ของพวกเขา