หมอเวร เผยสาเหตุลิเดีย-แมทธิว ยังตรวจเจอเชื้อโควิด-19 แม้อาการดีขึ้น

หมอเวร เผยสาเหตุลิเดีย-แมทธิว ยังตรวจเจอเชื้อโควิด-19 แม้อาการดีขึ้น

จากกรณีที่ดาราคู่รักอย่างแมทธิว ดีน และลิเดีย ศรัณรัชต์ กลายเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่หลังเวลาผ่านไป 1 เดือนเต็ม ทั้งคู่ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เนื่องจากยังตรวจพบเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกาย แม้ร่างกายจะหายจากอาการป่วยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้วก็ตาม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กแฟนเพจ หมอเวร ได้ออกมาเปิดเผยถึงสาเหตุที่ทั้งแมทธิว และ ลิเดีย ยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ในร่างกายว่ามีสาเหตุมาจากวิธีการตรวจเชื้อที่เรียกว่า PCR ที่ไม่สามารถบอกได้ว่าเชื้อที่พบเป็นเชื้อมีชีวิตหรือไม่

โดยข้อความจากเพจหมอเวรระบุว่า หลายคนสงสัยเกี่ยวกับอาการของคู่รักดาราที่ได้รับเชื้อ COVID-19 เข้ารักษาตัวมาเกือบเดือนนึงแล้ว อีกทั้งเจ้าตัวบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว แต่ทำไมยังตรวจ PCR แล้วถึงเจอเชื้ออยู่ดี หรือว่าเชื้อจากสนามมวยมันอึดกว่าปกติงี้เหรอ ?

 คืองี้นะ การตรวจแบบ PCR เนี่ย เป็นการตรวจที่มีความไวสูงมาก เจอเชื้อที่หลงเหลืออยู่ในสารคัดหลั่งแค่ปริมาณนิดเดียวก็สามารถตรวจเจอแล้ว แถมบางครั้งไอ้เจ้าเชื้อที่ตรวจเจอเนี่ย บอกไม่ได้ด้วยนะ ว่าเจอตัวที่มันเป็นๆอยู่ หรือเจอตัวที่ตายแล้ว

ADVERTISMENT

 “มันบอกได้แค่ว่า ตรวจเจอเชื้อชนิดนี้อยู่ในร่างกายเราเท่านั้น”

 นึกภาพว่า PCR คือเซลล์ขายรถคนนึงที่ขยันมาก และดูเป็นคนซื่อๆประหนึ่งคนชื่อบอย ส่วนเต๊นท์รถในสต็อกของร้านก็คือร่างกายของเราแทน

ADVERTISMENT

สมมุติวันนึงเราสั่งให้ PCR ไปเช็คว่า ในลานจอดยังมีรถโตโยต้าเหลืออยู่บ้างไหม ?

 ด้วยความที่บอย เอ๋ย ด้วยความที่ PCR เป็นคนซื่อๆ เห็นโตโยต้าจอดอยู่คันนึง ก็รีบวิ่งมารายงานบอสเลยว่าเจอรถแล้ว ทั้งๆที่รถคันนั้นเป็นรถที่ใช้งานได้ หรือจริงๆแล้วเป็นแค่ซากรถที่จอดตายเอาไว้เฉยๆ ฉะนั้นแทนที่การตรวจ PCR จะไปจับมันทั้งตัว ก็จะเอาแค่ส่วนหนึ่งที่บ่งชี้ว่าคือไวรัสตัวนี้แล้วเอาผลมาบอกเราอีกที

 ซึ่งจริงๆ มันอาจเป็นแค่ “ซากเชื้อ COVID-19” ที่ตายแล้ว ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อให้ใครแล้วก็ได้

 ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้สำหรับคนที่ติดเชื้อบางคน เข้ารับการรักษาเป็นหลายสัปดาห์ เชื้อ COVID-19 ก็โดนทั้งภูมิคุ้มกันและยาต้านรุมยำซะจนเหลือแต่ซากแล้ว แต่พอตรวจ PCR ทีไร ก็ยังเจอผลเป็นบวกอยู่นั่นเอง

 ถ้าอยากรู้ชัวร์ๆว่าเชื้อที่ยังตรวจ PCR เจอในร่างกายมันยังแพร่กระจายต่อได้ไหม อันนี้ก็ต้องลองเอาไปเพาะเชื้อดูอีกที แล้วก็ไม่ได้เพาะกันง่ายๆ นะ ต้องเอาไปเพาะบนเซลล์ที่มีชีวิตด้วยนะ ไม่ได้วางบนทิชชู่เอาน้ำรดแล้วมันจะเติบโตง่ายเหมือนถั่วงอกหรอกนะ ซึ่งตรงนี้ใช้ขั้นตอนที่วุ่นวาย รวมถึงมีต้นทุนที่แพงมากด้วย ถ้ามานั่งเทสให้ทีละคนเจ้าหน้าที่ไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี ฉะนั้นวิธีนี้ส่วนใหญ่มันเหมาะกับการทำวิจัยมากกว่า ไม่ได้ใช้ในการตรวจรักษาหรอกนะ

 ดังนั้น แนวทางการรักษาสำหรับคนติดเชื้อที่มีอาการไม่มากเนี่ย เค้าจึงให้กักตัวในโรงพยาบาลสัก 14 วันก่อน ถ้าเห็นว่าอาการดีขึ้นและไม่มีอาการแทรกซ้อนแล้ว แพทย์ก็จะอนุญาตให้กลับไปกักตัวที่บ้านต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผลตรวจเชื้อเป็นลบ รวมถึงยังบังคับให้ใส่หน้ากาก รวมถึงกินอาหารแยกส่วนตัวต่อไปอีก 2-4 สัปดาห์ เพื่อความแน่ใจที่ว่าหากมีเชื้อหลงเหลือในร่างกายแม้จะเป็นปริมาณน้อยนิดก็จะไม่เล็ดลอดไปแพร่ใส่ให้คนอื่นอีกนั่นเอง แต่ส่วนใหญ่ที่หมอปล่อยกลับบ้านก็มักจะหายดีแล้วทั้งนั้นแหละนะ อันนี้อยากให้คนรอบข้างสบายใจได้

 ส่วนเรื่องคนที่หายดีแล้ว ทำไมยังกลับมาเป็น COVID-19 ได้อีก หรือทำไมบางคนหายดีแล้วถึงเอาพลาสม่าไปรักษาผู้ป่วยได้ อันนี้ถ้าสนใจเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังรอบหน้านะ รอบนี้ยาวเหยียดแล้ว ขอติดไว้ก่อนเหมือนเดิมนะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image