แค่ปล่อยวาง เท่านั้นก็จบ บทเรียนจาก ‘เล่ห์บรรพกาล’

ภาพจาก @b_boomm

ลำพังการสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวหนึ่ง บูม สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง บอกว่าสำหรับเธอก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ดังนั้นพอต้องมารับทีเดียวถึง 3 ตัว ในละคร ‘เล่ห์บรรพกาล’ งานนี้ก็รู้สึกได้ถึงความทวีคูณ

 แต่ “สนุกค่ะ สนุกมาก” บอกพลางยิ้ม

 …

 *บุญเหลือ ปักบุญ และทิณสรี

Advertisement

ในมุมมองของผู้สวมบท ซึ่งก่อนหน้าจะแสดง “ทำการบ้านมาเยอะ ทั้งท่อง ทั้งศึกษา พยายามดูแบคกราวน์ว่าความคิดของตัวละครแต่ละตัวเป็นแบบไหน” สุดท้ายแล้วเธอก็ตระหนักว่า “ทั้ง 3 คนเป็นตัวละครที่เหมือนกัน คือมีความแค้นแล้วไม่ปล่อยวาง”

“มีความรักก็อยากจะไขว่คว้า”

ถ้าจะให้ละเอียดไปกว่านั้น ก็คือ “บุญเหลือไม่เคยรู้จักความรักเลย รักเดียวของเขาคือขุนอุทัย เพราะก่อนหน้านี้ครอบครัวเขาก็ไม่มี เกิดในซ่อง พ่อก็ไม่รู้เป็นใคร ถูกทำร้าย ถูกกดขี่ แล้วทุกๆคนก็อยากอยู่ในจุดที่ดีขึ้น ตัวละครตัวนี้จึงสะท้อนชีวิตของคนที่อยากจะเยอทะยานไปอยู่ในจุดที่ตัวอยากจะไปให้ถึง แต่จะเลือกไปในทางแบบไหน”

  ทิณสรีเองก็มีทุกอย่าง ซึ่ง “ถ้าเขารู้จักพอ มันก็จบ”

  “แต่พอมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้อง ความรักที่ต้องการชนะใจคนคนหนึ่ง แต่วันที่พ่ายแพ้ ก็เกิดความแค้น”

  ขณะที่ตัวปักบุญ ไม่ต้องพูดถึงความรัก ด้วยสิ่งเดียวที่มีในใจคือแรงแค้นล้วนๆ

สำหรับเธอเอง เมื่อเทียบตัวละครทั้ง 3 บูมก็ว่าเธอรู้สึกสงสารบุญเหลือมาก

“บางครั้งเล่นไปแล้ว หัวใจมันโดนบีบน่ะ เพราะเรารู้ว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น ทำแบบนั้น คนที่โตมาโดยไม่เคยมีความรัก ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ อาจจะไม่เคยได้รับการกอดเลยสักครั้งด้วยซ้ำ จะเคว้งคว้างขนาดไหน”

*ความรักกับแรงแค้น

ขณะที่ตัวละครทั้งหมดมีความรักและแรงแค้นจนทำให้เกิดเป็นเรื่องราวดังที่เห็น บูมบอกว่าตัวจริงของเธอนั้นแตกต่าง

“ในชีวิตจริง เรารักใคร เราก็ฮอตมากพอที่เขาจะรักเราตอบ” ก่อนออกตัวตามมาพร้อมเสียงหัวเราะดังๆ ว่า “ล้อเล่น”

ส่วนความเป็นจริงคือ ถ้ารักแล้ว เขาไม่สนใจ ก็ต้องมูฟออนไป

อย่างไรก็ดี “ถ้าอีกฝ่ายแต่งงานแล้ว เราไม่ไปแย่ง หรืออยู่ๆไปบอกรักสามีชาวบ้านหรอก ชีวิตจริงไม่มีทางทำ เพราะถูกต้อง ต้องมาก่อนถูกใจ”

ส่วนเรื่องแรงแค้นอะไรนั้น เวลาเจอคนร้ายใส่ “ก็ช่างมัน” บูมบอก

“อโหสิ เป็นคนปล่อย ชิลล์ แต่ถามว่าคนคิดมากไหม เป็นคนคิดมาก แต่ไม่ได้ถึงขั้นจะเอาคืน เพราะชีวิตจริงมีอะไรให้ทำมากกว่า ไม่มีเวลาที่จะไปคิดแก้แค้นใคร” นักแสดงวัย 31 ปี ที่มีอีก 2 อาชีพ คือเป็นดีเจและพิธีกร ซึ่งต้องทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าถึงราวๆสี่ทุ่มทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ และมีจ๊อบอื่นอีกเป็นระยะๆในวันเสาร์และอาทิตย์ว่าอย่างนั้น

 …

*จากละคร ถึงชีวิตจริง

สำหรับตัวเอง บูมบอกว่านอกจากความสนุก และรู้สึกว่า “เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถมากๆ” แล้ว การได้เล่นละครเรื่องนี้ยังเป็นการเปิดมุมมองของเธออย่างมาก

“เวลาเราใช้ชีวิตทั่วไป เราจะไม่ได้มานั่งวิเคราะห์หรอก สมมุติใครมาทำอะไรกับเราสักอย่าง เราก็แค่ทำไมทำแบบนั้นนะ แค่นั้นละ แต่พอมาอ่านตัวละคร ทำให้ต้องย้อนกลับไป เอามาใช้ในชีวิตจริง ว่า เฮ้ย! บางทีคนคนหนึ่งที่เขารีแอ็คอย่างหนึ่ง เพราะอะไร หรือเราเองถ้าทำอะไรอย่างนี้ออกไปคงไม่ได้แล้ว เพราะคนจะมองแบบนี้หรือเปล่า”

“ทำให้เราใช้ชีวิตช้าลงไปอีกสเต็ป มีความคิดมากขึ้นในแต่ละเรื่อง”

ขณะที่ในส่วนของคนดู นอกจากความบันเทิงที่จะได้รับ “ก็จะได้เห็นถึงการสะท้อนของผลกระทบจากสิ่งที่เราทำ จะเห็นหมดเลยว่าสุดท้ายแล้ว ถ้าคุณทำแบบนี้ จุดจบของชีวิตคุณก็จะเป็นแบบนี้”

“มันคงไม่มีอะไรในโลกใบนี้หรอกที่ไม่มีอุปสรรค ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้หรอกที่จะสมหวังเราไปซะทุกๆเรื่อง ทุกๆอย่าง”

“แต่ถ้าคุณปล่อยวาง มันก็จบ”

 

 

ขอบคุณภาพจาก b_boomm และ ละครเล่ห์บรรพกาล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image