จากก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ถึงเงินเยียวยา เสียงเตือนจากแจ้ ดนุพล

“มองเหตุการณ์ข้างหน้าแล้วก็กังวล” แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ เผยความรู้สึกเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจเขียนจดหมายเพื่อส่งสารถึงภาครัฐ ว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์ ‘ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่’ (่อ่าน แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์ เตือนภาครัฐ ระวัง “กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่

ด้วยแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเมืองไทยจะมีจำนวนลดน้อยลงแล้ว แต่กระนั้นต่อให้เมืองไทยเอาอยู่ “ก็ต้องดูเพื่อนบ้าน ดูประชาคมโลก เพราะเราต้องพึ่งพากัน” ดังนั้นเราๆจึงต้องทำใจไว้เลยว่า “คงไม่ใช่ระยะเวลาสั้นๆที่มันจะจบ เหมือนที่พวกเราทุกคนมีความหวังในช่วงแรกๆ”

ขณะเดียวกันบทเรียนในอดีตได้สอนไว้ว่า “จุดเริ่มต้นของวิกฤตการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะวิกฤตเรื่องอะไร โรคระบาด การเมือง สงคราม อะไรที่มันร้ายแรงต่างๆ ท้ายที่สุดมันจะมาถึงจุดๆหนึ่ง ซึ่งก็ต้องให้ความสำคัญมากที่สุด คือความอดอยาก ปากท้องของประชาชนคนส่วนใหญ่จะเป็นตัวจุดชนวนนำให้เกิดความร้ายแรงต่อเนื่องเพิ่มเติมขึ้นไปอีก ซึ่งผมคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะต้องรับมือกับอะไรที่มันมากไปกว่านี้”

“จากประวัติศาสตร์ ทุกเรื่องที่ร้ายแรงมากขึ้น ยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดมันเกิดมาจากความหิวโหย ความอดอยาก การหมดสิ้นหวัง ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ไม่รู้จะดำเนินชีวิตอย่างไร แม้กระทั่งอีก 6 ชั่วโมงข้างหน้าไม่รู้จะกินอะไร ซึ่งนั่นก็พาให้คิดไปถึงเลยเถิดถึงการทำร้ายตัวเองเป็นเบื้องต้น ประชดชีวิตหรือหาทางออกที่มันง่ายที่สุดในความรู้สึกของเขาเหล่านั้น ซึ่งเราอาจจะไม่ได้เห็นด้วย แต่ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยอย่างเดียว แต่ไม่ได้หยิบยื่น หรือแนะนำอะไรให้เขา มันก็ไม่มีประโยชน์”

Advertisement

“ก็อยากให้ภาครัฐหันมามองถึงประเด็นนี้ อย่าให้เป็นศึก 2 ด้าน คือต่อสู้กับเชื้อโรคร้ายด้วย แล้วก็ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของพี่น้องประชนชนจำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ลำบาก” 

เรื่องของเงินเยียวยา 5,000 บาท นั่น เขาก็ว่าถ้าเป็นเขา เขาจะแจกให้ทุกคน

Advertisement

“ไม่ต้องอาชีพนั้น อาชีพนี้ ไม่ต้องอาชีพไหนหรอก เพราะเป็นคนไทย เหมือนกับเรามีลูกน่ะ เวลาวิกฤตจะให้คนโต คนเล็กไม่ต้องเหรอ”

“คุณจะจ้างนักสืบที่ไหนไปสืบเรื่องจริงของสิ่งเหล่านี้ ถ้าเป็นลูกเรา ทุกคนก็เท่ากันหมด เดี๋ยวใครมีเงินเดือนหรืออะไร แล้วเขาไม่เอา เขาก็คืนกลับมา อยากให้มองเห็นภาพของคนเสียสละ เอากลับมาให้ มากกว่ามองเห็นภาพ โอ๊ะ! ฉันยังไม่ได้เลย คนนั้นสบายกว่าฉัน ทำไมถึงได้”

ถามไปว่าที่ผ่านดูเหมือนเขาไม่เคยที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือพูดเรื่องราวต่างๆอันเกี่ยวข้องกับภาครัฐ เรื่องนี้ ‘พี่แจ้’ ของแฟนๆก็ว่า เพราะในความคิดเขา “เราเป็นแค่ประชาชน อะไรมันจะเกิดก็ได้ถูกจัดสรรมาแล้ว ก็ต้องเกิดตามนี้ เป็นรัฐบาลชุดนี้แหละ นายกนี้แหละ รัฐมนตรีนี้แหละ เราก็มีหน้าที่ทำตามนโยบาย”

อย่างไรก็ดีถ้าประชาชนมีคำแนะคำหรือความเห็นที่ดี มีประโยชน์ ก็ควรบอกให้ภาครัฐรับรู้ และภาครัฐเองก็น่าจะพร้อมรับฟัง

“ซึ่งถ้ารัฐบาลหรือประชาชนน่ารักแบบนี้ ผมว่าประเทศไทยเราไม่มีอะไรไม่น่าอยู่แม้แต่เรื่องเดียว”

“เรามีทุกอย่าง ทุกคนเกิดมาก็ได้ยินคำนี้ แต่ทำไมประชาชนของเราส่วนใหญ่ยังไม่สบายได้ทุกคน คำว่าสบายไม่ได้หมายความว่าต้องขับรถเก๋งราคาแพงๆนะครับ สบายในที่นี้หมายถึงมีจิตใจที่สบาย มีความอบอุ่นในครอบครัว มีความมั่นคงในประเทศชาติ และที่สำคัญคือเห็นศักดิ์ศรีของประเทศชาติเรา”

“เราเกิดมาพร้อมกับคำว่าเมืองไทยเมืองยิ้ม เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ก็ค่อยๆหายไปเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็อยากฝากไว้นิดนึง”

“บางคนอาจจะเข้าใจ บางคนก็บอกเป็นนักร้องจะรู้อะไรมากมาย รำลึกดีๆนะครับ ทุกเหตุการณ์ที่ร้ายแรงถึงขั้นมีวิกฤตที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นมาจากความหิวโหย และความเหลื่อมล้ำทั้งนั้น”

อีกทั้ง “ผมพูดในสิ่งที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ”

“เมื่อก่อนมันมีแต่เรื่องการเมือง เรื่องฝ่ายหนึ่งเสียประโยชน์ ฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่อยากเข้าไปยุ่ง มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่สร้างความสุขให้คนทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เสื้อแดง เสื้อเหลือง หรืออะไร ทุกคนก็เป็นแฟนเพลงเราทั้งนั้น แต่อย่าคุยเรื่องการเมืองนะ อย่าชวนไปไหน ให้เราเป็นนักร้องแหละดีแล้ว”

“แต่ถ้ามีอะไรที่จะแนะนำเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เป็นเรื่องของปากท้อง แล้วเป็นปัญหาใหญ่”

ซึ่งไม่อยากให้ลุกลามจนกลายเป็น ‘ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่’ ดังที่บอกไว้.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image