ย้อนเส้นทางชีวิต บุ๋ม ปนัดดา เคยถูกขู่ฆ่า-เผยเบื้องหลังการเผชิญหน้า ปารีณา

ย้อนเส้นทางชีวิต บุ๋ม ปนัดดา เคยถูกขู่ฆ่า-เผยเบื้องหลังการเผชิญหน้า ปารีณา

เป็นทั้งนางงาม นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ สำหรับ บุ๋ม ปนัดดา ที่วันนี้จะมาย้อนเล่าเส้นทางชีวิตกว่าจะเป็นตัวแม่ในวงการ เจอมาแล้วทุกรูปแบบ ทั้งขู่ฆ่าก็เจอมาแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง ONE31

ครั้งสุดท้ายที่มีโอกาสปะทะกับ ส.ส.คนดัง บุ๋มพูดคำพูดว่าเจอกันในศาล ยังไงคะ?
“อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับทนายความ เพราะว่าคุยไปก็เท่านั้น ทุกอย่างเห็นตามหลักฐานชัดเจนอยู่แล้ว แล้วเราก็เหนื่อยกับเรื่องนี้มานานมาก จนกระทั่งเราคิดว่าพอเถอะ”

มันมีโอกาสไกล่เกลี่ย ต่างคน ต่างอยู่ไหม หรือว่ามันต้องฟ้องแน่ๆ เอาจริงๆ ทั้งคู่?
“เป็นเรื่องของอนาคต เพราะการทะเลาะกับใครมันเป็นเรื่องที่เหนื่อย แล้วมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับทั้งสองฝ่าย แล้วมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับประชาชนเลย ดังนั้นขอไปเรื่อยๆ ตามจังหวะชีวิตดีกว่า แต่ ณ จุดนี้ก็ยังต้องฟ้องอยู่”

ความรู้สึกบางทีตัวเราเองรู้อยู่ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเราเจอคำพูดที่มันรุนแรงขนาดนี้?
“เขาบอกว่าเขาไม่ได้ดูถูก ถามว่าโกรธไหม เสียใจมากกว่าที่ทำไมผู้หญิงด้วยกันมาทำอย่างนี้ เสียใจว่าทำไมจู่ๆ เราต้องมาเจออะไรแบบนี้ เพราะเราก็ทำงานของเราอยู่เฉยๆ แล้วทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันก็รอเวลาพิสูจน์ได้ ไม่เข้าใจจริงๆ ก็โทร.ถามกันได้ คนเคยสัมภาษณ์กัน รู้จักกัน เราก็บอกโอเคไม่เป็นไร แล้วแต่มุมเขาจะมอง แล้วเขาก็พยายามบ่ายเบี่ยงไปเรื่องของการเมือง ว่าเราต้องมีสีอะไรอยู่ในตัว ซึ่งขอประกาศตรงนี้เลย วันนั้นเขาพูดว่าบุ๋มหัวใจสีส้ม บุ๋มอยากประกาศตรงนี้เลยว่าอย่ามาใส่ความบุ๋ม อย่าเอาเรื่องการเมืองมายุ่งกับบุ๋ม ไม่สีอะไรทั้งสิ้น เพราะอยู่ตรงนี้มานาน ทำงานกับทุกสี รัฐบาลทุกยุคมานานมากแล้ว ไม่เคยยุ่งกับการเมือง เพราะเราถือว่าการเป็นคนของประชาชนต้องเป็นกลางให้มากที่สุด และบุ๋มก็พยายามยืนในจุดนั้น แม้มันจะยากมาก แม้ว่าตอนนี้จะมีเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง ขอประกาศตรงนี้ใครที่คอมเมนต์เรื่องการเมือง หยุด เพราะไม่จริงอะไรเลย และดิฉันจะขอยืนหยัดตรงนี้ทำงานเพื่อผู้หญิงและเด็กต่อไป”

Advertisement

ทางฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเราจงใจทำให้เกิดความเกลียดชังในตัวเขา อันนี้มันหมายความว่ายังไง?
“เกลียดไม่เกลียดถามคนดูดีกว่า ฉันทำอะไรได้ ถ้าคนเขารักคุณ ดิฉันด่าคุณเขาก็เกลียดดิฉันค่ะ ไม่สามารถที่จะทำร้ายคุณได้หรอกถ้าเขารักคุณจริง แต่ถ้าเขาไม่ชอบ ทำยังไงคนมันก็ไม่ชอบ ดังนั้นอย่าหาเหตุผลอะไร คุยกันในศาล”

วันที่เจอกันในรายการของคุณมดดำ มันช่างดุเดือด และเชือดเฉือนมาก มันมีบางอารมณ์ไหมที่รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว?
“มันเป็นความรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปในรายการตั้งแต่แรกดีกว่า ยอมรับว่าเพิ่งมารู้ว่า เขาจะต้องมาที่รายการคืนก่อนที่จะไปแค่นั้นเอง”

ทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจที่จะไป?
“เพราะคิวงานในการขายสินค้าจองล่วงหน้ามา 6 เดือน ฉันต้องไป ฉันต้องทำงาน ฉันต้องเลี้ยงลูก ถ้าเป็นสมัยก่อน เจ้าอารมณ์อาจจะสะบัดบ็อบเดินออกไปก็ได้ แต่เมื่อหันไปมองหน้าเจ้าของสินค้า หันไปมองหน้าตัวแทนจำหน่าย แล้วเรารู้สึกว่าในช่วงโควิดเขาก็ขายของไม่ได้ เขาหวังในช่วงเวลา 10 นาทีตรงนั้น แล้วเราจะไม่รับผิดชอบ ไม่มืออาชีพมากพอหรอที่เดินหนี ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้”

Advertisement

วันนั้นมีอารมณ์โกรธทางรายการ หรือพิธีกรร่วมไหมที่ไม่มีการแจ้ง หรือบอกเราล่วงหน้า?
“คืออย่างน้อยเขาควรจะแจ้งนะ ถามว่าเสียใจไหม มีนิดนึง แต่วันรุ่งขึ้นมดดำก็โทร.มาหา แล้วก็บอกว่าอยากให้เป็นอย่างนี้ คือยังไงก็ต้องมา ต้องเจอก็คือต้องเจอ จะเอาเรตติ้งรายการ เราก็เข้าใจ แต่บางครั้งคุณควรจะแจ้งเรานิดนึง ไม่ใช่ว่าชาวบ้านรู้ทั้งโลก ยกเว้นฉัน มันไม่แฟร์ แค่นั้นแหละ”

แล้วมดดำตอบว่ายังไง?
“บุ๋มไม่ได้ว่าอะไรกับสิ่งที่มดดำทำเลยนะ เพราะว่าเราเข้าใจงานของเขา แต่ว่าช่วยให้โอกาสเรา ไม่ใช่ว่าขายของๆ แล้วเดินหนี เดี๋ยวเขาก็มาว่าอีกว่าอย่าหนีนะ เดี๋ยวเขาหาว่าเราหนีอีก”

ก็เลยประกาศในเฟซบุ๊กว่า คนอย่างปนัดดาไม่เคยหนีใคร?
“ก็ไม่หนี เพราะเราต้องไปทำงานอยู่แล้ว เขาต่างหากที่เดินมาหาเรา”

ครั้งแรกที่เผชิญหน้ากัน ฟิลตอนนั้นคือฟิลอะไร?
“แปลกนะใจนิ่งมากเลย อารมณ์อะไรที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่เจอในรายการ แต่พอเดินเข้าไปเย็นมากเลย โกรธไปก็เท่านั้น ขาดสติก็คือจบ”

มีคลิปหลุดออกมาที่บุ๋มบอกว่าถ้าอยากจะรู้เรื่อง หรือว่าอะไรที่มันไม่จริง ถามสิ อันนั้นคือตั้งใจที่จะเคลียร์กันเผื่อมันจะจบกันได้?
“ใช่ๆ บุ๋มคงสงสัยไม่ต่างจากทุกคนที่เห็นข้อความ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องโพสต์แบบนั้น ทุกคนคงมีคำถามเหมือนกับบุ๋มว่าทำ ทำไม”

คลิปนั้นทุกคนทั้งประเทศเห็น หน้ายังมีรอยยิ้ม แต่ลึกๆ รู้สึกยังไง?
“ก็ทำแฮชแท็กต่อไปเลย ใต้เลขห้ามีภูเขาไฟซ้อนอยู่”

ในวันนั้นมีคำพูดอยู่คำนึงว่า พูดอะไรระวังปากด้วย คิดว่าคำนี้เป็นการยั่วยุ หรือปั่นให้ภูเขาไฟข้างในมันปะทุ?
“ไม่เลย กลับรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำที่เตือนสติ แล้วก็ดีนะที่ฉันไม่พูดอะไรออกไป”

มีวินาทีไหนบ้างที่เราปรี๊ดขึ้นมาตลอดเวลาที่พูดคุยกัน?
“แค่มีงงบางช่วงมากกว่า ที่เขียนว่าดารามากสามี แล้วเขาบอกว่าเขาไม่ได้เขียน ไม่ได้โพสต์ เพราะว่าบุ๋มพูดต่างหาก”

กระแสหลังจากวันนั้นเป็นยังไงบ้าง?
“หลากหลายกระแสค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดูมากเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นบุ๋มไปแม่ฮ่องสอน แล้วก็ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ขนาดนั้น เรารู้สึกว่าเราพูดมาพอแล้ว แล้วน่าจะจบแล้ว ในเมื่อรายการก็แฮปปี้แล้ว บุ๋มก็แฮปปี้กับเขาด้วย บุ๋มเองก็ถือว่าทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่ แล้วมันก็น่าจะพอ ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกกับการปะทะแบบนี้ บุ๋มถามตามตรงว่าบุ๋มได้อะไรหรอ”

วันนั้นก็มีกระแสอีกนะว่าพิธีกรวันนั้นไม่เป็นกลางเลย?
“ขึ้นอยู่กับการทำงานของพิธีกรแต่ละคน สไตล์ของแต่ละคน อันนี้บุ๋มไม่เกี่ยวอยู่แล้ว เพราะบุ๋มนั่งของบุ๋มเฉยๆ มันก็แล้วแต่มุมมอง ทุกคนสามารถออกความเห็นได้หมด”

หลังจากรายการออกไปมีใครโทร.มาเคลียร์แม่ไหม?
“มีพิธีกรรายการอื่นโทร.มาบอกว่าเขารู้ล่วงหน้ามา 3 วันแล้ว”

เห็นบอกว่ามีคนมาขู่ฆ่าพี่บุ๋มด้วย?
“อย่าลืมนะทุกเคสที่บุ๋มช่วยเหลือ อย่างเช่น ออกจากซ่องมา ข้ามประเทศมามันคือเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือแม้กระทั่งเรื่องของการข่มขืน เมื่อเราช่วยหนึ่งคน เราจะมีศัตรูเพิ่มหนึ่งคน ถามว่าคนที่เขาเกลียดเราไหม มันต้องมีอยู่แล้วแหละ”

ห่วงในความปลอดภัยของอันดาไหม?
“ห่วงมากด้วย แต่ถามว่าจะไม่ให้เราช่วยผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ใช่ แต่ถามว่าเป็นห่วงเขาไหม ก็เป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะว่านี่คือแก้วตา ดวงใจเป็นพลังงานชีวิตของบุ๋ม เขาไม่รู้หรอกนะว่าเขาเป็นพลังงานที่วิเศษขนาดไหน เพราะเขามันทำให้บุ๋มมีพลังออกไปช่วยคนเยอะแยะมากมาย เพราะเขามันทำให้บุ๋มออกมาเปลี่ยนกฎหมายเยอะแยะมากมาย เพื่อทำให้อนาคตของเขามันปลอดภัย”

ที่ประกาศว่าจะลง ส.ส. คนมีคุณภาพแบบนี้มีคนยกหูมาเยอะไหม?
“ไม่ได้เล่นตลกนะ แต่ 23 พรรค ผ่านมดดำคนเดียวก็ 3 แล้ว เขาก็ยื่นข้อเสนอหลากหลายแบบ”

แล้วตัดสินใจยังไง มีแนวโน้มไหม?
“จริงๆ แล้วมันคือหน้าที่ของคนทำงานเพื่อประชาชน เพราะว่าต้องลงพื้นที่ ดูแลคนทั่วไป แต่พอมาวันนี้ถ้าเข้าไปแล้วเจอแบบนี้ก็กลัว เราอยู่ของเราอย่างนี้ดีแล้ว”

สรุปว่าจะลงหรือไม่ลง?
“ไม่ลงค่ะ ๆ เป็นเรื่องที่แปลกนะ พอดาราสักคน หลายคนก็บอกว่าไม่ชอบเลย แต่เรากลับรู้สึกว่าขอบคุณทุกพลังใจ แต่เรากลับรู้สึกว่าถ้าไปแล้วไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไร ทำงานได้เหมือนทุกวันที่เรายังมีพลังการเป็นปนัดดา ได้ช่วยคนขนาดนี้ไม่เอาดีกว่า”

บุ๋ม ปนัดดา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image