สิตางศุ์ เปิดใจชีวิตที่ต้องสู้กับคำบูลลี่ เผยสามีเคยชวนฆ่าตัวตายไปด้วยกัน

สิตางศุ์ เปิดใจชีวิตที่ต้องสู้กับคำบูลลี่ เผยสามีเคยชวนฆ่าตัวตายไปด้วยกัน

หลังกลับมาโด่งดังเป็นพลุแตกอีกครั้งในช่วงโควิด เพราะวลี ส้มหยุด กลายเป็นประโยคฮิตที่ใครๆก็ต้องพูดตาม สิตางศุ์ บัวทอง ที่ล่าสุดได้จูงมือหวานใจ ตี๋ มาคุยความรักและอุปสรรคที่ได้ร่วมผ่านด้วยกันมา ในรายการ Club Friday Show โดยว่าในความโด่งดังที่ได้มาตัวเองนั้น ต้องต่อสู่กับคำบูลลี่ต่างๆนานาๆของเหล่านักเลงคีย์บอร์ดและจากคนที่ไม่ชอบตัวเองหนักมาก และที่เห็นตัวเองไม่ตอบโต้กลับไปแต่จริงๆแล้ว น้ำตาไหลทุกครั้งที่โดนบูลลี่

หัวใจคนไม่ใช่หิน ฉันทำเป็นหน้าเชิด แต่น้ำตาฉันไหลทุกครั้งเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าฉันไม่ได้เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ แบบนี้ฉันคงจะร้องไห้แล้วล่ะ แต่พอฉันผ่านอะไรมามากฉันเข้าใจ คนที่เห็นคนอื่นด่า แล้วเข้าไปด่าตามโดยที่ไม่ได้ดูรายละเอียดอะไรเลยจะเตือนว่า บาปกรรมมันออนไลน์จริงๆนะคุณ แล้วการทำบาปมันมี บาปอยู่ 3 ทาง กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม เมื่อใจเราคิดชั่วก็บาปแล้ว วจีกรรมการไปด่า การพิมพ์คอมเมนท์ สักวัน ผลกรรมพวกนี้ กรรมดีกรรมชั่ว จะกลับไปที่ตัวคนทำ ถ้าอยากให้ครอบครัวและตัวเองเจริญ ก็อย่าไปเที่ยวทำร้ายคนอื่น

เวลาใครด่าฉันอีหน้าผี ฉันอยากจะบอกว่า เวลาคลินิกศัลยกรรมเสนอมาโดยมีค่าตัว แพงด้วย คนอื่นต้องจ่ายให้คลินิก 30 เปอร์เซ็นต์ทุกคนก็รู้ ทำไมฉันได้อะไรเยอะกว่าคนอื่น เลยน่าเกลียดเหรอเพราะฉันโชคดีกว่าเหรอ 

คนโน้นคนนี้มีสิทธิ์ทำคลิปด่าฉัน มีแต่คนเตือนว่าอย่าไปด่ากลับฉันเป็นตัวอะไร กันแน่คือฉันก็ไม่อยากดังหรอกนะขนาดฉันดังแล้วเล็บมือเล็บเท้ายังเลอะดินเลย ขนาดตอนที่สะบัดต่อ ฉันโดนเฟกนิวส์เพื่อเพิ่มยอดข่าว เพื่อเพิ่มยอดชม2-3 ล้านวิว แต่ได้ฆ่าฉันแต่ฉันไม่ยอมแพ้นะ โดนลืมงาน โดนแกล้ง โดนลืมงานแล้วแกล้งกัน แล้วโดนด่าด้วยว่า อีแก่ฉันไม่มีเวลาร้องไห้ด้วยซ้ำไป (เสียงสั่น) แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกกับพวกคนชั่ว

Advertisement

ถึงเหตุการณ์ที่มันตันในชีวิตอย่าเพิ่งฆ่าตัวตายนะคุณ ตัวเราถ้าเรามองแล้วยังมีตัวเรา เราไม่ต้องไปร้องขอตัวเราเองเท่านั้นเลยที่จะสร้างพลัง ฉันสู้ไหว ฉันเดินไม่ไหว ฉันโดนด่า โดนทำร้าย ฉันไม่สนใจด้วย ฉันไม่แก้ข่าว ฉันยังเปิดไลฟ์ขายของเพื่อเอาเงินไปเยี่ยมผัวที่โรงพยาบาล ทั้งๆที่พวกมันเข้ามาด่า

สิตางศุ์

ก่อนจะเล่าว่าสามีเคยชวนให้ฆ่าตัวตายพร้อมกัน ตอนที่เข้าโรงพยาบาลเขาตื่นมาแล้วเขาตัวกลัวว่าจะตาย แล้วเขาบอกว่าตางคุ์ตายไปด้วยกันเถอะ

Advertisement

ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว” ตี๋ว่า

ก่อนที่สิตางศุ์จะเล่าต่อว่า ตั้งแต่วันนั้นตนก็หยุดร้องไห้ทันที ก็รู้สึกว่าฉันร้องไห้ไม่ได้แล้วนะ เพราะเขาไม่สู้แล้ว

“ฉันหยุดร้องไห้วันนั้นเลยนะ เขาก็ถามว่าเอาเงินมาจากไหนมาเยี่ยมได้ทุกวัน เราก็บอกมาได้ มีคนสั่งของทุกวันเลย แต่ความจริงฉันก็ยืมเงินเขาไงแต่ไม่กล้าบอก ถ้าแฟนเราอ่อนแอ เราไปอ่อนแอด้วยไม่ได้นะคุณ แต่มีคนหนึ่งกระตุ้นว่า สู้สิ และพอเราสู้ เขาก็มาสู้ด้วย นับตั้งแต่นั้นมาฉันเลิกร้องไห้เลย เดี๋ยวเขาชวนตายพร้อมกัน”

คือถ้าไม่มีเขาตอนนี้ฉันก็อยู่ไม่ได้นะ เราเป็นเอง ผู้ชายคนนี้ เขาก็รู้ว่าฉันไม่ได้รักเขาตั้งแต่แรกนะ เพราะตอนนั้นฉันไม่มีที่พึ่งไง แล้วฉันเหนื่อย  ฉันสิ้นหวังไปแล้วเรื่องการมีครอบครัวเพราะฉันปิดฉากครอบครัวฉันแล้วฉันมาเริ่มต้นใหม่ด้วยตัวฉันเอง เขาเหมือนเป็นคนมาย้ำเตือนว่าการอยู่แบบครอบครัวมันอบอุ่นนะแล้วฉันหายเหนื่อยทุกครั้งที่กอดเขาจริงๆ ขนาดแก่แล้วตื่นมาตอนเช้ายังต้องหอมแก้มกันทุกวัน

วันนี้มันเป็นครอบครัวที่เป็นตัวฉัน ที่มีจิตวิญญาณของฉันออกมาฉันเลยรู้ว่าชีวิตจะต้องโดนอะไรเพิ่มหรืออะไรมันไม่มีผลแล้วล่ะ ถ้าเราจนถ้าเราอะไร ถึงวันนี้ ถึงเราไม่ดัง แต่เรายังมีกันและกันอยู่ 2 คนก็พอแล้ว อันนี้เป็นสาเหตุที่ไม่ไปด่าใครเลยเพราะเรามีความสุขอยู่แล้ว

ซึ่ง 13 ปีที่ผ่านมานั้นสามีก็ยังปฏิบัติเหมือนเดิมไม่อายที่จะบอกรักกัน

ก็อยากจะขอบคุณที่ยังรักฉันตลอดเลย และยังรักฉันเหมือนเดิม 13 ปี

สิตางศุ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image