ไก่ สมพล เผยเรื่องราวความรักกับแฟนหนุ่มที่ต้องปิดบังมานานถึง 30 ปี
อดีตดีเจชื่อดังและพิธีกรมากฝีมือ ไก่ สมพล ออกมาเปิดใจครั้งแรกกับเส้นทางความรักที่ต้องปิดบังมาร่วม 30 ปี ผ่านรายการคุยแซ่บShow ทางช่อง One31 โดยได้เล่าเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง แม้ว่าจะรู้ตัวเองมาตลอด
“คนที่มันรู้ตัวเอง มันไม่มีหรอกเพิ่งมารู้ มันรู้มานานแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะให้มันเป็นในแบบนั้นมากน้อยแค่ไหน เด็กรุ่นนั้นก็ เตะบอล ตีสนุ๊ก ตีหม้อ ทำหมด”
“ตอนมัธยมปลายมีแฟนเป็นผู้หญิง คนแรกคบก็เป็นเดือนนะ อยู่ต่างจังหวัด ต้องนั่งรถไปหาเขาก็มีไปป๊ะป๊ะชึ่งกันนะ”
“คนที่สองที่เป็นแฟนผู้หญิงเป็นสาวธรรมศาสตร์ เจอกันตอนมัธยมปลายก็ถือว่าเป็นคู่ควง เราไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง”
จนเข้าเรียนปี 1 ที่จุฬาฯ ก็พบรักกับหนุ่มศิลปกรรม จุฬาฯ เป็นช่วงที่มีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ และก็กังวลกับการจะโดนล้อในยุคนั้นมากๆ
“กลัวคนรู้มาก สมัยนั้นคนจะล้อกัน ว้าย เป็นตุ๊ดหรอ เป็นเกย์หรอ มันไม่เหมือนสมัยนี้ เป็นแล้วทำไมเหรอ”
ซึ่งถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กับคนนี้ก็คบกันได้เพียงไม่นาน
จนกระทั่งขึ้นปี 4 “สมัยก่อนเขาจะไปนัดเจอกันที่แมคโดนัลด์ตึกซีพี แล้วหลังจากนั้นก็แยกกันไปเที่ยวซอย 2 ซอย 4 ก็ไปเจอกันที่นั่น ก็ตามองตา”
“จริงๆ เรียกว่ากัลยาณมิตรดีกว่า อยู่ด้วยกันคบหากันมาปีนี้น่าจะเป็นปีที่ 30 แล้ว”
ที่คบหากันได้ยาวนานขนาดนี้ ไก่ สมพล บอกว่า เพราะผ่านชีวิตกันมาเยอะ ครอบครัวต่างก็ไม่ได้รวย แบ่งกันใช้แบ่งกันกิน ลำบากมาด้วยกัน
“ที่คบกันนานมันมีนะเรื่องระหองระแหง แต่เรารักกันพอรึเปล่า หมายความว่าเขาทำให้เรารักหรือเปล่า เพราะวันนึงเขาทำให้เรารักสิ่งที่เขาทำไม่ดี หรือเราทำให้เขารักสิ่งที่เราทำไม่ดีมันก็จะเมตตากันให้อภัยกัน เพราะเรารักกันและกัน และเขาทำตัวให้เรารักด้วย”
ทั้งยังดูแลกันเป็นอย่างดี เสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
“ก็คือทุกอย่างเลย ดูแลด้วย เสมอต้นเสมอปลาย คุยได้ทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนคุยเรื่องสุขเรื่องทุกข์ไปด้วยกัน”
ทั้งนี้เมื่อสอบถามถึงการแต่งงานน่าจะเป็นปลายทางของหลายๆ คู่ที่อยากจะใช้ชีวิตในรูปแบบนี้ไปตลอดรอดฝั่ง สมพลก็ว่า
“เวลาเห็นเค้าจัดงานแต่งงานแบบนี้เราดีใจจัง โลกเรามาถึงจุดตรงนี้แล้ว แต่สำหรับเราพิธีไม่ได้สำคัญ แต่ที่อยากให้มีจริงๆ คือการจดทะเบียนสมรสในเพศเดียวกันได้ เพราะวันนึงพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว เราแก่เฒ่าไปไม่มีลูกหลาน สิ่งที่เราทำได้คือเราดูแลกัน เช่น ถ้าเข้าโรงพยาบาลเราสามารถเซ็นให้หมอผ่าตัดเขาได้เลย ไม่งั้นจะหาใครมาเซ็นให้ ถ้าไม่ใช่คนที่สามารถรับผิดชอบให้กันได้ นี่แหละสิ่งที่เราอยากให้มี”
ซึ่งถ้าวันนึงมีขึ้นมาจริงๆ ตนก็อยากจะจดทะเบียนเช่นกัน “เราอยากจด เพราะเราอยากดูแลกันในยามเจ็บป่วยได้ เป็นปากเป็นเสียงให้กันได้”
กับระยะเวลาที่ผ่านมานานขนาดนี้ แต่ไม่เปิดตัวให้ใครได้รู้นั้น เขาก็ว่า ความจริงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแต่ไม่ได้ป่าวประกาศ
“จริงๆ ไม่ได้ปิดนะ ถ้าใครเข้าไปดูในไอจีก็จะเห็น เราไม่ได้ปิดบังเพียงแต่เราไม่ได้ออกมาป่าวประกาศก็คือใช้ชีวิตอย่างปกติ”
