กลายเป็นเรื่องที่ไม่จบง่ายๆ เสียแล้ว สำหรับดราม่า #เสียงสูง ระหว่าง ปันปัน – สุทัตตา อุดมศิลป์ กับ น้ำชา – ชีรณัฐ ยูสานนท์ แม้ภายหลังจะมีรายงานข่าวว่าปันปันยอมรับผิดที่โพสต์ภาพสาวน้ำชาพร้อมข้อความรุนแรง และได้โทรศัพท์สายตรงเพื่อขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่น้ำชาก็ให้สัมภาษณ์ ‘มติชนออนไลน์’ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่จบ เนื่องจากเหตุการณ์บานปลายมีการแบ่งฝักฝ่ายขุดคุ้ยโจมตีกันเกิดขึ้น ดังนั้นคำขอโทษแค่ทางโทรศัพท์จึงยังไม่พอ แต่ขอให้ปันปันมาคุยกันต่อหน้าตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านเพิ่มเติม : ‘น้ำชา’ เปิดใจ เผย ‘ปันปัน’ ขอโทษแล้ว แต่ยังยากจะจบ ขอนัดเจอตัว เหตุเรื่องบานปลาย!!)
ล่าสุดวันนี้ (31 กรกฎาคม) ที่ประตูทางออกที่ 1 ด้านนอกอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 2 สนามบินสุวรรณภูมิ ปันปัน สุทัตตา ที่เพิ่งเดินทางกลับจากจังหวัดภูเก็ตก็ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกว่า ต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยตอนนั้นได้ยินเรื่องราวบางอย่างแล้วตกใจจึงทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบทั้งที่เรื่องที่ได้ยินมานั้นผ่านไปแล้วและไม่เกี่ยวข้องกับตนเลย จึงรู้สึกผิดมากที่ไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของคนอื่น ทั้งยังทำให้น้ำชาและครอบครัวได้รับผลกระทบ อย่างไรก็หลังเกิดเรื่อง ตนได้หาเบอร์โทรศัพท์และโทรไปขอโทษน้ำชาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าตอนโทรไปน้ำชายังคงมีอารมณ์โกรธอยู่ โดยตนก็เข้าใจเพราะถ้าโดนอย่างน้ำชาบ้างก็คงโกรธเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่ได้ยินมานั้น ตนไม่ได้ถามกับน้ำชาเพราะรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องของตนก็ไม่ควรไปก้าวก่าย
“หนูต้องขอโทษทุกคน หนูรู้สึกผิดกับการกระทำครั้งนี้มากๆ เป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ หลังจากได้โทรศัพท์ไปขอโทษพี่น้ำชา พี่เขาก็เข้าใจว่าผู้หญิงมีฟีลนี้เหมือนกัน คุยด้วยดี แต่จะดีถ้าเราไปขอโทษต่อหน้า ซึ่งถ้าว่างตรงกัน หนูก็ยินดี” ปันปันกล่าว
และเมื่อถูกถามว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับ มาร์ช – จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล แฟนเก่าของเธอด้วยหรือไม่ ปันปันกล่าวว่า เป็นเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วและไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองจึงไม่อยากพูดถึง ส่วนจะจริงหรือไม่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ยอมรับว่าที่รู้สึกจนต้องโพสต์ออกไปอาจด้วยว่าตนเคยสนิทสนมกับมาร์ชมากๆ เมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ มาจึงตกใจ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การหึงหวงที่เห็นทั้งคู่ใกล้ชิดกันแน่นอน เนื่องจากเข้าใจว่าคนทำงานด้วยกัน
ต่อข้อสงสัยที่หลายคนมองว่าปันปันไม่มีสิทธิ์ข้องเกี่ยวกับมาร์ช เพราะเลิกรากันไปแล้ว เจ้าตัวว่า “ใช่ หนูไม่มีสิทธิ์ หนูถึงรู้สึกผิดที่ทำอะไรไปอย่างนั้น หนูรู้สึกผิดจริงๆ หนูขอโทษจริงๆ ถ้ามองกลับกันมีคนมาทำอย่างนี้กับหนู หนูก็คงด่าว่าปีนเกลียว ไม่มีสัมมาคารวะ ถ้าหนูโดนคงเกลียดคนทำมากๆ” โดยหลังเกิดเรื่องก็ไม่ได้มีการพูดคุยกับมาร์ช และหลังจากนี้แม้ยังมีธุรกิจที่ทำร่วมกันอยู่ แต่ก็คงพูดคุยเท่าที่จำเป็น
“สำหรับบทลงโทษหนูก็ไปคิดมาแล้วว่าหนูจะลงโทษตัวเอง หนูจะออกจากนาดาว (บริษัท นาดาว บางกอก จำกัด – ต้นสังกัด) เพราะการที่เราทำมันเป็นการทำให้บริษัทเสียชื่อหลายครั้ง พี่ๆ เขาให้โอกาสหนูมาตลอด แต่หนูกลับทำให้เขาผิดหวังเลยรู้สึกว่าตอนนี้หนูขอออกมาแล้วเอาเวลานี้มาพิจารณาตัวก่อน” ปันปันกล่าว
พร้อมบอกด้วยว่าแม้จะออกมาจากสังกัด แต่ก็ยังมีซีรี่ส์ที่ทำด้วยกันอยู่ซึ่งเตรียมจะออกอากาศกันยายนนี้ โดยความผิดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ตนก็รู้สึกเข็ด และเคยคิดว่าเหนื่อยกับวงการบันเทิง ทางคุณพ่อก็เคยถามว่าอยากออกจากวงการไหม เพราะคุณพ่อสามารถดูแลลูกได้ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าถ้าออกไปแล้วจะอย่างไร เพราะแม้จะออกไปไม่มีงาน แต่เดินบนถนนก็มีคนรู้จักอยู่ดี อย่างไรก็ตามสำหรับการกระทำครั้งนี้คุณพ่อก็ผิดหวังมาก เพราะท่านบอกว่าสอนมาดีมาก มีทุกอย่างให้แต่ทำไมตนถึงชอบทำร้ายชีวิตตัวเอง
“เข็ดสิค่ะ ใครจะอยากโดนอย่างนี้ บทเรียนก็ได้ตลอดแหละ แต่สิ่งที่เกิดขึ้น บางครั้งคนบางคนผิดพลาดไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนี้ อย่างเดินๆ อยู่เราไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราอาจจะเป็นคนใจร้อน ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ก็ได้บทเรียนเยอะจากครั้งนี้ เราเป็นคนของสังคม เวลาจะทำอะไรต้องระวังทุกอย่าง จากนี้อาจจะพักจากโซเชียลฯ ไปสักพัก” ปันปันกล่าว
และว่า สำหรับกระแสสังคมที่เกิดขึ้นก็คงต้องยอมรับ เพราะตนเป็นคนของสังคม แต่ตนก็ยังจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ตนเป็นคนตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงาน และจะพยายามควบคุมตัวเองให้ดี คิดถึงพ่อแม่ให้มากขึ้น
“หนูขอโทษพี่น้ำชาจริงๆ ค่ะ หนูขอโทษพี่ ขอโทษผู้จัดการพี่ ขอโทษพ่อแม่พี่ ขอโทษคนที่ทำให้เกิดผลกระทบกับสิ่งที่หนูทำไป หนูขอโทษที่หนูไปก้าวก่ายชีวิตพี่แล้วก็ไม่มีสัมมาคารวะใส่ และไปปีนเกลียวกับพี่ หนูขอโทษจริงๆ ค่ะ ชีวิตนี้ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรแบบนี้อีกแล้วค่ะ” ปันปันกล่าวในที่สุด
