ลูกสาวอ้อย กาญจนา เผยโรคหัวใจ-มะเร็งรุมเร้า สะอื้นบอกแม่ไม่ต้องห่วง จะดูแลน้องชายเอง
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ศาลา 2 วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ได้มีพิธีรดน้ำศพนักแสดงชื่อดัง อ้อย กาญจนา จินดาวัฒน์ ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจ โดยบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า โดยในงานนอกจากคนในครอบครัวแล้ว ยังมีเพื่อนๆและคนในวงการบันเทิงมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ ส้ม ชนากานต์ ชัยศรี, เกม ศานติ สันติเวชชกุล, สุเชาว์ พงษ์วิไล, รอง เค้ามูลคดี ฯลฯ
-เศร้า!! ‘กาญจนา จินดาวัฒน์’ อดีตนางเอกดังเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ รดน้ำศพที่วัดมกุฏฯ พรุ่งนี้
ทั้งนี้ เพลง ภตภร หรือ เพลง กวิตา ลูกสาวของกาญจนา จินดาวัฒน์ ได้เปิดใจถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ว่า แม่ของตนป่วยเป็นโรคหัวใจมาราว10 ปีแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ เพราะยังใช้ชีวิตและทำงานตามปกติ อย่างไรก็ดีในช่วงปีเศษๆที่ผ่านมาได้ตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งที่ปอดกับกระดูกในระยะลุกลาม
“คุณแม่เป็นโรคหัวใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นโรคที่ไม่หาย ต้องกินยา ร่างกายพยายามฟื้นฟูตัวเอง เอาอวัยวะอื่นมาช่วยเป็นพลังเสริม จนวันหนึ่งพลังงานสำรองก็อาจจะหมดไป บวกกับมาเจอโรคแทรกซ้อนอีก กลายเป็นว่าหัวใจไม่แข็งแรง ปอดก็มาเจอโรค กระดูกก็มาปวด”
“ตอนที่เจอที่เยื่อหุ้มปอดกับกระดูก เป็นระยะที่ลุกลามแล้ว คุณแม่ก็ทำงานปกติ สั่งห้ามเพลงไม่ให้บอกใครเรื่องมะเร็ง ไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง จะพูดเสมอว่าไม่อยากใช้ชีวิตเป็นคนป่วย อยากใช้ชีวิตให้มีความสุขทุกวัน มีความคิดว่าเขาจะสู้ จะหาย (เสียงสั่น) เลยไม่ให้เพลงพูดเรื่องมะเร็ง แต่เรื่องโรคหัวใจเพลงก็ขอเขาว่าต้องบอกบางคนนะ เพราะต้องฝากพี่ๆที่กองถ่ายให้ดูแล จะได้ทราบว่าต้องมีข้อควรระวังอะไรบ้าง”
เธอยังเล่าด้วยว่า ตอนที่รักษามะเร็งใหม่ๆ อาการดีขึ้นมาก แต่แล้วก็ทรุดในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
“เริ่มมีเอฟเฟ็กต์ที่ต้องเปลี่ยนตัวยา เบื่ออาหาร ผอมลงเกือบ 10 กิโลกรัม แต่ที่ทรุดหนักจริงๆคือรอบสุดท้ายที่เข้าโรงพยาบาล มีอาการหายใจติดขัด แล้วโรคหัวใจมันจะมาคู่กับน้ำท่วมปอด ก็อันตราย คุณพ่อเลยพาไปส่งที่แผนกฉุกเฉิน จริงๆ ก่อนหน้านี้คุณแม่เข้าฉุกเฉินมา 2 ครั้งแล้ว ในระยะเดือน 2 เดือนนี้ แต่ก็ดื้อ ขอออกมาทุกครั้ง เพราะคิดว่าไม่เป็นอะไร จริงๆรักษาอยูที่รพ.จุฬาฯ แต่ครั้งสุดท้ายฉุกเฉินจริงๆก็เลยไปที่รพ.พระมงกุฎเกล้า แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะไม่ได้ออกมาอีก”
“จริงๆช่วงหลังๆที่อยู่ที่บ้านก็ค่อนข้างหนักมากแล้ว เพลงเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์ พาไปหาหมอ จะเห็นว่าเขามีอาการเหนื่อยเยอะ เพลงจะให้นั่งรถเข็นไปไหนมาไหน ไม่ได้เห็นเขาเดินเที่ยวมาเป็นเดือนแล้ว จนวันที่ไปถ่ายรายการเสือ สิงห์ กระทิง แซ่บ ของ พี่แอน (แอน ทองประสม) เป็นวันที่ได้เห็นคุณแม่เดินเองครั้งสุดท้าย (น้ำตาคลอ เสียงสั่น)”
“ตกใจว่าเขาทรุดลงเยอะมาก จิตใจน่ะสู้ แต่ร่างกายไม่ไหว”
เพลงยังเล่าด้วยว่า ตั้งแต่แรกที่รู้ว่าเป็นโรคหัวใจ หมอหลายคนประเมินว่าการที่หัวใจสามารถทำงานได้เพียง 20-30 % น่าจะอยู่ได้เพียง 3-6 เดือน
“คุณหมอหลายท่านบอกว่าอาการหนักขนาดนี้ คุณไม่รอดแน่ หมอให้ 3-6 เดือน เต็มที่เลย อยากทำอะไร รีบทำนะ คุณแม่ก็ใจเสียบ้าง แต่สู้ และอยู่มาได้ถึง 10 ปี ถ้าไม่เจอโรคแทรกซ้อนอาจจะยังไหวอยู่ก็ได้”
เพลงยังพูดถึงช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่แม่จะจากลา ว่าทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า
“เห็นว่าเขาอาการหนัก แต่ก็ยังสู้ มีหลายวันมากที่เพลงโดนโทรตามกลางดึกว่าแม่จะไม่ไหว 2-3 ครั้ง จนหลอนโทรศัพท์ไปหมด พอไปถึงแม่ก็ฮึดขึ้นมา แต่ร่างกายเขาบอบช้ำและอ่อนแอมาก ก็คงยากที่จะฟื้นตัว เราก็รู้สึกว่าเขากำลังฝืนเพื่อเราหรือเปล่า (สะอื้น)”
เรื่องการสั่งเสีย เพลงบอกว่า แม่พูดหลายครั้งว่า ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วให้ดูแลกันดีๆ
“ตอนที่พูดได้ปกติ ไม่ได้มานอนหลับที่โรงพยาบาล เขาสั่งเสียจนเพลงใจเสียไปหลายครั้งเหมือนกัน ว่าแม่เป็นห่วง รักลูก รักพ่อ ถ้าแม่ไม่อยู่แล้วให้ดูแลกันดีๆ อย่าทิ้งน้อง เพลงว่าแม่อาจจะห่วงน้องชายมากหน่อย เพราะเพลงค่อนข้างดูแลตัวเองได้ทุกอย่างแล้ว มีครอบครัวของตัวเองแล้ว น้องยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝา”
“อย่างเรื่องงาน คุณแม่ยังอยากทำงาน ไม่อยากเป็นคนป่วย ไม่อยากให้ทุกคนเจอแล้วแม่โทรมแล้ว ไม่กล้าเรียกแม่ไปทำงาน หรือชวนไปไหน บอกจะดูแลตัวเองให้หายให้ได้ ขอให้ทำทุกอย่างเป็นปกติมากที่สุดดีกว่า”
“เพลงได้สิ่งดีๆมาจากคุณแม่ แม่เป็นแบบอย่างให้เพลงในทุกเรื่องๆ เพลงเข้มแข็งและผ่านอะไรมาได้ เพราะมีคุณแม่เป็นกำลังใจ เป็นแบบอย่าง ว่าเขาทำทุกอย่างได้ดี เขาเก่ง เขาอดทน แล้วเขาก็อยากให้เราได้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เราเห็นความอึด ความเก่งของแม่ ก็เก็บตรงนั้นมาดำเนินชีวิตต่อไป”
“เพลงบอกแม่ในตอนสุดท้ายว่าไม่ต้องห่วงเพลง ทุกอย่างแม่ให้เพลงมาหมดแล้ว อยู่ในตัวเพลงหมดแล้ว ขอให้แม่เชื่อว่าเพลงจะอยู่ต่อไปได้อย่างดีที่สุด”
