แนท อนิพรณ์ ไม่รู้แม่มีปัญหาทางการเงิน แบ่งค่าตัวจากการทำงานให้ตลอด

แนท อนิพรณ์ ไม่รู้แม่มีปัญหาทางการเงิน แบ่งค่าตัวจากการทำงานให้ตลอด

หลังจากที่คุณแม่ของ แนท อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์ ได้ออกมาเปิดใจปมถูกแจ้งความดำเนินคดี อ้างถูกหลอกให้ลงทุนธุรกิจโมเดลลิ่ง จนสูญเงินหลายล้านไปแล้วนั้น “แม่แนท” ร่ำไห้ หนี้ทั้งหมดฉันรับเอง วอนเจ้าหนี้อย่าระรานลูก ล่าสุด แนท ก็ได้เปิดใจในงาน Wedding Fair 2020 by NEO ที่สยามพารากอน ถึงประเด็นดังกล่าวว่า

เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่ เราพอจะทราบรายละเอียดไหม
“จริงๆ หนูก็รับรู้พร้อมกับทุกๆ คนนะคะ อันนี้คือเรื่องจริง หนูรับรู้ข้อมูลที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อนหรือใดๆ ก็ตามเกี่ยวกับเจ้าหนี้พร้อมกับทุกๆ คนเลยค่ะ”

แสดงว่าเราไม่เคยทราบว่ามีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้น
“ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ก็มารับทราบพร้อมกับทุกคน”

ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสพูดคุยหรือติดต่อกับคุณแม่บ้างไหม
“จริงๆ หนูกับแม่เรางอนกันบ่อยอยู่แล้วค่ะ งอนตามประสาเด็กขี้น้อยใจ และหนูก็จะแบบ…เมื่อไหร่แม่จะทักมานะ คือเป็นการงอนกันเล็กๆ น้อยๆ แต่ด้วยความที่หนูไม่คิดเหมือนกันว่าการที่เราไม่ได้คุยกันเยอะๆ มันจะทำให้เราไม่รู้เรื่องอะไรขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้เราจะคุยกันบ้าง แต่ก็แค่ประปรายเท่านั้น ไม่ได้ลงดีเทลลึกๆ เลย”

Advertisement

เรากับคุณแม่ไม่ได้คุยกันเป็นปีอย่างที่ท่านบอกจริงหรือเปล่า
“ถ้าเจอกันแบบตัวต่อตัวก็คือเป็นปีค่ะ เพราะหนูจะมีบ้านที่อยู่กับคุณตาคุณยาย และบวกกับช่วงหลังมานี้หนูทำงานค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะตอนที่ถ่ายละครเรื่องรักสิบล้อ ตอนนั้นหนูเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลยด้วย หนูจะอยู่กับคุณน้าเป็นหลัก เพราะคุณน้าจะคอยดูแลรับส่ง”

ที่คุณแม่บอกว่าเอาของที่เราให้ไปขาย อันนี้เราทราบไหม
“ก็…จริงๆ มันก็เป็นของนอกกายเนอะ เหมือนกับที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์นั่นแหละค่ะ”

คุณแม่มีปัญหาด้านการเงินมานานแล้วหรือเปล่า
“เอ่อ…ถ้าข้อมูลในข้อเท็จจริงอันนี้หนูไม่ทราบ เหมือนหนูเป็นคนที่แฟร์ๆ แมนๆ ด้วยมั้งคะ ค่อนข้างให้เกียรติและให้อิสระกับทุกคน ยกตัวอย่าง ถ้าหนูให้เงินคุณตาคุณยาย หนูก็จะไม่ถามท่านเลยว่าท่านเอาเงินไปทำอะไร หนูจะไม่ไปลงรายละเอียดตรงนั้น เพราะหนูรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องรับผิดชอบเอง”

Advertisement

เราเริ่มระแคะระคายเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“ที่หนูรู้ก็เพราะมีคนติดต่อมาทางพี่สาวหนูค่ะ ตอนนั้นหนูก็งงเหมือนกันว่าทำไมอยู่ๆ พี่สาวหนูเขาก็เงียบๆ ไป หนูเลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นหนูถึงได้รับทราบค่ะ”

เราไม่ทราบถึงธุรกิจการทำงานของคุณแม่เลยเหรอ
“ถ้าในส่วนของการทำงานของคุณแม่ จริงๆ แล้วก่อนหน้านี้คุณแม่ทำงานกับหนูนะคะ ก็คือหนูจะมีผู้จัดการ 3 คน มีพี่เอ มีคุณแม่ และก็ช่อง ซึ่งทั้ง 3 คนจะบริหารงานกันโดยมีคุณแม่เป็นผู้จัดการกลาง พี่เอดูแลแฟชั่นโชว์ ส่วนช่องก็จะดูเรื่องของละครทุกอย่าง ซึ่งค่าใช้จ่ายต่างๆ หนูจะหักให้แม่ 30 เปอร์เซ็นต์จากทุกงานที่แม่หาได้ และ 30 เปอร์เซ็นต์จากงานละครด้วย”

จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้นใช่ไหม
“ใช่ค่ะ มันก็อย่างนั้นเสมอมาค่ะ”

ตั้งแต่เกิดเรื่องเราได้คุยกับคุณแม่หรือยังว่าเรื่องราวเป็นมายังไง
“ยังไม่ได้โทรเคลียร์กันขนาดนั้นค่ะ เพราะตอนนี้จากที่คุณแม่ให้สัมภาษณ์เหมือนท่านก็พยายามหลบเราไปหลบเรามา แต่หนูเชื่อว่าถ้าหากแม่พร้อม ยังไงแม่ก็อยากคุยกับหนูอยู่แล้ว ส่วนตัวหนูเองหนูก็อยากคุยกับแม่อยู่แล้วค่ะ”

เราเคยโดนเจ้าหนี้คุกคามบ้างไหม
“มันตลกอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ก็คือทุกคนมักจะเข้าหาพี่สาวหนู แต่ไม่มีใครเข้าหาหนูโดยตรงเลย หนูยังสงสัยอยู่เลยค่ะว่าเป็นเพราะลุคหนูดูดุหรือเปล่า ทั้งๆ ที่หนูก็เฟรนด์ลี่นะ (หัวเราะ)”

รู้สึกยังไงบ้างที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เพราะชื่อเสียงเราก็สะสมมานาน
“หนูมองว่ามันแยกส่วนกันนะคะ หนูเป็นแบบไหน หนูก็ยังเป็นแบบนั้นเสมอมา และอย่างที่บอกเราต้องให้เกียรติเขาค่ะ เขาจะทำอะไรเราไม่สามารถไปบังคับชีวิตเขาได้”

ยังไม่ได้มีการพูดเลยกับคุณแม่เลย
“ใช่ค่ะ ยังไม่ได้คุยกันโดยตรงเลย”

ติดต่อไม่ได้เลยเหรอ เพราะตัวเลขมันก็ค่อนข้างสูงหลายล้านบาท
“เอ่อ…จริงๆ ตรงนี้ที่หนูคุยผ่านพี่สาว เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายไปแล้ว และในช่วงนี้ก็น่าจะเป็นขั้นตอนของการไกล่เกลี่ย การนัดกันไปที่สถานีตำรวจและคุยรายละเอียดกันระหว่างคุณแม่กับเจ้าหนี้ ซึ่งหนูยังไม่ได้เข้าไปแทรกแซง”

เราไม่ได้จะเข้าไปช่วยจัดการใช่ไหม
“หนูไม่มีสิทธิจะเข้าไปจัดการอยู่แล้วค่ะ เพราะเท่าที่ทราบเหมือนเขาเองก็กำลังนัดกับตำรวจ และทุกอย่างก็อยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย”

ถึงจุดจริงๆ แล้วแม่เขาไม่มีเงินจะจ่ายแล้ว เราพร้อมจะซัพพอร์ทช่วยเหลือไหม
“คือตอนนี้หนูต้องยอมรับว่า หนูดูแลคุณตา คุณยายและน้องมาตลอด หนูเหมือนเป็นหัวหน้าครอบครัวค่ะ ซึ่งหนูก็ยังอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน เพราะว่าตอนนี้คุณตา คุณยายก็แก่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าหมอ ค่ารักษาพยาบาลใดๆ หนูเป็นคนที่รับผิดชอบค่ะ ในส่วนตรงนั้นหนูต้องขอให้หนูกลับไปคุยกับทางครอบครัวหนูอีกทีหนึ่งค่ะ แต่ยังไงแล้วหน้าที่หลักของหนูคือต้องดูแลคุณตาคุณยาย แล้วก็มีน้องอีกค่ะ”

ที่เราบอกว่างอนไม่ได้คุยกับคุณแม่เลย คือปัญหาเรื่องเงิน เรื่องที่เขาเอาของที่เราให้ไปขายหรือเปล่า
“อ๋อ…ไม่ใช่ค่ะ งอนประมาณว่าแม่มารับช้าอะไรแบบนี้ค่ะ หนูถ่ายละครแล้วมันเลิกดึกแล้วแม่มารับช้าก็เหมือนงอนๆ บางทีแม่มารับช้า บางทีแม่เขามีปัญหาในเรื่องของผ่าตัดตา แล้วเขาจะตาฝ้าๆ แล้วต้องทำกายภาพ บางทีเขาก็ลุกไม่ไหวในการที่จะมารับส่งเรา เราก็งอน ทำไมไม่มาหา ไม่มารับไม่มาส่ง แต่ว่าน้าเขาก็เป็นคนมาแสตนด์บายตลอดค่ะ แต่เราก็จะงอนๆ”

แม่ได้มาขอโทษเราไหมหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้
“คือถามว่าขอโทษไหม จริงๆ แม่ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ เพราะว่าเหมือนที่หนูบอกมันเป็นสิทธิของเขาว่าเขาจะทำอะไร หนูไม่สามารถจะห้ามได้อยู่แล้ว เหมือนกับคนที่มีลูก เราเลี้ยงลูกให้โตขึ้นมาได้ แต่เราไม่สามารถเลี้ยงความคิดความอ่านเขาได้ ถ้าเป็นในกรณีนี้ก็อาจจะคล้ายๆ กัน ทุกคนก็มีสิทธิเสรีภาพทางความคิด ซึ่งหนูไม่สามารถไปจำกัดความคิดของใครได้ค่ะ”

ที่สัมภาษณ์เหมือนคุณแม่เขาจะซีเรียสว่าเจ้าหนี้จะมาต่อว่าเรา
“หนูก็รู้สึกดีใจนะ แต่จริงๆ เจ้าหนี้ก็ไม่ได้มีใครได้มาคุกคามหรือมาต่อว่าอะไรหนูนะ เขาก็น่ารักนะคะ ไม่งั้นเขาก็คงเหมือนเขียนด่าหนูไปแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่มีนะคะ”

กลัวไหมว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันจะกระทบกับงาน กับภาพลักษณ์ของเรา
“คือเหมือนที่หนูบอกว่าต้องแยกส่วนกัน อันนั้นคือสิ่งที่แม่ทำ แต่ว่าในส่วนตัวหนูถามว่ากังวลไหมเหรอ หนูก็ไม่ได้กังวลมากมายขนาดนั้นค่ะ เพราะเรารู้ว่าเราเป็นยังไง หนูเป็นยังไง หนูก็ยังเป็นอย่างนั้นเหมือนเดิม”

ตัดขาดการทำธุรกิจร่วมกันกับคุณแม่เลยไหม
“โอโห้…คำช่างยิ่งใหญ่มาก เดี๋ยวก่อนนะคะ ตัดขาดการทำธุรกิจเหรอคะ คือจริงๆ หนูน่าจะเรียกว่าน่าจะมีในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงการบริหารมากกว่า คือหลักๆ หนูมีผู้จัดการที่ช่อง มีพี่เออยู่แล้ว ก็มาคุยบริหารจัดการตรงนี้มากกว่าค่ะ”

แม่ไม่เคยมายืมเงินเพื่อเอาไปเคลียร์หนี้ใช่ไหม
“ในส่วนที่หนูมีให้เขา หนูก็มีให้เขาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล คุณแม่ผ่าตัดตา 2 ข้าง หนูเป็นคนโอนไวใจถึง หนูก็โอนให้แม่อยู่แล้ว ค่าทำกายภาพ ค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เราก็มีการดูแลมาตลอดอยู่แล้วค่ะ จนถึงวันนี้ก็ยังดูแลอยู่ค่ะ”

โมเดลลิ่งของแม่ที่บอกว่าชวนคนมาลงทุน อันนั้นมีอยู่จริงใช่ไหม
“อันนี้หนูไม่ทราบจริงๆ ค่ะ หนูไม่ทราบ”

แนทเองมีเป็นห่วงแม่ไหม กลัวเขาเครียดไหม
“ในฐานะลูกก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ ก็เป็นห่วง ถามว่ากลัวเขาจะคิดมากไหม หนูรู้สึกว่าถ้าเขามาถึงตรงนี้ได้ เขาก็สตรองนะ เอาแบบตรงๆ นะ เพราะเราก็รู้พร้อมกันหมดนะ ไม่ได้รู้ก่อนหน้านี้ ถ้าสมมุติว่าเจ้าหนี้เขาไม่ทวงถาม ไม่โทรหาพี่สาว เราก็ไม่ทราบ ก็เป็นห่วงอยู่แล้วค่ะ เป็นห่วงในความรู้สึกของคุณตา คุณยายด้วย หนูก็จะบอกเสมอว่า หนูจะดูแลตากับยายให้ดีที่สุดค่ะ คือทุกคนก็ทราบพร้อมๆ กันนะคะ แต่ท่านก็อายุเยอะแล้ว ท่านก็ใช้คำว่าก็เข้าใจและต้องยอมรับแค่นั้นแหละค่ะ”

เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความแตกหักให้เรากับแม่เราใช่ไหม
“จริงๆ ไม่ได้สร้างความแตกหักหรอกค่ะ มันแยกส่วนกันค่ะ”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image