เปิ้ล หัทยา เปิดใจทั้งน้ำตาถึง ตั้ว ศรัณยู แม้จะจากไปแต่ใจยังผูกพัน
ยังคงคิดถึงและอยู่ในใจเสมอ แม้การจากลาครั้งนี้จะจากกันไปตลอดกาล แต่ เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง ที่มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ได้เปิดใจทั้งน้ำตาว่ายังคงรู้สึกว่า ตั้ว ศรัณยู ยังคงอยู่ใกล้ๆ ตัวเองเสมอไม่ได้จากไปไหน ทุกวันนี้ก็ยังคงคุยอยู่กับสามีทุกวัน
ตั้วได้บอกอะไรกับเปิ้ล หรือสั่งเสียอะไรไหม
“ไม่ถึงกับขนาดที่สั่งเสียนะคะ แต่คืนวันเสาร์ เขาจะเรียกทุกคนมาคุยกัน (เขายังพูดได้ในตอนนั้นแต่อาจจะพูดช้าลง) เขาก็บอกเราว่าต้องทำความฝันให้เป็นความจริงนะ น้องหนัง เขาก็บอกว่าพ่อต้องไปเกาหลี พ่อต้องไปดูหนังนะ เพราะหนังเขาไปแคสงานที่เกาหลี พ่อเขาก็บอกว่าไปสิ ส่วนน้องหนุนเขาก็บอกว่าหนูด้วยนะ หนูรับปริญญานะ พ่อ เราก็คุยกัน พี่ตั้วเขาก็บอกเราว่าต้องทำความฝันให้เป็นความจริงนะ สนับสนุนลูก ดูแลลูก อย่างกลัว ต้องสู้ ส่วนเราก็บอกเขาว่าพี่ตั้ว สู้เปล่า สู้ไหม พี่ตั้ว เขาก็ยักคิ้ว ก็ยังคุยกันประมาณอย่างนี้”
ตอนนั้นเปิ้ลรู้ไหมว่าตั้วอยู่ตรงไหนแล้วตอนนั้นหมอบอกหรือยัง
“หมอบอกค่ะ แต่เราไม่ได้ฟัง เรายังมีความหวังตลอดเวลา เพราะเขายังคุยกับเรา บังพูดกับเรา บางทีเขาเหนื่อยเขาก็จะบอกว่าว่า ขี้เกียจพูด จะเขียน เพราะตรงนี้เราเลยรู้สึกว่ายังมีความหวัง (ยิ้มแต่น้ำตาคลอ)”
เปิ้ลเลยเป็นพลังทั้งหมดที่มีในการทำความฝันของตั้วด้วย ในการเป็นที่พักพิงให้กับลูกทั้งสองคนด้วย
“น้องหนุน น้องหนัง เป็นเด็กที่แข็งแรงนะคะ หนุน จะเป็นเด็กนิ่งๆ แบบพี่ตั้ว บางทีเขาไม่โวยวาย แต่น้องหนังเขาจะเป็นคนที่แสดงออกแบบเต็มที่ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ เขาจะมีคำถามเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้ เขาก็ยังไม่เข้าใจ”
จนถึงขั้นไปหาคำตอบไปปฏิบัติธรรม
“ลองไปดูสิแม่ลองไปบางทีอาจจะเจอคำตอบ อาจจะได้เจอพ่อ อาจจะได้เจอคำตอบ พอไปถึงเขาว่าจะอยู่ที่เสถียรธรรมสถานแค่ เสาร์ อาทิตย์ แต่คุณยาย แม่ชีศันสนีย์ เดี๋ยวยายจะไปที่เพชรบุรี จะไปเสถียรธรรมสถานที่ 2 ที่นั่นจะเป็นหุบเขานะหนัง นอนจะเป็นกระดาน ไม่มีแอร์ เขาก็โทรมาถามว่าเราให้ไปไหม เราก็บอกว่าไปสิ ไปเลยอาทิตย์หนึ่ง”
ตอนนั้นเปิ้ลต้องรับมือกับอะไรเยอะมาก เสียใจก็เสียใจ ต้องดูแลลูกด้วย ไหนต้องจัดการอะไรหลายอย่าง
“ตอนนั้น เรารู้สึกผิดนะคะ เพราะเรารับงานไว้ก็ต้องยกเลิกทั้งหมดเลย ไม่ได้ไปจัดรายการเลย เพราะเราไม่ไหว แต่ขอบคุณมากๆที่ทุกคนเข้าใจเราในตอนนั้นมากๆ แต่มันก็มีอะไรแปลกๆเหมือนกันเพราะพี่ตั้ม เข้าโรงพยาบาลในวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งในวันนั้นเป็นวันพระราชทานน้ำสังข์ของเราทั้งสองคน และ ทุกคนก็ภาวนาอีกว่าขอให้พี่ตั้ว ผ่านวันที่ 10 มิถุนายน ไปเพราะวันนั้นคือวันที่เสียของคุณแม่ ของพี่ตั้ว และพี่ตั้ว ก็เสียวันเดียวกับคุณแม่ บางทีเราก็คิดก็แปลกๆดีเหมือนกัน”
สิ่งหนึ่งในความเปลี่ยนไปคือ เป็นคนที่ชอบดูบอลทั้งคู่ แต่เห็นว่าหลังจากนี้ เปิ้ล จะไม่ดูบอลแล้ว
“เราก็มีความรู้สึกว่าไม่อยากดูบอลแล้วเพราะมันไม่สนุกเหมือนเดิม แต่เราก็ยังเชียร์ทีมที่เราชอบอยู่เหมือนเดิมนะ ก็ยังบอกเขาอยู่เพราะมีอะไรที่เรารู้สึกผูกพัน”
แล้วมีความรู้สึกอยากให้เขามาหาไหม
“อยากให้เขามาหา แต่เปิ้ล ก็ยังคุยของเปิ้ล ไปเวลาเราอยู่ในห้องมีรูปพี่ตั้ว เราก็จะบอกเขาว่าวันนี้ เรามาอัดรายการนี้นะ เราไปไหนเราทำอะไรเราก็คุยกับเขา บอกกับเขา”
ตอนนี้ไม่มีพี่ตั้วเรา ในครอบครัวให้กำลังใจยังไงกันบ้าง
“เวลาเราดูทีวี น้องหนุน น้องหนัง เขาก็จะมาคุย แล้วเขาก็จะบอกว่าทำไมเราไม่ทำแบบนั้นทำไม เราก็จะบอกว่าน้องหนัง มันผ่านไปแล้วลูก เราก็จะค่อยๆปลอบเขาและให้กำลังใจกัน”
แต่ตั้งหมดในวันที่เราอ่อนแอ ไปจัดรายการไม่ไหวเราไม่สามารถไปสร้างความสุขให้กับคนอื่นได้ในวันที่เรายังทุกข์ แต่ในที่สุดก็ต้องลุกขึ้นมาเข้มแข็ง เพราะอีกหลายชีวิตยังรออยู่
“คือเรารู้สึกว่ามันไม่แฟร์ เราแบบหายไป ปล่อยให้เด็กๆ ทำงาน เราก็พยายามแยกให้ได้ว่าเรากำลังทำงานที่เรารักอยู่ทำให้เต็มที่ และเวลาที่เราว่างเราก็ปล่อยตัว เราอ่อนแอได้แต่อ่อนแอได้บางเวลา”
