‘ชาคริต’ ควักกระเป๋าหลัก 10 ล้าน ปลูกบ้านใหม่หวังให้ลูกชายได้ใกล้ชิดธรรมชาติ

‘ชาคริต’ ควักกระเป๋าหลัก 10 ล้าน ปลูกบ้านใหม่หวังให้ลูกชายได้ใกล้ชิดธรรมชาติ

ถือฤกษ์ดีลงเสาเอกเสาโทเตรียมปลูกบ้านใหม่ไปเมื่อวานนี้ (12 พ.ย.) สำหรับพระเอกหนุ่ม ชาคริต แย้มนาม ที่เปิดใจหลังมาร่วมงานบวงสรวงละคร วันทอง ที่ Acts Studio โดยเจ้าตัวได้เผยว่า บ้านหลังนี้ปลูกบนที่ดินของแม่ ที่เคยตั้งใจว่าอยากมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้ก็เลยสานต่อปลูกแนวบ้านสวน ไว้ให้ลูกชาย น้องโพธิ์ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

เมื่อวานฤกษ์ดีลงเสาเอกเสาโทที่บ้าน?
“ครับ เมื่อวานฤกษ์ดี ฤกษ์มงคลลงขึ้นเสาเอกเสาโทที่บ้าน หลังจากที่เราไปทำสวน ตอนนี้น้องโพธิ์ก็เริ่มเรียนแล้วครอบครัวก็ขยายขึ้นก็ควรจะต้องกลับมาทำอะไรเป็นหลักเป็นฐานให้มันเรียบร้อย ก็คือการทำบ้านให้เสร็จเรียบร้อย เมื่อวานได้ฤกษ์ดี ก็ลุย”

วางแผนจะใหญ่ขนาดไหน?
“พื้นที่ก็เป็นไร่อยู่ เน้นในเรื่องของต้นไม้ ของสวน อยากมีสวนผัก อยากให้บรรยากาศมันเหมือนเวลาเราทำงานอยู่ในกรุงเทพฯแล้วเรากลับไปบ้านแล้วเราได้กลิ่น ของสวนของธรรมชาติอยู่ โพธิ์เค้าจะได้อยู่กับธรรมชาติด้วย แล้วก็เน้นเรื่องครัวเพราะเราชอบทำอาหารแล้วก็ทำบักโพธิ์ด้วย ก็จะเน้นความเป็นครอบครัว”

เหมือนยกบ้านสวนมาไว้ในกรุงเทพ?
“มีความเป็นไม้ คงไม่ใช่เป็นโมเดิร์น แล้วก็เน้นในเรื่องของความเขียวความสวยงามของต้นไม้มงคลต่างๆ ไม้นอกที่ปลูกในบ้านได้ อยากให้อยู่แล้วสบาย อยากให้อยู่บ้านแล้วไม่อยากออกจากบ้าน”

Advertisement

ทุ่มทุนไปเท่าไหร่?
“ไม่รู้เลย ไปเรื่อยๆ”

ก็คือไม่กลัวบานปลาย?
“ก็ต้องกลัวสิ ”

แต่ตั้งไว้เท่าไหร่?
“ก็เป็นสิบครับคงไม่ได้เว่อร์วังอะไรมาก ทำเอาเท่าที่แรงไหว”

แล้วระยะเวลาในการสร้างตั้งไว้แค่ไหน?
“คิดว่าน่าจะไม่เกิน 17-18 เดือน ปีกว่า ก็หวังว่าน่าจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่พื้นที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่แล้ว เราแค่มาวางแผนว่าจะเอาต้นไหนไว้ตรงไหน เพื่อจะเอาต้นไม้ข้างล่างไปปลูกแซมได้ที่จะอยู่ได้เพราะไม่งั้นแดดจะลงไม่ถึง หรือโซนไหนที่จะมีที่จะปลูกพวกสมุนไพรผักก็ต้องมีคลังแสงให้ลงด้วย คิดเยอะ คิดนาน”

อันนี้เป็นที่ที่ซื้อไว้นานแล้วใช่ไหม?
“นานแล้วครับ ซื้อไว้กับคุณแม่ตั้งแต่ก่อนคุณแม่เสียนานแล้วครับ คุณแม่เป็นคนเลือกที่ที่นี่ แถวรามอินทราครับคือก็เป็นที่ที่คุณแม่ตั้งใจอยากจะสร้างบ้านที่นี่ครับ เป็นที่ที่ชี้เลยว่าอยากได้ตรงนี้ เพราะความอุดมสมบูรณ์ของความเขียวของพื้นที่ แต่ตอนนั้นเราก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้สร้าง หลังจากนั้นมาคุณแม่ก็ป่วยเราก็ดูแลคุณแม่พอมีน้องแอน มีน้องโพธิ์เวลาก็ผ่านมา เราก็เริ่มทำสวนทำอะไรได้ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ข้างหลังเรียบร้อยแล้ว เราก็มาทำตรงนี้ให้มันเสร็จเรียบร้อย”

ใครเป็นคนคุมงบ?
“แอนครับ ขออะไรไม่ให้เลย (หัวเราะ) ก็ดีแล้วล่ะดีแล้ว ที่เขาคอยเตือนสติเราว่ามันจำเป็นหรือไม่จำเป็น เพราะจริงๆ ผมต้องบอกว่าผมก็เคยใช้ชีวิตที่ค่อนข้างอยากได้อะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ ผู้ชายมันไม่ได้เดือดร้อนใคร ตราบใดที่คิดว่าจะได้หรือจะเสียมันไป มันก็เรื่องของเรา แต่พอผ่านมามันไม่เหมือนเดิมแล้วไง เวลาจะทำอะไรแอนก็จะคอยเตือนสติว่ามันไม่จำเป็นหรือเปล่า อย่างรถไม่ว่าจะอะไรก็พาไปถึงที่ได้เหมือนกันตอนนี้ก็จับขายไปหลายคันแล้วครับ”

แสดงว่ามีอะไรที่เราอยากได้เยอะ ?
“มี ทำไมจะไม่มี ต้องมีอยู่แล้ว แต่ยังไงลูกกับเมียก็ต้องมาก่อน เดี๋ยวพอลูกโตสักพัก เขาพอดูแลตัวเองได้ ก็ตาพ่อบ้าง “

น้องเริ่มเรียนแล้ว?
“เริ่มเรียนแล้ว สนุกมาก ชอบโรงเรียนมาก อยากไปโรงเรียน แล้วก็ได้เห็นพัฒนาการต่างๆ ขึ้นมาใหม่ทุกวัน ขำตรงที่ว่า เราเน้นพูดกับเขาภาษาไทย เพราะตัวเองกว่าจะพูดไทยได้ขนาดนี้ ก็ต้องขอบคุณการทำงานมาก ที่ทำให้เราพูดภาษาไทยได้ด้วย แต่ยังเขียนไม่ได้ คือเราสะท้อนจากตัวเอง ก็เลยไม่อยากให้เขาทิ้งภาษาไทย อยู่บ้านก็พูดภาษาไทยยาว พูดภาษาอังกฤษบ้าง ซึ่งเขาเข้าใจหมดทุกอย่าง แต่ขำตรงที่ว่า ไม่คิดว่าพอเข้าเรียนปุ๊บ พอไปรับ คุณครูฝรั่งก็บอกว่า โพธิ์ เข้าใจทุกอย่างเลย ครูพูดกับเขาภาษาอังกฤษแต่เขาเล่นตอบกลับเป็นภาษาไทย ครูสื่อสารไม่ได้ คือเขาเข้าใจว่าครูพูดว่าอะไร ก็เป็นเรื่องขำๆ เขาก็จะมีอะไรฮาๆมาให้พ่อแม่หัวเราะทุกวัน “

เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว?
“พรีเนอสเซอรี่ นานาชาติ แต่ว่าชอบที่เขาเน้นสอนไทยด้วย อาทิตย์หนึ่งสอน 5 คาบ สอนทุกคนเลย จะหัวดำหัวทอง ก็เลยคิดว่าอยู่ที่นี่แล้วมีข้อดี เขาจะได้ไม่ทิ้งภาษาใดภาษาหนึ่ง “

พ่อแม่ร้องไห้ไหมลูกออกไปโรงเรียน?
“คุณแม่เขาร้อง วันแรกผมไปส่ง เราก็รู้อยู่แล้วว่ามันต้องซ่า เขาก็วิ่งเล่นไม่สนใจอะไร แล้วด้วยสถานการณ์โควิดเขาเลยให้เข้าไปได้แค่ 1 ต้องเลือกเอา ทุกวันนี้ไปส่งตอนเช้าก็ต้องสลับกันไป ถ้าไปคู่ก็ต้องเลือกว่าใครจะเข้าไป วันแรกแม่ก็ได้แต่เกาะอยู่นอกรั้ว แล้วก็น้ำตาซึม เขาคงภูมิใจ เขาแบกท้องมา 8-9 เดือน “

โชคดีที่น้องไม่ร้อง?
“ ไม่ วีคแรกไม่ร้องเลย แต่วีค 2 ขี้เกียจ มีนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรละ เข้าไปถึงหน้าประตูเขาก็วัดไข้เอง ทาแอลกอฮอล์เอง พอจะเดินไปที่ห้องก็จะหันมามีโมเมนต์ให้อุ้มหนูหน่อย ประมาณ 10 ก้าว เราก็อุ้มให้เขาได้รู้สึกอบอุ่น พาวางเขาก็วิ่งจู๊ดไปเลย “

มีล้มบ้างไหม?
“มีล้มบ้าง เด็กผู้ชายเนอะ พลังเยอะ แต่ก็ดีครับ เขาจะได้รู้ว่าถ้าทำอะไรแล้วมันเจ็บ จะได้ไม่ทำอีก ต้องผ่อนแรง ผ่อนน้ำหนักให้ได้ (เลี้ยงแบบปล่อย) ก็ปล่อย จนรู้สึกว่าต้องเริ่มไม่ปล่อยแล้ว เพราะพอเริ่มเปิดประตูได้ ก็วิ่งไม่คิดชีวิต เราก็กลัว เพราะเขาวิ่งเร็วมาก อันนี้เป็นสิ่งที่เราเป็นห่วง ต้องดูตลอด ถึงเข้าใจว่าพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว “

น้องมีถ่ายโฆษณาแล้ว?
“ได้โฆษณาครอบครัว สนุกดีครับ ปวดหัว คือเขารู้หมด อยู่ที่จะทำหรือไม่ทำ พอคัทปุ๊บพูดสโลแกน พอแอคชั่นก็ไม่พูด ต้องเอาขนมมาล่อ จะทำไหม ก็ต้องขอบคุณทีมงานมากๆ น่ารักมากๆ เอ็นดูน้องมากๆ ในขณะที่พ่อกับแม่เครียด จะทำไม่ทำ จะกลับบ้านไหม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image