ถอยคนละก้าว ‘เฌอเบลล์’ รับผิดที่คิดไม่เยอะออกตัวแรงคุกเข่าขอผู้ชายแต่งงาน

ถอยคนละก้าว ‘เฌอเบลล์’ รับผิดที่คิดไม่เยอะออกตัวแรงคุกเข่าขอผู้ชายแต่งงาน

เพิ่งคุกเข่าขอแฟนหนุ่มนอกวงการแต่งงานไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับ นักแสดงสาว เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน จนกลายเป็นกระแสฮือฮาไม่น้อย แต่ล่าสุดก็มีข่าวเมาธ์ออกมาว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว จนล่าสุดได้เจอสาวเฌอเบลล์ที่งานบวงสรวงละคร วันทอง เจ้าตัวก็ได้อัพเดตสถานะหัวใจให้ฟังว่า

เฌอเบลล์โดนวิจารณ์หลังคุกเข่าขอผู้ชายแต่งงาน แฟนหนุ่มป้อง ใครมองเรื่องเงินก็สะท้อนถึงตัวเอง

ขอแต่งเอง นักเลงพอ นักแสดงสาว ‘เฌอเบลล์’ คุกเข่าขอแฟนหนุ่มแต่งงานแล้วจ้า

ความรักของเราเป็นอย่างไรตอนนี้
“จะเริ่มต้นยังไง ดีตอนนี้สถานะก็มันก็จะซับซ้อนนิดหนึ่ง ด้วยโควิดอะไรหลายๆอย่าง และด้วยงานมันก็มีความเครียดกันทั้งสองฝ่าย ก็เลยคุยๆกันว่า เราลองถอยกันมาคนละก้าวแล้วโฟกัสงานก่อนไหม ”

Advertisement

คือเราไม่ค่อยมีเวลาให้กัน มันเลยเป็นสาเหตุ
“ก็ด้วยค่ะ แล้วด้วยความเครียดด้วย ช่วงนี้เหมือนว่าเขาทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้ววงการท่องเที่ยวมันก็กระทบหนัก วงการบันเทิงที่เราไม่เคยจะกระทบก็กระทบ แล้วต่างคนต่างมีภาระของตัวเอง คือมันหลายอย่าง เวลาเราคุยกันมันอาจจะมีความเครียด มันซับซ้อนค่ะ เราอยู่ตรงนี้เหมือนเราได้โฟกัสอะไรอย่างนึงแล้วมันดีขึ้น”

ยังไม่ได้ใช้คำว่าเลิก
“คือใช้คำว่าถอยออกมาคนละก้าว ตอนนี้ก็แบบยังไม่รู้อนาคต เราก็ยังรู้สึกที่ดีต่อกัน”

สำหรับรูปคู่ที่หายไปซ่อนเอาไว้หรือลบเลย
“คือด้วยความที่เรามาโฟกัสที่งาน เราก็เลยมีการบอกเขาว่าด้วยไอจีของนักแสดงมันคือโปรไฟล์หน้าตาของการทำงาน ทีนี้มันก็จะมีผลกระทบนิดหน่อยเวลาลูกค้าเห็นรูป มันอาจจะไม่เหมาะกับสินค้า เราก็เลยมาคุยกันว่าขอเอาออกนะ”

Advertisement

แล้วแผนของเราที่จะแต่งงานก็คือพักไปก่อน
“ใช่ ก็คือพักไปก่อน รอให้อะไรๆมันเข้าที่เข้าที่เข้าทาง เดี๋ยวค่อยมาคุยกันใหม่อีกที”

ระยะเวลานานขนาดไหนแล้วที่เราถอยห่างกันมา
“ก็สักพักแล้วตั้งแต่โควิดเริ่มมีปัญหา (ต้นปี?) ก็ไม่กี่เดือนค่ะ”

ยังได้ติดต่อกันไหม
“ยังคุยค่ะ ก็ยังมีธุระปะปังที่จะต้องคุยต้องเคลียร์กันอยู่ ก็มีคุยกันปกติ ทักว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ธุรกิจที่เขาทำอยู่เป็นยังไงบ้างก็มีถามกัน”

มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราออกตัวแรงใช่ไหม
“อันนั้นก็เป็นวัยของเราตอนเด็กๆ ตอนที่เรารัก เราก็เป็นคนเต็มที่แล้วก็ไม่ได้เสียใจจากจุดนี้ เพราะว่าเราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ว่าพอมันมาถึงจุดที่เราพยายามกันทั้งคู่ แต่ถ้าตอนนี้เราฝืนมันก็จะแย่ เราต้องหยุดไว้ก่อน ตอนนี้เราต้องเอาที่ต้องโฟกัสหนักจริงๆให้มันดีก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที ”

ได้มีการเปิดใจคุยกันบ้างไหม
“มีค่ะ มี (แต่มันไม่ได้แล้วใช่ไหม?) มันเป็นเรื่องของอนาคตค่ะตอนนี้เราต้องโฟกัสอันที่มันจะพาให้เรามีชีวิตรอดก่อน ตอนนี้มันย่ำแย่มาก ”

แล้วเราคิดว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม
“มันยังเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเกิดเรายังมีความรู้สึกดีๆต่อกัน มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว”

แล้วเราไม่เปิดรับใครเข้ามาเลย
“เราก็ไม่ได้เปิด เราโฟกัสที่งานอยู่ค่ะ ”

แล้วครอบครัวของทั้งสองฝ่ายว่ายังไงบ้างเพราะก่อนหน้านี้ก็คุยกันเรื่องแต่งงาน
“ผู้ใหญ่เขาก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของเรา”

แล้วสภาพจิตใจเราตอนนี้โอเคไหม
“ก็โอเคอยู่”

ร้องไห้ไหมตอนนั้นที่คุยกัน
“มันก็ต้องมี เพราะว่ามันเป็นด้วยอารมณ์หลายๆอย่าง มันมีหลากหลายอารมณ์ ณ ตอนนั้น มันก็เลยคิดว่าถ้าเกิดเรายังรู้สึกดีต่อกันเรารอซักแป๊บนึง ถ้าเกิดทุกอย่างสถานการณ์มันดีขึ้น เดี๋ยวเราว่ากันใหม่ ว่าเราจะอะไรยังไง”

ทุกวันนี้ยังคงคิดถึงเขาอยู่ไหม
“ก็คนมันอยู่ด้วยกันขนาดนี้ มันก็มีความผูกพัน มันก็มีทักทายกันปกติ”

ได้มีข้อตกลงกันใหม่ว่าต่างคนอาจจะต่างเปิดใจ
“จริงๆเราไม่ได้กำหนดอะไรไว้เลยค่ะ เราไม่ได้ซีเรียสอะไรด้วย ด้วยความที่เราเข้าใจกัน เราเข้าใจเรื่องการงานเป็นหลัก คือต่างคนต่างมีครอบครัวที่จะต้องดูแล มันก็ต้องสำคัญเรื่องนี้ว่าเราจะต้องเอาครอบครัวไปให้รอดในช่วงวิกฤติแบบนี้”

แล้วเราซีเรียสไหมที่หลายคนมองว่าเราออกตัวแรงในครั้งที่เราเป็นคนไปคุกเข่าขอฝ่ายชายแต่งงาน
“ซีเรียสไหม จริงๆมันก็เป็นความผิดของเราด้วยความที่เรารักเราก็เต็มที่ วัยเด็กบางทีเราอาจจะไม่ได้คิดเยอะมากไป แล้วด้วยความรักเราก็เต็มที่ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะรู้สึกว่าเต็มที่แล้วจริงๆค่ะ”

มีเรื่องของมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องไหม
“ไม่มีค่ะ ไม่มี เพราะทั้งเราและทั้งเขาเป็นคนที่ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้กันอยู่แล้วค่ะ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image