มาครบ! ทั้งยาก,กังวล,อึ้ง,จัดไป ฯลฯ ก่อนจะเป็น ‘อ้าย…คนหล่อลวง’

มาครบ! ทั้งยาก,กังวล,อึ้ง,จัดไป ฯลฯ ก่อนจะเป็น ‘อ้าย…คนหล่อลวง’

เมษ ธราธร บอกกับเราว่า “ผมเป็นคนที่อยากทำอะไรใหม่ๆ อยู่แล้ว” ด้วยเหตุนั้น เมื่อ 2 โปรดิวเซอร์ค่ายจีดีเอช คือเก้ง จิระ มะลิกุล กับ วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์ นำเสนอโปรเจ็กต์ ‘หนังต้มตุ๋น’ ก็เลยตอบตกลงไปทันที ก่อนที่จะตระหนักในเวลาต่อมาว่า “ไม่คิดเลยว่าจะยากขนาดนี้”

ที่โอดอย่างนี้ เจ้าของผลงานโรแมนติก คอมเมดี้ ‘อ้าย…คนหล่อลวง’ ที่จะเข้าฉายในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ให้เหตุผลว่า เพราะเนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องของการหลอกลวงนั้น “เป็นเรื่องที่ไกลตัวมาก”

“เราไม่เคยไปหลอกลวง หรือต้มตุ๋นใคร กว่าบทจะลงตัวพูดเลยว่าผมหงอกขึ้นเลยครับ” เขาบอก โดยมีผมขาวที่เพิ่มขึ้นบนศีรษะเป็นพยาน

ในส่วนของบท ผู้กำกับที่รับหน้าที่ร่วมเขียนเล่าว่า เขากับทีมใช้เวลาราว 2 ปี โดยระหว่างนั้น แน่นอนว่ามีการแก้แล้วก็แก้อีก

Advertisement

ตอนไปทาบทาม ณเดชน์ คูกิมิยะ มาแสดง บทที่เล่าให้ณเดชน์ฟังก็ยังไม่เป็นอย่างที่แฟนๆ จะได้เห็นในหนังด้วยซ้ำ

“วันที่ณเดชน์มา Read-through ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ณเดชน์อ่านบทแล้วชอบ อินไปกับตัวละคร ตอนนั้นผมเหมือนนักต้มตุ๋นเหมือนกันนะ ว่าทำอย่างไรก็ได้ให้ณเดชน์ยอมเล่นหนัง” เล่าพลางหัวเราะ

ขณะเดียวกันก็ยังโชคดีซ้ำเมื่อนักแสดงทุกคนที่เขาหมายตาต่างก็ตอบรับมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก, แบงค์ ธิติ, แหม่ม คัทลียา, เผือก พงศธร รวมไปถึงนักแสดงรับเชิญอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์

สำหรับณเดชน์-เจ้าตัวบอกว่า แรกๆ เขาก็กังวลอยู่บ้างว่าจะทำได้หรือเปล่า แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างน่าพอใจ แถมเล่นเป็น ‘ทาวเวอร์’ อยู่ดีๆ ก็ได้รับมอบหมายหน้าที่เพิ่มซะงั้น ด้วยการให้เป็นหนึ่งในคณะครูผู้สอนภาษาอีสานให้ใบเฟิร์น, แหม่ม และเผือก โดยมี ‘พี่ๆ ช่างไฟ’ ร่วมด้วยช่วยเป็นครู

กับบทที่ได้ ณเดชน์เล่าว่า “ด้วยความเป็นนักต้มตุ๋น ผมเลยต้องปรับลุคตัวเองให้หลากหลายแนว ทั้งทำผมสีทอง สีดำ ลุคพนักงานบริษัท ตำรวจ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนตลอด เป็นการทำงานที่สนุกมาก มีหลายภารกิจ หลายมิชชั่นให้ได้เล่น”

“เป็นอะไรที่สนุกและท้าทายมากครับ”

ที่สนุกไม่แพ้กันคือใบเฟิร์นผู้ประกาศว่า “รับเล่นตั้งแต่ยังไม่อ่านบท” เพราะอยากแสดงในแบบตึ่งโป๊ะมานาน
ครั้นพอได้อ่านบทจริงๆ เธอก็ว่าทำเอาอึ้ง

“พูดกับตัวเองเลยว่า เราต้องเล่นเรื่องนี้ให้ได้”

เพราะ ‘อินา’ ก็คือเฟิร์น

“คลิกกับบทอินาเร็วมาก รู้สึกว่ามีความใกล้เคียงกับเราในหลายๆ มุม เป็นมุมที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยรู้ ว่า เรามีความเฉิ่ม คิดไม่ทัน เพื่อนในกลุ่มจะเรียกว่าอีโง่เป็นปกติ เราเลยมีความคิดเห็นคล้ายอินาหลายเรื่อง อย่างเรื่องเชื่อคนง่าย ไม่ฉุกคิด”

“วันที่ทุกคนมาอ่านบทด้วยกัน วันนั้นเฟิร์นน้ำตาไหลเลยนะ พี่เมษและทีมเขียนบท เขียนมาได้ดีมาก เพียงแค่อ่านบทพร้อมกันครั้งแรก เราก็เดินทางไปพร้อมกับตัวละครแล้ว และไปแตะจุดเดียวกับอินา ที่ทำให้เราน้ำตาไหลพราก ทั้งที่จริงๆ มันเป็นหนังตลกที่เราไม่คาดคิด ว่าเขาจะทำให้ตัวละครน่าสงสาร เอ็นดู และน่าน้อยใจได้ขนาดนี้”

ขณะที่แหม่ม คัทลียา ก็ว่าความที่ไม่เคยเล่นหนังมาก่อน ตอนที่ได้รับการติดต่อจึงทั้งตื่นเต้น ทั้งดีใจ

“แล้วจริงๆ เราเป็นคนอารมณ์ดี มีอารมณ์ขัน แต่บทที่เคยได้รับมาค่อนข้างจะเป็นดราม่า เป็นนางเอกสู้ชีวิต พอเมษเล่าเรื่องให้ฟัง แต่ไม่ได้เล่าว่าจะต้องมารับบทไหน  ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นแบบไหน หรือต้องพลิกคาแรคเตอร์ไป ซึ่งการปรับลุคนิดหน่อย เราโอเคนะ เพราะเป็นนักแสดงต้องทำได้ เมษบอกปรับนิดเองหน่อยครับ ก็ตามสภาพที่เห็นนี่ล่ะค่ะ ปรับนิดหน่อยของเมษ(เสียงสูง) แต่แหม่มเชื่อว่าคนที่เป็นนักแสดงจะสนุก และหมั่นเขี้ยวกับบทแบบนี้ คือเราได้เปลี่ยนตัวเองเยอะมาก ได้เปลี่ยนตัวเองในหลายๆ แบบ ได้พลิกคาแรคเตอร์ เป็นสิ่งที่แหม่มแฮปปี้และสนุกมาก”

“แฮปปี้จริงๆ ค่ะ มันคงต้องเป็นเมจิกของหนัง ที่จะสามารถพลิกบทบาทได้ตีลังกาขนาดนี้”

“ตอนที่คุยกับเมษ เขาบอกว่าพี่แหม่มอาจจะต้องเรียนภาษาจีน เราก็นึกว่า อ๋อ คงไม่ได้ยากมากหรอก แบบนับหนึ่งถึงสิบอะไรแบบนี้  ปรากฏว่า ไม่ใช่ เราต้องเป็นครูสอนภาษาจีนให้กับนางเอก ต้องรู้ภาษาจีนแบบเหมือนเป็นภาษาแม่ ยากมาก ก็ต้องมีครูมาช่วยค่ะ แล้วไม่ใช่แค่พูดคำสั้นๆ บางทีพูดบทยาว 3 บรรทัด แล้วยังมีพูดภาษาอีสานด้วย การแสดงยากยังไม่ว่าแต่การออกเสียงของแต่ละภาษายากกว่าการแสดงอีก แล้วบางทีพูดอีสานออกไป ณเดชน์ก็บอกว่าสำเนียงพี่แหม่มจะลงไปใต้แล้วนะ” เล่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะร่วน

กับภาพลักษณ์ที่ถูกเปลี่ยนแปลงจนไม่เหลือเค้า นักแสดงคนงามก็ว่า

“เราไม่ได้มีปัญหา ยินดีและเต็มใจและเต็มที่ เพราะเราคือนักแสดงแต่เปลี่ยนซะจนแทบไม่เหลือโครงเดิมที่มีเราอยู่เลย บางทีก็จะแบบ เฮ้ย! เมษพาพี่มาทำไม พาพี่มาทำอะไรที่นี่ ถ้าจะมาแบบขนาดนี้ก็อาจจะมีคนอื่นที่ได้กว่านี้นะ เพราะว่าเปลี่ยนเรามาก คิ้วเดิมก็ไม่เอาของเรา ตาก็ไม่ได้อยากได้ หน้าผิว ก็ไม่อยากได้ จากผิวที่ดูแลมาอย่างดี ๆ อ้าว..ให้ฉันมีฝ้า มีกระ เต็มไปหมด เมษจะเอาพี่มาทำอะไร ก็เป็นการแซวๆ กัน แต่น้องในกองที่เขาพูดอันนึงก็ชื่นใจมากว่าพี่เขาต้องการการแสดงของพี่ไง  พอพูดอย่างนี้กำลังใจมา โอเคได้ จัดไป”

ฝ่ายแบงค์ก็บอกว่าหลังใช้เวลาปรับจูนกับบทอยู่พักใหญ่ พอจับทางได้ก็สนุกกับบทบาทที่ได้รับมากจริงๆ

ส่วนตัวของเผือก เขาว่าการแสดงไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องเต้นน่ะ บอกตรงๆว่าหนักใจ แต่ในเมื่อผู้กำกับอยากได้เขาก็เต็มที่

ทั้งนี้ในฐานะที่เคยร่วมงานกันมาก่อน เผือกบอกว่าในสายตาเขา เมธอัพเลเวลตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ

“รู้เลยว่าเมษ ทำการบ้านมาเยอะมาก  คือทุกมูฟเม้นต์ของการแสดง มีอะไรซ่อนอยู่”

“ส่วนตัวผมเอง ผมสนุกกับมันมาก เรื่องมีความตลก ความลูกทุ่ง ความคาเฟ่ในแบบเมษ แล้วก็มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ชิงเหลี่ยม ต้มตุ๋น เพิ่มเข้ามา  มันเลยทำให้ผมว่าเรื่องนี้เป็นหนังตลกที่แบบมีลีลา มีความสนุกสนาน”

“เขามีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” ว่าอย่างนั้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image