‘Eye in the Sky’ งานดีพรีเมี่ยม-หนังสงครามยุคใหม่ที่ระทึกใจทุกวินาที!

‘Eye in the Sky’ หรือชื่อภาษาไทย ‘แผนพิฆาตล่าข้ามโลก’ ซึ่งกำกับโดยแกวิน ฮู้ด เล่าเรื่องราวเมื่อหัวหน้าหน่วยทหารของอเมริกันและอังกฤษต้องร่วมมือปฏิบัติการลับสุดยอดเพื่อจับกุมกลุ่มผู้ก่อการร้ายจากเซฟเฮาส์ในเมืองไนโรบี ประเทศเคนยา โดยใช้โดรนคอยสอดส่องเหตุการณ์อยู่บนท้องฟ้า แต่ภารกิจก็ถูกยกระดับจากการ ‘จับกุม’ เป็น ‘สังหาร’ ด้วยจรวดเฮลไฟร์ เมื่อพบว่าผู้ก่อการร้ายกำลังจะปฏิบัติภารกิจพลีชีพที่แสนอันตราย

ทว่าภารกิจนี้คงไม่ยากเท่าไรนัก หากไม่มีเด็กหญิงบริสุทธิ์ก้าวเข้ามาอยู่ในโซนสังหารนอกรั้วบ้าน นั่นทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ต้องถกหาทางออกโดยเร่งด่วน ว่าจะทำเช่นไรกับเหตุการณ์ที่คับขันเช่นนี้

เรื่องราวดำเนินไปอย่างลุ้นระทึกและบีบหัวใจตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการหยิบประเด็นการใช้ ‘โดรน’ หรืออากาศยานไร้คนขับที่บังคับจากระยะไกลในทางทหารมานำเสนอ

3

Advertisement

ประเด็นนี้มีการถกเถียงกันมากมายในหลายชาติ เพราะยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างการใช้โดรนเพื่อทำสงครามกับการใช้เพื่อปราบปรามการก่อการร้าย ซึ่งนั่นต้องคำนึงถึงข้อบังคับทางกฎหมายในหลายส่วนรวมถึงหลักจริยธรรมควบคู่ไปด้วย

ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดปัญหาดังกล่าวออกมาได้อย่างครบมิติ

นอกจากนี้หนังยังนำเสนอให้เห็นการทำงานของทหารอย่างชัดเจน ตั้งแต่การฉายให้เห็นภาพการปฎิบัติการที่ต้องเด็ดขาดและพร้อมรับทุกความกดดัน แม้ว่าการปฎิบัติหน้าที่จะก้ำกึ่งอยู่บนจริยธรรม แต่หน้าที่ของพลทหารคือการปฎิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดแม้ว่าคำสั่งนั้นจะฝืนความรู้สึกก็ตาม

Advertisement

เมื่อผู้ร้ายอยู่ท่ามกลางผู้บริสุทธิ์ และกำลังพยายามก่อเหตุร้ายที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์อีกมากมาย คำถามที่ตัวละครทุกคนคิดคือจะทำอย่างไรให้เกิดการสูญเสียหรือบาดเจ็บน้อยที่สุด?

5

ตลอดทั้งเรื่องเราจึงได้เห็นการทำงานที่จริงจังและเคร่งเครียดของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่พยายามจะประเมิณความสูญเสียของสถานการณ์ ซึ่งความยากคือ เราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามการประเมิณผลหรือไม่ เพราะนั่นเป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น

สิ่งที่น่าชื่นชมนอกจากบทที่เข้มข้นแล้ว คือเหล่านักแสดง ซึ่งเฮเลน เมียร์เรน สามารถสวมบทการเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยวได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนแอรอน พอลแสดงออกถึงความรู้สึกกดดันในหน้าที่ทหารได้อย่างลึกซึ้ง ขณะที่อลัน ริกแมน มาเป็นนายทหารที่ทั้งเย็นชาและน่าเกรงขามจนลืมภาพศาสตราจารย์ด้านเวทย์มนต์ไปเสียสนิท

6

นี่อาจไม่ใช่หนังสงครามที่มีฉากบู๊แอ็กชั่นมันส์ๆ อย่างที่เคยชม อาจไม่ใช่หนังที่มีปรัชญาความคิดที่สูงส่ง

แต่เป็นหนังดีๆ อีกเรื่อง ที่แนะนำให้ดูเพื่อตกตะกอนความคิดร่วมกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image