‘ณวัฒน์’ เล่าประสบการณ์เฉียดตายโดนโจรปล้นต่างแดน-ทำหนังขาดทุน 25 ล้าน
เป็นคนที่ วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์ ยอมรับว่าใช้ชีวิตคุ้มสุดๆ สำหรับ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล เพราะมีความกล้า และ บ้าบิ่นมากๆอยู่ในตัว ที่สำคัญกล้าที่จะทำอะไรหลายๆอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ เป็นไกด์ เป็นพิธีกรเดินทางต่างแดนไปดูวัฒนธรรมแปลกๆ มากมาย และเคยใช้ความกล้า สัมผัสกับความความตายอย่างใกล้ชิดมาแล้ว โดยเจ้าตัวได้เล่าในรายการตีสิบเดย์ ช่วง ล้วงเรื่องเล่า ไว้ว่า
“ต้องบอกว่าการทำงานช่วงนั้น ต้องใช้ทั้งความกล้าประกอบกับ ความอึดถึกทน ทั้งจิตใจละร่างกาย ซึ่งมีการเดินทางครั้งนึงที่ผมจะต้องไป ดูพิธีศพของชาวเนปาล ที่แม่น้ำพัคมาตี (Bagmati River) ที่ชาวเนปาลมีความเชื่อว่า ทุกคนจะต้องมาจบชีวิตและทำพิธีที่แม่น้ำแห่งนี้ วันนั้นผมก็มีโอกาสได้เห็นคนที่โคม่ากำลังจะเสียชีวิต เรียกว่าแบบนอนรอความตายเลยก็ว่าพอถึงเวลาที่เขาใกล้จะไปแล้ว ทุกคนก็จะพาไปที่ริมแม่น้ำให้เขาสิ้นใจที่นั่นและทำพิธีเผาเลย”
“อีกหนึ่งเรื่องสุดพีคสำหรับผมเลย กับการไปดูพิธีศพของชาวทิเบต คือที่นี่เขามีพิธีศพหลายรูปแบบ สำหรับคนที่ฐานะยากจนหน่อย ก็จะโยนลงน้ำให้ปลากัน ถ้าศพที่ตายด้วยโรคติดต่อ ก็จะฝัง หรือถ้าเป็นคนสำคัญเช่นนักบวชหรือ ผู้นำต่างๆ ก็จะเผาและเก็บเป็นสถูป แต่ถ้าเป็นคนรวย เขาจะใช้วิธี โยนให้แร้งกิน เพื่อเป็นการส่งดวงวิญญาณไปสู่สุขติ ซึ่งพิธีเขาคือ สวดส่งวิญญาณ2 วัน วันที่ 3 ก็จะนำศพ ไปโยนลงมาจากภูเขาให้แร้งจิกกิน การทำงานตอนนั้นก็คือ โหดมาก ทั้งภาพทั้งกลิ่น”
นอกจากนี้ยังเผยถึงประสบการณ์เฉียดตายเพราะโดนโจรปล้นที่ต่างแดนมาแล้วว่า
“ครั้งนึงผมไปที่ประเทศนึงแถบตะวันออกกลาง ตอนนั้นผมกำลังจะไปซื้อของกินที่ห่างจากโรงแรม 1 กิโลเมตร ขาไปก็เดินไป แต่ขากลับด้วยความขี้เกียจเราก็เรียกแท็กซี่ ดันไปเจอโจรเข้า เรารู้ตัวว่าท่าไม่ดี ตอนเข้าเริ่มขับออกนอกเส้นทาง เราก็คุมสติ เอาเงินบางส่วนใส่ในถุงเท้า จนเขาเริ่มยกปืนขึ้นมาขู่ให้เราส่งเงินมา เราก็พยายามคุมสติ พูดหว่านล้อมให้เขาปล่อยเรา สัญญาว่าจะไม่ไปแจ้งความไม่เอาผิดต่างๆ เขาก็เริ่มเย็นลง เริ่มขับรถมาใกล้โรงแรม และชะลอรถ บอกให้เราลง ในใจตอนนั้นสับสนมากไม่รู้จะเอายังไงจะลงก็ไม่กล้าลง กลัวว่าพอหันหลังแล้วเขาจะยิงเราไหม แต่จะไม่ลงก็จะยังไงต่อ เลยตัดสินใจโดดลงจากรถ หลังจากนั้นก็ไปแจ้งตำรวจ”
ตั้งสติจนเอาชีวิตรอดมาได้ แต่วีที ก็สืบทราบมาว่าณวัฒน์ ยังมีสิ่งที่กลัวจนถึงขั้นประกาศว่าจะไม่ทำมันอีกแล้วตลอดชีวิต เพราะทำให้เสียเงินไปถึง 25 ล้านบาท นั่นก็คือ…
“ถ้าเป็นสิ่งที่กลัว และจะไม่ทำอีกแล้ว ก็คงเป็น หนังกับร้านอาหารครับ หนังนี่ บอกตรงๆ ว่าเจ็บปวดที่สุด ตอนนั้นผมก็มาคุยกับคุณอาพร้อมทีมน้องๆ นักแสดง ที่พอเรามีกำหนดฉาย โควิดก็มี โรงหนังปิด ตอนนั้นขาดทุน ไป 25 ล้าน”
แต่กระนั้น “ชีวิตยังไม่สินก็ดิ้นกันต่อไปครับ
