ในความเป็น ‘ย้ง-ทรงยศ’ ที่มีสายตายาวไม่เกิน 7 ก้าวเท้า

“ผมสนุก”ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ตอบทันทีถึงเหตุผลที่ตลอดการทำงานกว่า 10 ปีจะอยู่กับวัยรุ่นเสมอ

“แล้วในมุมหนึ่งมันเปิดโลกทัศน์เรา อย่างผมพบว่าเด็กทุกวันนี้ก้าวข้ามเรื่องเพศไปไกล ไม่ได้หมายความว่ามีเซ็กส์อิสระ แต่ความรักไม่ใช่เรื่องเพศชาย เพศหญิง แต่ผู้หญิงรักผู้หญิง ผู้ชายรักผู้ชาย อะไรก็ได้ถ้ารักกัน”

อย่างไรก็ตามในวัย 42 ปี ที่ ‘เริ่มแก่’ เขาก็พบอีกว่า ต่อให้คิดว่ารู้ แต่ยิ่งคลุกก็จะยิ่งรู้จักมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้งานล่าสุดที่จะทำให้ Line TV จึงยังเป็นเรื่องวัยรุ่น ต่างก็ตรงที่เป็นในแบบซึ่งไม่เคยทำมาก่อน-ซีรี่ย์ฆาตกรรม เล่าเรื่องการเสียชีวิตของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งมีตัวละครในวัยเดียวกันเกี่ยวพัน 5 คน

Advertisement

ที่เลือกเรื่อง ซึ่งแค่ฟังเรื่องย่อก็น่าจะเกิด ‘เสียงสะท้อน’ ย้งบอกว่าเพราะสำหรับเขา การฆาตกรรมเป็นเรื่องน่าสนใจ

“มันพาเข้าไปค้นในจิตใจลึกๆของคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมจะสนใจ ผมสนใจเรื่องมนุษย์”

แต่กระนั้นก็ “กลัวนะครับว่าจะมีใครบอกว่าซีรี่ย์เรื่องนี้จะเป็นการชี้ช่องให้เกิดการฆาตกรรม เพราะเวลาเล่าเรื่องฆาตกรรมมันต้องมีวิธีการ”

Advertisement

“แต่จริงๆเราไม่ได้เล่าที่เหตุการณ์ เราเล่าเรื่องคน อยากพาไปทำความเข้าใจ ว่าทำไมคนๆนั้นถึงไปจุดๆนั้นได้ ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าใครดูแล้วเข้าใจพาร์ทนี้ ก็จะไม่แค่คิดว่าเราอยากทำเหตุการณ์แรงๆเพื่อให้คนดูสนุก แต่เราอยากให้แบบ…ไม่มีใครหรอกที่ลุกขึ้นมาแล้วฆ่าคนได้ มันต้องมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แล้วเหตุผลนั้นคืออะไร”

ท่ามกลาง ‘ความน่าสนใจ’ นั้น เขายอมรับว่าเคยถามตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมจึงสนใจวัยรุ่นมากกว่าวัยอื่นๆ แล้วก็ได้คำตอบ

p182is1pvp10i61loleb11casqsd6

“ผมชอบวัยรุ่นกับเด็ก ตรงที่เขาทำอะไรตามสัญชาติญาณ  เขาไม่มีประสบการณ์ชีวิตมาตีกรอบ หรือทำให้รู้ว่าเซฟโซนคืออะไร ครั้งแรกที่ไม่รู้ สัญชาตญาณนั้นมีเสน่ห์มาก แต่ผู้ใหญ่มีประสบการณ์ มีคนบอกทำสิ่งนี้ถูก สิ่งนี้ผิด ก็จะทำทุกอย่างบนเซฟโซนเหล่านั้น ซึ่งไม่ผิด แต่ไม่มีเสน่ห์”

ยังบอกอีกว่าโดนส่วนตัวแล้ว “ผมรักน้องๆ รักเด็กๆ เวลาผู้ใหญ่ทะเลาะกับเด็กวัยรุ่น ผมเข้าข้างเด็กวัยรุ่นไว้ก่อน”

“เวลาผู้ใหญ่ด่าติ่งดารา ผมรู้สึกว่าผมเข้าใจ ก็เขารักของเขา แต่ทำไมในโลกอินเตอร์เน็ตมีแต่คนมากระแนะกระแหน รักพ่อแม่ขนาดนี้ไหม มันคนละเรื่อง วันแรกผมไม่ได้คิดว่าจะอยู่ข้างไหนหรอก แต่พอฟังทั้ง 2 ฝั่ง เรากลับเข้าใจฝั่งนี้มากกว่า คือฝั่งนี้มันเข้าใจง่าย ก็เขาทำให้เรามีความสุข เรารักเขา”

ที่มีความเข้าใจแบบนี้ ย้งว่าคงเพราะเขาโชคดี ที่เติบโตมาในครอบครัวที่พ่อแม่เปิดโอกาสให้ใช้ชีวิต

“ด้วยความที่พ่อแม่จบแค่ป.4 เขาเลยไม่กล้าบอกว่าผมจะต้องเรียนหรือทำอะไร แต่เขาเข้มงวดนะ ถ้าใกล้สอบ ไม่อ่านหนังสือ ก็ตี แต่จะไม่บอกว่าต้องทำแบบนี้ ห้ามทำแบบนั้น เลยทำให้ผมโตมาแล้วเข้าใจเด็ก เพราะผมเคยเป็นเด็ก ในขณะที่ก็เข้าใจพ่อแม่ เลยดูเหมือนเป็นตัวกลางที่เข้ามาสื่อสาร”

แต่ถึงจะรักและเจตนาดีแค่ไหน พวกน้องๆทั้งนักแสดงและทีมงาน “ไม่รู้ว่าผมอยู่ข้างมันหรอก”

“เพราะอยู่ข้างเขาเป็นสิ่งที่เรากระทำโดยภาพรวม แต่เวลาอยู่กับเด็กเราเตือน ดุ เราไม่มีทางโอ๋แน่ๆ ถ้าอยากให้เขาได้ดี”

p182is1pvn1fkck31dg215fe1o34

ในฐานะผู้บริหารบริษัทนาดาว บางกอก ซึ่งนอกจากจะสร้างผลงานที่ดี และนักแสดงในสังกัดก็มีชื่อเสียง เอาเข้าจริงย้งว่า”ตอนนี้ไม่กล้าคาดหวังอะไรมาก เพราะไม่แน่ใจว่าถึงวันหนึ่งที่ผมปล่อยมือ เช่น ต้องไปทำหนัง 2 ปี นาดาวจะไปในทิศทางไหน จะเติบโต มีศิลปินมากขึ้น หรืออะไร ไม่เคยคิดเลย ทุกวันนี้พยายามมองแบบ 7 ก้าวข้างหน้า ผมไม่รู้หรอกว่า 100 ก้าวข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่อยากทำ 7 ก้าวนี้ให้ดีที่สุด”

ถ้าแปลระยะก้าวเป็นเวลา เทียบแล้วเขาก็ว่าอยู่ที่ 1-2 ปี อันเป็นช่วงที่จะพยายามพัฒนาน้องทุกคนให้มีความสามารถระดับที่จะทำงานกับใครก็ได้

“ผมไม่อยากให้ GDH คิดว่านาดาวเซ็นกับนักแสดงเหล่านี้ แล้วจำเป็นต้องเอาไปเล่น ผมพยายามพูดตลอดเวลาว่า น้องๆควรทำตัวเองให้มีศักยภาพดีพอที่เขาจะเอา ถ้าศักยภาพไม่ถึงอย่าเอา เพราะนี่คือการสปอย ถ้าไม่ตั้งใจ ไม่พยายาม เล่นไม่ได้ ไม่ต้องช่วย” เจ้าของค่ายที่พูดเหมือนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนั้นบอกอย่างจริงจัง

อย่างไรก็ตามดูจากศักยภาพทั้งของนักแสดง ทีมเขียนบท และทีมกำกับแล้ว ก็เชื่อว่า ณ วันนี้พวกเขามาถึงจุดที่แข็งแรง จนปล่อยให้เดินเองได้

“นักแสดงหลายๆคนเมื่อก่อนผมจะห่วง เพราะเวลามาเล่นกับเรา ดีไม่ดียังไง เดี๋ยวไปตัดต่อช่วย หรืออย่างน้อยอยู่ในกองถ่ายก็ยังเค้นจนกว่าจะเล่นได้ แต่อยู่ข้างนอก คนอื่นอาจจะไม่ช่วยขนาดนี้ แต่ถึงวันนี้ ผมคิดว่าน้องผมสามารถเอาตัวรอดได้”

สิ้นปีนี้เขาจึงจะวางมือไปเขียนบทภาพยนตร์ ซึ่งคงใช้เวลาราว 1 ปี แล้วต่อด้วยการถ่ายทำ ส่วนจะออกมาเปรี้ยงปร้างอย่างเคยๆไหม ต้องรอดู เพราะที่ผ่านมาก็ใช่ว่าจะ ‘ได้’ ทุกเรื่อง

“ตอนทำซีรี่ย์ Coffee Prince ให้ทรูโฟร์ยู ก็ไม่เปรี้ยงอย่างที่เราหวัง”

อย่างไรก็ตามไม่ถึงขั้นแย่

“เพราะเวลาทำอะไรผมจะไม่ปล่อยให้ล้มเหลว ตอน ‘เด็กหอ’ ผมกลัวมาก เพราะเป็นหนังเดี่ยวเรื่องแรก แล้วพอคัตติ้งแรกมาฉายในห้องประชุมผู้บริหาร แล้วพี่ๆเขาแสดงความเห็น ที่สำหรับผมถือว่าพัง เด็กหอในวันนั้นเท่ากับการเอ็นทรานซ์ไม่ติดในชีวิตของผม ผมไม่ได้เสียใจที่เขาคอมเม้นท์ไม่ดี แต่เสียใจทำให้ผิดหวัง เหมือนว่าเราทำ ‘แฟนฉัน’มา แล้วพอเรื่องนี้ น้ำเสียงที่เขาพูดดูผิดหวัง มันเจ็บกว่าการด่าแรงๆอีก เขาบอกหนังเหมือนมีปัญหา เลื่อนฉายอย่างไม่มีกำหนดก่อนดีกว่า ก็เสียใจ เข้าห้องน้ำน้ำตาไหล แต่รู้สึกว่ามันไม่ช่วยอะไร ก็ออกมาบอกเขาว่า พี่ครับถ้าเลื่อน แปลว่ายังมีเวลาทำมันอีกใช่ไหมครับ ถ้างั้นผมขอกลับไปทำให้มันดี”

p182is1pvnr60rdo7uk8u88c13

“ตอนฮอร์โมนส์ผมก็กลัวจะเละ มันยากมากเลย ผมทำสิ่งที่ยากในงบประมาณที่เป็นจริงไม่ได้ รู้สึกเหนื่อยมาก คิดว่าหรือต้องหยุด บ้าหรือเปล่า พาทีมงาน นักแสดงมาเหนื่อยขนาดนี้ ด่าตัวเองตลอดเวลาตอนออกกอง แต่ตอนนั้นรู้สึกว่าถ้าหยุดตอนนี้คือบ้าแน่ๆ เลยต้องไปให้สุด ให้ออกมาดีให้ได้”

“ผมเลยว่ามันเป็นเพราะผมและทีมงาน ทุกคนทำงานจนถึงนาทีสุดท้าย และรู้สึกว่ามันยังไม่ดีพอที่จะให้คนอื่นดู ก็จะไม่ปล่อยออกไป”

เพราะอย่างนั้นกระมัง ทุกสิ่งที่ปะชื้อย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ไว้จึงเป็นอย่างที่เห็น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image