‘มด ณปภัช’ เผย แฟนหนุ่มสจ๊วต ผ่านด่านแม่ สวมแหวนนิ้วนางข้างซ้าย มองอนาคตงานวิวาห์

‘มด ณปภัช’ เผย แฟนหนุ่มสจ๊วต ผ่านด่านแม่ สวมแหวนนิ้วนางข้างซ้าย มองอนาคตงานวิวาห์

หายหน้าจากหน้าจอไปนาน สำหรับอดีตนักร้องดังยุค 90 มด ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ ที่ล่าสุดได้เคลียร์คิวว่างมาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เล่าย้อนในช่วงตัดสินใจหันหลังให้วงการบันเทิงที่ถูกเคลือบแคลงสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร

งานนี้ เจ้าตัว ก็ได้เคลียร์ให้ได้ฟังชัดๆ พร้อมอัพเดตถึงเรื่องในอนาคตคงไม่ได้กลับเข้ามาในวงการบันเทิงเต็มร้อยแล้วอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องหัวใจนั้น สาวมด ได้เปิดกับแฟนสจ๊วตหนุ่มสายการบินเดียวกัน ทิว ธันว์ตรี ที่คนนี้แม่ปลื้มมาก ส่วนแหวนนิ้วนางข้างซ้ายที่เห็นใส่มาในรายการในวันนี้ สาวมด ได้ชี้แจงพร้อมแต่งเร็วๆ นี้จริงหรือไม่

เป็นโฟร์ – มด กี่ปี แล้วตอนนั้นเป็นความฝันของเราไหม?

“เริ่มเข้ามาตั้งแต่อายุ 12 ที่เราเข้ามาเป็นนักร้องตอนนั้นได้จอยกับชีวิต ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ได้เป็นนักร้องสนุกๆ เราก็เลยทำเพราะตอนนั้นชอบการแสดงออก ชอบเต้น ชอบร้องเพลง รู้สึกสนุกถึงแม้ตอนนั้นยังไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ แต่มันสนุกแค่นั้นเองค่ะ”

Advertisement

เพลงของเราทั้งคู่ดังมาก ลุกส์แฟชั่นคือสุดๆ แล้วจู่ๆ หายไปเป็นแอร์ อะไรเป็นจุดตัดสินใจให้เราเลือกทางนั้น?

“จริงๆ จุดตัดสินใจคือเราตัดสินใจด้วยตัวเอง แต่ก่อนที่จะตัดสินใจมาเป็นแอร์ แม่เขาพูดขึ้นมาว่าลองไปสมัครแอร์ไหม ตอนนั้นก็ตกใจว่าทำไมแม่ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราก็ทำเป็นหูทวนลม แม่พูดอะไรมาก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะว่าเราเป็นคนหนึ่งถ้าอยากทำอะไรเราอยากตัดสินใจด้วยตัวเอง เราต้องอยากทำก่อนถึงจะทำทุกอย่างได้ดี เราเลยรู้สึกว่ายังไม่แล้วกัน ก็ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของแม่ไปเลย เพราะว่าเรายังใส่ใจกับผลงานในวงการเพลงแล้วก็มีละครเข้ามาด้วย พอเวลาผ่านไป 1 ปี อยู่ดีๆ ตอนนั้นเราอยากจะหาอะไรที่มั่นคงกับชีวิตเลยลองปรึกษารุ่นพี่ที่เป็นแอร์อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง เพราะเราไม่เข้าใจว่าชีวิตการสมัครงานคืออะไร เราไม่รู้ เราไม่เข้าใจเลยว่าต้องทำอะไรบ้าง ต้องเตรียมอะไรบ้าง เราโทรไปหารุ่นพี่คนเดียวกันเขาก็บอกว่าพอดีเลยตอนนี้ที่แอร์เอเชียเปิดรับสมัครอยู่ให้เราไปสมัครเลย”

ตอนนั้นที่เริ่มอยากจะถอยห่างจากวงการเพราะรู้สึกว่างานในวงการเริ่มลดลงไหม?

“อาจจะรู้สึกว่าเราอิ่ม เริ่มถามตัวเองว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ เรารู้สึกยังไงกับมัน เรายังรู้สึกสนุกไหม หรือมันไม่ใช่ทางเราแล้วก็ใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องนี้อยู่นาน การที่เราจะก้าวออกจากจุดที่เราอยู่มันเป็นก้าวที่ใหญ่นะ เราจะทำอะไรเราก็จะต้องคิดให้ดีนะ ไม่ใช่อยากจะไปก็ไปอย่างที่บอกค่ะ เราใช้เวลาคิดเป็นปีกว่าจะตกตะกอนความคิดว่าลองดู ซึ่งตอนที่เราเข้าไปสมัครงานที่นั่น หนูอายมากเลยเพราะว่าคนมองหนูเยอะมาก หนูแค่รู้สึกว่าทำไมต้องมองหนูเยอะขนาดนี้ก็คนสมัครงาน คือ หนูรู้สึกแบบนี้ แต่คนภายนอกเขาอาจจะรู้สึกว่า มดมาทำอะไร เขาอาจจะคิดแบบนี้ (ถามว่าอะไรที่ยากสุดก่อนที่จะมาเป็นแอร์) หนูว่าตอนเทรนด์เป็นแอร์ แล้วก็โดนถามว่ามาทำงานนี้แล้วคุณได้เงินเดือนน้อยกว่าที่คุณทำอยู่ทุกวันนี้นะคุณจะทำเหรอ เราก็ตอบว่าทำค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเลือกเรามั่นใจในตัวเอง และสิ่งที่เราเลือกมั่นคงสำหรับตัวเรา แล้วเขาก็ถามว่าล้างห้องน้ำไหวไหม เราก็บอกว่าได้เพราะว่าทุกวันนี้ก็ทำอยู่ที่บ้าน เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะทำความสะอาดมันแปลกตรงไหน”

แต่พอไปสอบหลายคนก็จะมองว่าเส้นหรือเปล่า เพราะว่าส่วนใหญ่ที่มีชื่อเสียงจะมีเรื่องแบบนี้มาอยากจะเคลียร์ตัวเองยังไง?

“ใช้คำคำนี้ดีกว่าค่ะ ว่าเวลาที่เราจะทำอะไรเราทำด้วยตัวเองดีที่สุด เราไม่อยากพึ่งใคร ถ้าเราจะได้เราก็ต้องได้ด้วยตัวเอง ซึ่งที่เราได้งานนี้เราเหมือนเด็กเลย กรี๊ดลั่นบ้านเลยตอนนั้น เขาโทรมาบอกว่ายินดีด้วยนะคะ แล้วก็นัดเราเข้าไปเซ็นสัญญา”

ณ วันที่ตัดสินใจไปเป็นแอร์ เราตัดสินใจที่จะทิ้งความเป็นโฟร์-มดเลย หรือว่าไม่หรอกเหยียบไว้ทั้งสองอย่าง?

“ตอนแรกก็ยังหรอกค่ะ เพราะเราก็ต้องลองไปทำว่ามันจะได้ไหมเพราะว่าส่วนตัวเป็นโรคจิตอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเราจะทำอะไรเราอยากจะทำให้เต็มที่ เรารู้สึกว่าเราทำเต็มที่ทั้งสองอย่างค่อยว่ากัน แต่ถ้ารู้สึกว่าถ้าเราทำอย่างหนึ่งได้ดีแล้วอีกอย่างได้ไม่เต็มที่ เราไม่อยากทำเพราะเรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำความลำบากให้คนอื่น”

คุณแม่คือคนที่ให้เราไปสมัครเป็นแอร์ และตอนนี้ก็เป็นคนที่มาถามว่าไม่รับงานในวงการบ้างเลยเหรอลูก ละครไม่เอาเลยเหรอ?

“ไม่รับเลยค่ะ พอเราได้มาทำงานตรงนี้อย่างเต็มตัวเราได้บินเรารู้เลยว่ามันเหนื่อย พอมันเหนื่อยเรารู้เลยว่าร่างกายเราต้องการพักผ่อน เพื่อที่เราจะได้ทำงานในเซ็ตต่อไปได้ ตารางจะเป็นแบบนี้ค่ะ บิน 3-4 วัน หยุด 2 วัน แล้วบินต่อ 5 วัน หยุด 2-3 วัน แล้วเราก็ต้องมีสแตนบายด้วยนะคะ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกตอนไหนก็ไม่รู้ รอรับโทรศัพท์อย่างเดียวเลย”

สามารถพูดได้ไหมว่า มด วันนี้ลาจากวงการบันเทิงแล้ว?

“พูดได้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าเราไม่รับงานละคร งานร้องเพลงเราก็ยังรับนะคะ แต่ร่างแหลกไปเลยสามวันเพราะว่าเราไม่ได้ร้องนาน แล้วมันเหนื่อยร่างกายก็น็อคไปเลยค่ะ แล้วพอเราบินกลับมา อยากให้เป็นวันที่พักจริงๆ ไม่ใช่เราไปถ่ายละครแล้วเล่นไม่ดีทำไม่ดีพาคนอื่นเสียเวลา หรือเราเล่นละครแล้วกลับเป็นดี แต่พอเวลาเราไปบินเราไม่มีสมาธิพอ งั้นเราไม่รับดีกว่า”

ซึ่งปกติแล้วเวลาบินจะแถมน้ำหนัก แต่อันนี้บินแถมแฟน แล้วแหวนนิ้วนางข้างซ้ายยังไง?

“พอเราเข้าไปแล้วเวลาเราเทรนด์เราก็เทรนด์กันเป็นกลุ่ม เราก็เจอเขาตอนแรกที่เราเจอคือเพื่อนกันค่ะ จนเราสนิทกันมากขึ้นรู้จักกันมากขึ้นความชอบคล้ายกัน กิจกรรมที่เราทำคล้ายกัน นิสัยคล้ายกันเราเลยคลิ๊ก แล้วเขาก็ตรงสเป๊กเราด้วย”

ปกติ มด เป็นคนที่แม่หวงมาก แล้วทำไมคนนี้แม่ให้ผ่านได้?

“หนูก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรที่ ทิว ไปเจอแม่แล้วเป็นจังหวะที่เรายังไม่ได้บอกแม่ด้วยว่าเราคุยกันอยู่นะ แต่เป็นจังหวะที่เราไปเทรนด์กลับมาแล้ว ทิวเขาก็ยืนรอเป็นเพื่อนมด เพราะรอคุณแม่มารับ พอเราขึ้นรถไปแม่ก็ไม่ได้ถามอะไรเลย แต่พอเรามารู้ทีหลังคือแม่รู้ตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าคือคุยกันอยู่แน่นอน แล้วแม่เขาก็โอเคตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

แล้วตอนนี้ สเตตัส ยังไงขอแต่งงานแล้วเหรอ?

“ยังค่ะ ไม่ได้ขอค่ะ แต่อันนี้เป็นแหวนแทนใจคบกันมาก็ 2-3 ปีแล้ว ถามว่าคิดเรื่องแต่งงานไหม จริงๆ แล้ว มดกับทิวตั้งแต่ตอนแรกที่คุยกัน ก็คุยกันว่าเราก็โตๆ กันแล้วเนอะ เราไม่ใช่เด็กๆ ที่คบกันแล้วไม่มีจุดหมาย เราก็ได้คุยว่าจุดหมายของเราคืออะไร เรามองอนาคตด้วยกันไหม เราก็มองอนาคตร่วมกัน ก็คิดว่าอาจจะแต่งงานอยู่ด้วยกันแต่เราไม่รีบนะคะ เมื่อไหร่เมื่อนั้น (หัวเราะ) เอาให้เขารู้สึกว่าเขาพร้อมก่อนไม่อยากไปเร่งอะไรเขา”

นอกเหนือจากนั้นเพราะโควิดด้วยเลยได้ทำธุรกิจจริงต้องบอกว่าเป็นของคุณแม่ไหม?

“ของคุณแม่เลยค่ะ มีหมูฝอย หมูแดดเดียว มีเนื้อ ใช้ชื่อว่า Mama-Mod ช่วงโควิดคุณแม่เขาอยากทำอาหารแล้วพอทำไปทำมาแล้วเขาชอบ เขาสนุก มีความสุข แม่เขาทำเองคิดสูตรเองทุกอย่างเลย สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ LINE : mama-mad โทร. 062-907-7851”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image