น้ำฝน กุลณัฐ เล่าโดนบอกเลิกฟ้าผ่า-คบพระเอกรุ่นน้องห่าง 6 ปี จนถึงวันที่เจอรักแท้

น้ำฝน กุลณัฐ เล่าโดนบอกเลิกฟ้าผ่า-คบพระเอกรุ่นน้องห่าง 6 ปี จนถึงวันที่เจอรักแท้

เปิดเรื่องหัวใจหมดเปลือกกับทุกเรื่องราวความรักในชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อน สำหรับ น้ำฝน กุลณัฐ ที่ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ทั้งความรักที่คิดว่าใช่แต่งแน่คนนี้แต่อยู่ๆโดนขอบอกเลิกแบบฟ้าผ่า พอได้เจอความรักกับพระเอกรุ่นน้องที่อายุห่างกัน 6 ปี ก็อึดอัดจนไปไม่รอด ตัดสินใจโบกมือลาผู้ชายไทยหันไปมองผู้ชายต่างชาติรอจนเกือบท้อสุดท้ายฟ้าก็ประทานรักแท้มาให้ แต่กว่าจะรักก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

กับความรักครั้งหนึ่งที่ขนาดมีปัญหาแต่ก็ยังครบยาวมาเกือบๆ 5 ปี

“เกือบๆ 5 ปีค่ะ จริงๆมีปัญหากันมาตั้งแต่ 6 เดือนแรกที่เราคบกันเลย จนถึงวันที่เลิกกันแล้วก็ได้มานั่งคุยกันแล้วเขาพูดกับเราว่าเขาอึดอัดแล้วเขาก็พูดๆ ออกเราก็อืมแล้วก็มากำหนดอีก นั่งคิดอีกว่าเราไปทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่า”

แต่เพราะว่าเราเป็นคนในวงการแล้วก็เป็นอีกคู่ที่ทุกคนเชียร์ ว่าในที่สุดคู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่ใช้ชีวิตด้วยกัน คราวนี้พอเลิกกันก็เลยกลายเป็นประเด็นข่าวใหญ่

Advertisement

“เรื่องประเด็นข่าวจะต้องอธิบายให้เข้าใจนิดหนึ่งว่า ฝนเลิกกับเขาตั้งแต่ 5 กุมภาพันธ์ เพราะว่าเราจะมีงานสุดท้ายด้วยกันคือ วันวาเลนไทน์ แต่วันที่เราเลิกกันคือเราคุยกันอยู่ดีๆ แล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า เลิกกันเถอะ มันเหมือนกับเขาทำสิ่งหนึ่งแล้วเราบอกว่าไหนบอกว่าจะไม่ทำแล้วไง เหมือนเราไปจำเขาได้ในสิ่งที่เขาไปทำแล้วเขาก็เลิกกันเถอะฝน แล้วเขาเป็นคนที่ไม่เคยพูด เราก็บอกว่าเดี๋ยวก่อน เดี๋ยวขอตั้งสตินิดนึงเราก็หาเหตุผล เขาก็บอกเราว่าเขาอึดอัด เขาไม่ไหวแล้ว เขาไม่มีความสุข แล้วจากวันที่เขาบอกเลิกเราคือ เขาก็เดินออกจากชีวิตเราไปเลย คือ เลิกเลยหลังจากนั้นสองสามวันเขาก็โทรกลับมาร้องไห้ ร้องไห้เหมือนเด็กเลย แล้วเขาก็บอกเราว่าเขารู้ว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจไปเนี่ย คือ เขาพลาดมาก เขาพูดว่า ฉันรู้ว่าในอนาคตฉันต้องเสียใจกับสิ่งที่ฉันทำ แต่ฉันอยู่ไม่ได้แล้วตอนนั้นเราก็พูดก็กลับมาสิ มาคุยกัน เขาก็บอกเราว่าฉันอยู่ไม่ได้แล้ว นิสัยเขา เขาเป็นคนที่ทำอะไรตามใจเขา ฝนคิดว่าเพราะฉะนั้นเขาต้องตามหัวใจเขาว่าเขาอยากได้อะไรต้องการอะไร

(เสร็จแล้วเราก็บอกว่ายังเหลืองานอีกงานหนึ่งนะ 14 กุมภาพันธ์) มันก็ต้องไปเจอวันนั้น ซึ่ง 1 อาทิตย์ที่เขาออกจากบ้านไปมันเหมือนแบบเราก็เสียใจมากแบบนอนไม่หลับตื่นตีสอง ตื่นตีสาม กินข้าวไม่ได้ ก็ไปหาหมอ หมอเขาก็ถามเราว่าเป็นอะไรเราก็บอกว่าเดี๋ยวหนูต้องเป็นโรคกระเพาะ เพราะว่าเรากินข้าวไม่ได้นอนไม่ได้ต้องเป็นโรคกระเพาะแน่ๆ เพราะว่ามันเครียดมาก หมอก็งงๆ แต่ก็ให้ยามาก็ดูแลตัวเองไป ถามว่าร้องไห้ไหม ร้องจนแบบเพราะเราเสียใจมาก แต่ว่ามันก็จะค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ อาทิตย์แรกโหดสุดเราปล่อยอารมณ์ของเราไปเลยว่า ไปให้สุดไม่ต้องไปกั๊กมันเป็นความคิดของตัวเองว่าเวลาที่เราอกหัก หรือเวลาที่เราเครียดไม่ควรกินเหล้า สอง แฮงก์ ปวดหัวอีก เสียใจอีก นอนไม่พออีก เราก็พักฟื้นตัวเองไปเรื่อยๆ มันก็ค่อยๆ ดีขึ้น เราก็อยู่กับความเศร้าของมันจนเต็มอิ่มแล้ว แล้วพอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่เราต้องไปร่วมงานด้วยกัน วันที่เขาตัดสินใจเข้ามาพูดกับเราว่า ฉันว่าเราบอกนักข่าวเถอะ เขาพูดประโยคนี้มา เราก็ถามว่าเธอแน่ใจนะ เขาก็บอกว่าแน่ใจ

ด้วยความที่เราอยากได้เขากลับมามากเราก็ไปหาหมอดูหลังจาก 7 วันที่เราร้องไห้ฟูมฟายแล้วนะ เพื่อนก็เรียกหมอดูมา แล้วเราก็บอกว่าทำยังไงอยากได้เขากลับมา หมอก็แบบจะเอาคนนี้เหรอๆหมอเขาก็ไปปลุกเสกมะนาวมาให้ลูก 1 แล้วเขาก็บอกว่าตอนสัมภาษณ์ก็ให้กำเอาไว้นะ แล้วเรานั้นคือเราต้องเดินแบบด้วยเราก็คิดว่าจะกำมะนาวยังไ คือเพราะว่าเดินแบบเสร็จเราก็ต้องสัมภาษณ์เลย เพื่อนก็รักเรามาก็มาส่งมะนาวให้แล้วพอดีชุดที่เราใส่เป็นกางเกง ตอนยืนสัมภาษณ์อยู่กำมะนาวอยู่ตลอดนักข่าวก็สัมภาษณ์ว่าเป็นยังไงบ้างได้ข่าวว่าจะแต่งงานกันแล้วผู้ชายก็ตอบว่า เราเลิกกันแล้วครับ (หัวเราะ) แบบโมโหมากมะนาวไม่ช่วยอะไร แต่คือ ตอนนั้นนักข่าวก็งงว่าทำไมเราไม่เศร้าเลยเพราะว่าเรามัวแต่เอาใจไปที่มะนาวเราเลยขำ แล้วพอหลังจากบอกกันเสร็จตัวผู้ชายเขาเดินไปร้องไห้อยู่ข้างหลังแต่เราเดินขึ้นรถไปเหมือนไม่มีอะไรคนก็เลยเข้าใจคิดว่าเราบอกเลิกเขา

ส่วนความรักอีกครั้งของ ฝน คือ น้องเขาเป็นเด็กใหม่เพิ่งเข้ามาในวงการ เราได้สัมภาษณ์แล้วว่าเขาก็ยังไม่เคยมีแฟนเป็นดาราคนไหนเราก็เลยแบบลองดู (เขามาจีบไหม) คือ เราไม่ได้เล่นละครด้วยกันนะคะ แต่เจอกันครั้งแรกที่กองถ่าย เพราะว่าเขาเป็นเด็กใหม่เหมือนมาดูงานแค่นั้นจบ เสรึแล้วไปเจอกันอีกทีก็เหมือนเป็นปาร์ตี้บริษัทเพื่อนก็ผลักเราก็ลองดูคบเด็กอายุเรากับเขาห่างกัน 6 ปี”

ใครเริ่มก้าวแรกก่อน

“น่าจะไปพร้อมๆกันเพราะว่าเราว่าง เราโสดแล้วส่วนเขา .. ฝนก็คิดว่าเขาก็เด็กเขาก็ไม่ได้คิดอะไร (ตอนไหนที่เราคิดว่าเราจะคบคนนี้อย่างเป็นทางการแล้ว) เอาจริงๆนะคะ คนนี้เราไม่ได้รู้สึกว่า คนนี้แหละ แต่มันเหมือนกับเขาเข้ามาในจังหวะที่ค่อนข้างที่จะเข้ามาต่อเร็วแบบไม่นาน ไม่ถึงปีอะไรอย่างนี้ ทำให้เรารู้สึกว่ามันจูนกันได้ มันคุยกันได้ มันก็เลยเหมือนตามน้ำไปเรื่อยๆมารู้สึกตัวอีกทีก็ 6 เดือนแล้ว หนึ่งปีแล้ว

ด้วยความที่อายุต่างกันมีผลไหมที่เราเริ่มเข้าไปเหมือนล้ำเส้นบางอย่างของเขา

“เอาจริงๆนะคะ ตอนนั้นไม่รู้ แต่พอที่เราสองคนคบกันแล้วเขาก็ดังมาก แล้วพอเขาดังมากแล้วบวกกันนิสัยของเขาเป็นคนที่อยากทำอะไรก็ทำเป็นคนที่ตามใจตัวเอง ด้วยความที่เราอยู่ในวงการมานานเราก็เหมือนเราถูกผู้ใหญ่สอนมาเยอะค่ะ มันก็เลยเอาสิ่งที่เรารู้ไปบอกเขาว่าทำแบบนี้สิ ทำแบบนั้นสิ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันไปทำให้เขาอึดอัดหรือเปล่า เพราะมันคือความหวังดีเพราะการที่เราจะอยู่ในวงการ เราต้องทำตัวแบบไหน แต่ตอนนั้นเราคงเขาไปจู้จี้ชีวิตของเขา 

แต่ถ้าถามว่าเราเป็นคนจู้จี้ไหมเราเป็นคนชอบจัดการดีกว่าค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดแบบใส่อันนี้สิ อันนั้นสิคือไม่ได้ขนาดนั้น เราก็แค่แบบต้องตั้งนาฬิกาปลุกนะ เธอต้องไปออกกำลังกายนะ ทำไมถึงใส่เสื้อผ้าแบบนี้เราก็พาไปซื้อเสื้อผ้า ถึงเวลาสัมภาษณ์จะได้ดูดี ถึงเวลาสัมภาษณ์ต้องพูดแบบนี้นะ เหมือนกับเขายังใหม่มากค่ะ เราก็หวังดีเพราะว่าเขาเป็นพระเอก แต่ในมุมของเขาคือ เขาไม่ต้องการ เลยทำให้เราทะเลาะกันบ่อยด้วยอะไรหลายๆอย่างจุกจิกๆแต่ไม่ได้ไปทะเลาะในเรื่องที่ให้เขาทำอะไรนะคะ เพราะเราให้เขาทำอะไรเขาก็ทำนะ แต่เราไม่รู้หรอกว่าไปทำให้เขาอึดอัดแต่มันก็เป็นเส้นบางๆระหว่างแฟนกับแม่ คือ จะบอกเลยว่าผู้หญิงเราจะมีเส้นบางๆระหว่างแฟนกับแม่อย่าข้ามไป

คือ เพื่อนคนนี้อีกแล้ว บางทีเราหาคำตอบไม่ได้เราก็เลยถามเพื่อนว่าเธอเคยห้ามแฟนทำโน้นนี่นั่นไหม เพื่อนก็บอกว่าเราว่า พ่อแม่เขายังไม่ห้ามเลยเราเป็นแฟนเราไปห้ามเขาทำไม พอฟังเสร็จเราก็ .. จริงจะไปห้ามเขาทำไม แต่เรามารู้ตัวทีหลังนะคะ ตอนนั้นมันเหมือนกับตอนที่คบกับพระเอก เขาก็แบบปัญหามันเยอะมากแล้วเป็นปัญหาจุกจิกๆจนเราไม่ได้มองในมุมกว้าง บวกกับแบบอาจจะความไม่ไว้ใจอะไรหลายๆอย่างมันมีองค์ประกอบรวมเยอะ แต่ที่ทะเลาะกันหนักๆเลยคือ เขาไปเที่ยวกับเพื่อนเราโทรไปไม่รับสายเราก็โทรจนตีสามก็ไม่รับ พอไม่รับสายผู้หญิงมันจะมีความจินตนาการที่เหนือธรรมชาติอยู่ คือ อะไรจนตีห้ารับสาย คือ คืนนั้นเราไม่ได้นอนเลย เราก็ถามว่าเฮ้ย.. อะไรคืออะไร เราก็ถามเขา เขาก็บอกว่าเพราะว่ามันเรทเวลารับเวลาไหนก็ด่าเท่าเดิม (หัวเราะ) พอเขาพูดออกมาแบบนั้นวิธีคิดของเขา แล้วเราก็เป็นสายกำหนดก็จริง อันนี้เลยเป็นประเด็นที่ค่อนข้างหนักหน่วง เพื่อนเขาไม่เข้าใจเราบางทีเพื่อนเขาเหมือนกับเห็นสิ่งที่เป็นเลยรู้สึกว่าเราไปตีกรอบกักขังเขาไว้เยอะ โดยที่เพื่อนไม่รู้ว่าเรื่องราวเรากับเขามันเกิดอะไรบ้าง”

แล้วในที่สุดก็มาเจอความรักสุดท้ายในชีวิต

“มันเหมือนกับแบบนอกวงการก็มีแล้ว ในวงการก็มีแล้วเราก็แบบไม่เอาแล้วดีกว่าออกนอกประเทศเลยดีกว่าอะไรอย่างนี้ เป็นความตั้งใจของเราเลยว่าจะไม่เอาผู้ชายไทยแล้ว เพราะตอนนั้นเราก็อายุ 34 แล้ว ซึ่งตอนนั้นเพื่อนเราก็บอกว่าต่างชาติเขาไม่ได้เกี่ยงเรื่องอายุเราก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นโอกาสที่พอเหมาะที่จะเริ่ม เราก็เอาตัวเราไปในที่ที่ฝรั่งเขาอยู่บวกกับอีกอันหนึ่งคือเพื่อน ฝน มีแฟนเป็นฝรั่งเขาก็พยายามหาเพื่อนเขามาให้เรา แต่เราก็ไม่ชอบจนเราโสดมา 1 ปีคิดเลยค่ะ หรือว่ามันต้องโสดแล้วเพราะตอนนั้นค่อนข้างที่เราจะคงที่แล้ว โหยหาไปแล้วเราได้อะไรที่ไม่ดีมาเลยไม่เอาดีกว่าถ้าอยู่คนเดียวได้ก็อยู่คนเดียว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image