เรื่องเล่าซ่อนเงื่อน บนพื้นฐานของ ‘ความจริง’

นิยายสืบสวนสอบสวน เป็นประเภทหนึ่งในงานวรรณกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

ท่ามกลางนิยายสืบสวนซ่อนเงื่อนทั่วไปที่อยู่เต็มชั้นวางในร้านหนังสือ มีงานประเภทย่อยที่น่าสนใจมาก คือเรื่องสืบสวนสอบสวนที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นจริงแบบ Base on true story หรือมีการใช้สภาวะสภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของแต่ละสังคม มาเป็นส่วนหนึ่งของการผูกเรื่องขึ้นมา เพราะเวลาที่อ่านจะไม่รู้สึกถึงเพียงแค่ความสนุกแบบจบแล้วจบกันไปเท่านั้น แต่มักจะมีร่องรอยความจริงที่น่าตระหนกซึ่งถูกผู้เขียนทิ้งร่องรอยชวนคิดเอาไว้ ผ่านเรื่องเล่าแห่งจินตนาการ เป็นร่องรอยที่ทำให้เราได้ใคร่ครวญถึงเงามืดบางมุมของโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่เสมอ

หนังสือเรื่อง ‘The Keys to the Street โดย Ruth Rendell’ ที่ ขจรจันทร์ แปลเป็นไทยในชื่อ ‘ลอนดอนซ่อนเงื่อน’ และ ‘Fallet Thomas Quick’ โดย Hannes Rastem หรือชื่อไทยคือ ‘โทมัส ควิก ฆาตกรผู้ไม่เคยฆ่าใคร’ โดยฝีมือแปลของ โรจนา นาเจริญ คืองานเขียนสองเล่มที่เข้าข่ายดังกล่าว และสามารถกระตุกใจได้อย่างรุนแรงเมื่อปิดหน้าสุดท้ายลง

‘ลอนดอนซ่อนเงื่อน’ เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่มีแบ๊กกราวด์ของเรื่องราว ซ่อนมุมมืดหม่นของมหานครอย่างลอนดอนไว้ ลอนดอนที่เรารู้จัก เต็มไปด้วยความงดงามและยิ่งใหญ่ทางทัศนียภาพ สถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์ซึ่งเคยขับเคลื่อนโลกในสมัยหนึ่ง แต่ท่ามกลางเรื่องราวด้านความงาม ในวันนี้ลอนดอนประสบชะตากรรมไม่ต่างกับมหานครใหญ่หลายแห่งทั่วโลกที่ซุกซ่อนปัญหาไว้ใต้พรมผืนนุ่มสวยงาม คนไร้บ้าน ความยากจน ยาเสพติด คนชายขอบที่ถูกผลักให้ตกขอบด้วยทัศนคติที่หยามเหยียด กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีสุดโหดแบบเดียวกัน และชวนให้ลุ้นถึงเงื่อนปมที่ซ่อนอยู่

Advertisement

Ruth Rendell เล่าเรื่องเงื่อนงำของมหานครลอนดอนผ่านชีวิต 4 ชีวิต คือ ‘แมรี’ สาวน้อยบอบบางที่ตัดสินใจบริจาคไขกระดูกสันหลังให้คนที่เธอไม่รู้จัก, ‘บีน’ ชายสูงวัยจอมสอดรู้ที่มีอาชีพรับจ้างจูงสุนัข, ‘ฮ็อบ’ ชายติดยาที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อยาที่เขาต้องการ และ ‘โรมัน’ ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งที่ทิ้งชีวิตมาเป็นคนจรจัดไร้อนาคต ไร้ความหวัง เพราะการสูญเสียคนสำคัญในชีวิตที่นำมาสู่บาดแผลในใจซึ่งยากจะลบเลือน ทั้งสี่ชีวิตผ่านพบกันในเมืองใหญ่อย่างมหานครลอนดอน

‘ลอนดอนซ่อนเงื่อน’ เป็นนิยายสืบสวนสอบสวนในคดีฆาตกรรมที่สะท้อนสภาพสังคมชั้นล่างในเมืองใหญ่อย่างลอนดอนได้อย่างแยบคาย ลอนดอนไม่ได้เป็นเพียงแค่ฉากหลังหรือบรรยากาศของเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ผู้เขียนสามารถสร้างลอนดอนให้มีชีวิตและกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เร่งและกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น คนจรจัดคือขยะที่มหานครลอนดอนคิดว่าควรซุกไว้ใต้พรม แต่เมื่อซุกมากๆ เข้าขยะก็ต้องล้นออกมา คนจรจัดที่ถูกสังคมละเลยและไม่ให้ค่ามองเขาอย่างไม่ใช่มนุษย์เหมือนกัน จึงกลายเป็นแรงขับสำคัญของเงื่อนปมต่างๆ ขึ้น และนั่นคือเรื่องเล่าแห่งจินตนาการที่สร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของปัญหาสังคมจริงๆ

ขณะที่ ‘โทมัส ควิก ฆาตกรผู้ไม่เคยฆ่าใคร’ อาจจะไม่ใช่นิยายซะทีเดียว เพราะสร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงโดยใช้กลวิธีการเขียนแบบนวนิยาย

Advertisement

โทมัส ควิก เป็นชื่อของอดีตนักโทษที่ถูกตัดสินว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องผู้โหดเหี้ยมและโด่งดังที่สุดในสวีเดน โดยเป็นเจ้าของฉายา ‘ฆาตกรต่อเนื่อง’ และ ‘มนุษย์กินคน’

โทมัส ควิก สารภาพว่าเขาเป็นฆาตกรที่ก่อคดีฆาตกรรมกว่า 30 ราย ซึ่งศาลก็ตัดสินว่าเขามีความผิดฐานฆาตกรรมถึง 8 ราย แต่หลังจากการตัดสินคดีสุดท้ายในปี 2001 โทมัส ควิก กลับถอนตัวออกจากการไต่สวน แล้วปิดปากเงียบตลอด 7 ปี โดยทิ้งเรื่องราวทางคดีเป็นปริศนา ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะค่อยๆ เงียบหายไป

แม้ว่าสังคมจะเลิกสนใจ แต่ก็ไม่เคยหายไปจากความสนใจของ ฮันเนส ร็อสตัม ผู้สื่อข่าว

อาชญากรรมเชิงสืบสวนของสถานีโทรทัศน์สวีเดน ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ซึ่งสงสัยในระบบยุติธรรมของสวีเดนมาโดยตลอด ในปี 2008 เขารื้อคดีของโทมัส ควิก ขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหาข้อเท็จจริง เขานั่งอ่านสำนวนคดีและเอกสารกว่าพันหน้า และสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องมากมายรวมถึงโทมัส ควิก ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช เขาพบว่าทุกคนที่เกี่ยวกับคดีนี้ต่างมีเหตุผิดปกติชวนสงสัยในคำตัดสินและคำสารภาพ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวน อัยการ นักบำบัด จิตแพทย์ หรือแม้แต่ตัวโทมัส ควิก เอง เพราะจากการรื้อค้นทุกอย่าง เขาไม่พบพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุนคำสารภาพของโทมัส ควิก เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกอย่างตัดสินจากคำสารภาพของโทมัส ควิก เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

คำถามค้างคาใจวนเวียนอยู่ในความคิดของร็อสตัมว่าอะไรคือสิ่งที่ผิดพลาดกันแน่ โทมัส ควิก เป็นฆาตกรต่อเนื่องจริงๆ หรือเป็นมนุษย์ชอบโกหกที่ติดยาจากการบำบัดกันแน่

การเปิดโปงความจริงครั้งนี้นอกจากจะสร้างให้ ‘โทมัส ควิก ฆาตกรผู้ไม่เคยฆ่าใคร’ กลายเป็นหนังสือขายดีทั่วโลกแล้ว ยังมีผลให้ศาลสูงสวีเดนยกคำพิพากษาชั้นต้นทุกคดี และคืนอิสรภาพแก่โทมัส ควิก เมื่อเดือนกันยายน 2012 และส่งผลสะเทือนอย่างมากต่อกระบวนการยุติธรรมของสวีเดนและกลายเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญระดับโลกจนถึงทุกวันนี้

เป็นเรื่องเล่าซ่อนเงื่อนบนพื้นฐานของความจริง ที่มีมากกว่าความสนุก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image