อี๊ฟ พุทธธิดา อัพเดตอาการ ต้อย เศรษฐา พร้อมเล่าอาการในช่วงติดโควิดละเอียดยิบ (คลิป)

ภาพจาก @yvessirachaya

 

อี๊ฟ พุทธธิดา อัพเดตอาการ ต้อย เศรษฐา พร้อมเล่าอาการในช่วงติดโควิดละเอียดยิบ (คลิป)

อี๊ฟ พุทธธิดา ศิระฉายา ลูกสาวสาวของนักแสดงอาวุโส ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา หลังจากติดเชื้อโควิด-19 และล่าสุดวันนี้(วันที่ 26 เมษายน 64) เป็นวันที่ครบกำหนด 14 วันของการพักรักษาตัวอยู่ที่ hospitel ได้โพสต์คลิปวีดีโอเผยถึงข้อมูลอยากจะบันทึกเอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์ และมีข้อมูลอะไรบ้างระหว่างการพักรักษาตัวจากเชื้อโควิด-19 โดยเธอเล่าว่า

“สวัสดีค่ะ อี๊ฟอยากจะอัดคลิปอันนี้ไว้นะคะ เพราะว่าจริงๆวันนี้เป็น วันที่ครบกำหนด 14 วันแล้วนะคะ ที่อี๊ฟอยู่ hospitel จริงๆวันนี้อี๊ฟจะต้องได้กลับบ้านแล้วนะคะ แต่เนื่องจากน้องมีบุญตรวจ หลังจากอี๊ฟนะคะก็จะต้องอยู่จนให้น้องมีบุญครบครบ 14 วันด้วย ถึงจะได้กลับบ้าน ซึ่งก็คือวันที่ 29 นะคะ มันก็มีข้อมูลบางอย่างที่บันทึกเอาไว้นะคะเพราะว่าอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นแล้วก็อย่างน้อยก็ทำให้เราจำได้ในช่วงเวลาที่เราอยู่ที่นี่ว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้างมีข้อมูลอะไร อยากจะบันทึกเอาไว้นิดนึง

อย่างแรกนะคะการนับ 14 วัน ของการกักตัวที่ hospital เขาจะนับจากวันแรกที่เราตรวจพบเชื้อ ถึงแม้เราจะมีอาการก่อนหน้านั้น แต่หมอจะนับวันแรกที่เราตรวจเชื้อเจอ เพื่อเป็นเกณฑ์ ง่ายแก่การฟอลโล่อัพสำหรับทุกคน ของอี๊ฟก็ตรวจตั้งแต่วันที่ 12 แล้วจริงๆวันนี้ก็คือเป็นวันที่ครบ 14 วันพอดีนะคะคือวันที่ 26 ค่ะแล้วก็หมอจะเรียกว่าเราหายแล้ว หายจากโควิดแล้วก็ต่อเมื่อเราไม่มีอาการอะไรแล้วนะคะ ของอี๊ฟยังมีกระแอมนิดหน่อยนะคะแต่ว่าไอก็ไม่มีแล้วนะคะแล้วก็ไม่มีไข้ ไม่มีไอไม่มีอะไรผลเอกซเรย์จะต้องเป็นปกติ

Advertisement

ซึ่งล่าสุดเอกซเรย์ไปแล้วเมื่อวานปอดออกมาปกตินะคะ ก็จริงๆแล้วก็คือถือว่าหายแล้วกลับบ้านได้ สิ่งที่ได้ข้อมูลมาส่วนนึงส่วนใหญ่แล้วคนที่จะลงปอดหรือมีอาการที่เรียกว่า ขั้นกว่า ขั้นกว่าของพวกเราที่อาการน้อยๆก็คือ ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 7-10 อย่างเช่น อี๊ฟเข้ามาตั้งแต่วันที่ 14 โดยทั่วไปถ้าสมมุติจะมีอาการ มันก็จะมีอาการมาช่วงวันที่ 7-10 วัน หลังจากนั้น ซึ่งก็เหมือนตัวต้น (สามี) ที่มีไข้ในช่วงกลางๆไข้อาจจะไม่สูงแต่ตัวที่บอกได้ที่เป็นตัวแปรคือไข้ออกซิมิเตอร์ของต้นก็คือการ วัดออกซิเจนในเลือดของต้นจริงๆตอนที่วัด ก็ยังค่าปกติ 98-99 แต่บางคนก็คือบางคนจะบอกได้จากตัวซิมิเตอร์เลย เมื่อไหร่ที่ลดมากๆ ก็คือมีความเสี่ยง จะต้องรีบแจ้งหมออาจจะมีลงปอด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่อี๊ฟสังเกตุเห็นก็คือ เป็นเรื่องของการมีไข้ที่มีเห็นหลายหลายคนคุยกับเพื่อนหลายคนบางคนก็อยู่ hospital บางคนก็อยู่โรงพยาบาล คนที่ลงปอดก็จะมีไข้ชัดเจน เพราะฉะนั้นหลายคนถามว่าเรา ติดมาแล้ว 3-4 วันไม่มีอาการแล้ววางใจได้ไหม จริงๆแล้วอยากให้บันทึกเอาไว้ใครที่มีอาการหรือไม่มีอาการก็ให้สังเกตตัวเอง ขยันวัดไข้นิดนึงอันนี้ก็จะบอกได้เร็วเพราะว่าถ้ามีอาการลงปอด แล้วได้ยาเร็ว ก็จะทำให้การรักษาเป็นไปได้ดีมากขึ้น การติดเชื้อที่ปอด นอกจากเชื้อโควิดแล้วที่สังเกตได้ก็คือคนที่จะติดเชื้อ โดยที่อี๊ฟเห็นนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่สูบบุหรี่ คนที่มีโรคปอดอยู่แล้ว โรคทางเดินหายใจ ผู้สูงวัย มีโรคประจำตัวความดันเบาหวาน  โรคอ้วน หรือแม้แต่คุณพ่ออี๊ฟเองที่มีโรคประจำตัว เป็นมะเร็งแล้วเพิ่งให้คีโม ถือว่าเป็นผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันน้อย คนกลุ่มนี้ก็จะมีความเสี่ยง ในเรื่องของการติดเชื้อลงปอดได้มากกว่า

นอกจากตัวเชื้อโควิดเองแล้ว 2-3 คนที่ อี๊ฟได้ข้อมูลก็คือ บางคนเชื้อโควิดหายแล้วไม่มีเชื้อโควิดแล้วแต่กลายเป็นติดเชื้ออื่นๆ แทรกซ้อนเข้ามาไม่ว่าจะเป็น เชื้อแบคทีเรียหรือว่าการอักเสบที่หมอให้ยาต้าน ภูมิคุ้มกันลดลง เลยทำให้มีเชื้อโรคแบบอื่นเข้ามาทำให้เกิดปอดอักเสบได้ ซึ่งอันก็จะต้องรักษาเชื้อ โควิดอาจจะหมดแล้วแต่หมอก็ยังต้องรักษาปอดเพื่อให้กอดกลับมาเป็นปกติให้มากที่สุด ต้นตอนนี้ก็คือต้องดูแล เรื่องปอด อักเสบด้วยจริงๆแล้วต้นจะต้องออกโรงพยาบาลวันนี้กลายเป็นว่าต้นก็ต้องอยู่รักษา ซึ่งคุณหมอก็ให้ข้อมูลว่า ให้ออกวันที่ 29 พร้อมกัน กับอี๊ฟกับลูก เพราะต้องให้ยาให้ครบก่อน

หลังจากที่ออกไปแล้ว เมื่อกี๊พูดกับคุณหมอว่าออกไปแล้วเราจะต้องกักตัวหรือว่าดูแลตัวเอง อย่างไรบ้างนะคะแล้วอี๊ฟจะมีโอกาสแพร่เชื้อให้คนอื่นอีกไหม  หลังจาก 14 วันแล้วคุณหมอก็ให้ข้อมูลว่าไปแล้วเนี่ยคนป่วยคนที่เคยป่วยจะมีซากเชื้ออยู่ แต่ก็จะไม่แพร่เชื้อแล้ว เชื้อจะเป็นตายแล้วนะคะแล้วก็จะไม่ตรวจ swab แล้ว เพราะว่าอาจจะเจอซากเชื้อที่ตายแล้ว ให้มันขึ้นแต่จริงๆแล้ว ไม่แพร่เชื้อแล้ว ที่เสี่ยงก็คือหลังจากที่เราออกไปแล้ว เราอาจจะหายจากโควิดแต่ร่างกายอาจจะไม่แข็งแรง ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงในการรับเชื้อใหม่ ไม่ว่าจะเชื้อโควิดหรือเชื้อชนิดอื่นก็ตาม

เพราะฉะนั้นคุณหมอก็จะยังขอความร่วมมือให้เรา ออกจากบ้านแค่ตามความจำเป็นนะคะ เมื่อออกไปแล้วเราต้องปฏิบัติตามมาตรการ ก็คือเรายังต้องใส่แมสแล้วก็เว้นระยะห่างล้างมือด้วยแอลกอฮอล์บ่อยสิ่งหนึ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์มากเราควรจะต้องดูแลตัวเองตลอดช่วงเวลานี้นะคะก็คือต้องทานวิตามินเสริมพวกที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันต่างๆวิตามินซี-ดีนะคะ Zinc และเราก็ควรที่จะ รับแดด ไปออกกำลังกายหน้าบ้านรับแดดตากแดดบ้างนะคะเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินดี ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกจากบ้านนะคะ พยายามออกจากบ้านให้น้อยที่สุด เราควรที่จะวัดไข้ตัวเองสม่ำเสมอ ยิ่งถ้าเรามีความเสี่ยงก็ควรจะวัดบ่อยๆ แล้วก็ใช้ออกซิมิเตอร์ ถ้าใครมีก็พยายามบันทึกไว้วันสองวันของเรายังปกติดี อันนี้ก็เป็นเรื่องที่คิดว่าจะต้องทำต่อไปหลังจากออกไป

แล้วอีกเรื่องหนึ่งที่ อี๊ฟอยากจะพูดเอาไว้ ก็คือผู้ที่มีความเสี่ยงมากนะคะที่บอก คนที่สูบบุหรี่คนที่มีโรคประจำตัวที่เป็นโรคทางเดินหายใจผู้สูงวัยผู้ที่มีโรคประจำตัวมีความดันเบาหวานโรคอ้วนนะคะหรือว่าพวกผู้ป่วยที่มีคุ้มกันน้อยค่ะ สิ่งสำคัญมากๆในการรักษานอกจากยาต้านก็คือพลาสม่า คือน้ำเหลืองของผู้ที่เคยป่วยเป็นโควิด ที่เขาบริจาคกันพลาสม่าเนี่ยจะมีส่วนช่วยมากๆในการช่วย เสริมภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วยที่เป็นผู้ป่วยรุนแรง

อี๊ฟต้องบอกว่า พ่อเนี่ยโชคดีเพราะว่าตอนที่คุณพ่อเข้าไปเนี่ยพอหมอทราบว่าคุณพ่อเพิ่งคีโมนะคะคุณพ่อก็เลยได้รับพลาสม่า ซึ่งตอนนี้ได้ยินมาว่าพลาสม่าเนี่ยมีจำนวนน้อยมากค่ะซึ่งพลาสม่าเนี่ยบางคนบางข้อมูลก็บอกว่าดีกว่าวัคซีนอีกนะคะเพราะว่าช่วยผู้ป่วยได้เยอะมากจริงๆการบริจาคพลาสม่าเนี่ยจะสามารถทำได้เมื่อคุณเคยเป็นโควิดหายแล้วหรือหลังจากที่หายแล้วหนึ่งเดือนคุณจะสามารถไปบริจาคพลาสม่าได้ที่สภากาชาดไทย ตอนนี้ทั้งเลือดแล้วก็พลาสม่าขาดมากอี๊ฟอยากให้หลายๆคนพี่เคยเป็นหรือว่าที่กำลังเป็นอยู่ที่รู้ว่าเราหายแน่ๆ วันนึงเนี่ยอยากให้ไปบริจาคพลาสม่าอี๊ฟก็จะไปนะคะ พลาสม่าเนี่ยช่วยผู้ป่วยได้มากจริงๆค่ะแล้วตอนนี้มีคนเป็นเยอะนะคะมีหลายกลุ่มอาจจะมีกลุ่มวัยแบบเราที่มีสุขภาพดีคนที่จะหายนะคะก็สามารถที่จะไปบริจาคพลาสม่าได้

ขอให้เราช่วยกันนะคะเพราะเราไม่รู้ว่าคนที่ป่วยอาจจะเป็นญาติผู้ใหญ่ของเราอาจจะเป็นพ่อแม่เราอาจจะเป็นใครที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พลาสม่าเหล่านี้นะคะบอกได้เลยว่าอันเนี่ยคือช่วยได้มากจริงๆแล้วก็อยากจะให้ทุกคนช่วยกันนะคะให้ความสำคัญกับการไปจากพลาสม่าและเลือด หลักการในการบริจาค ก็คือ ถ้าคุณเคยเป็นผู้ป่วยโควิดหายแล้วหนึ่งเดือนขึ้นไป ร่างกายแข็งแรงดี ก็สามารถไปบริจาคได้ อันนี้คืออยากให้เน้นย้ำ อี๊ฟคิดว่าครั้งนี้มีคนป่วยเยอะขึ้นจริงๆ เราคงมีความเข้าใจแล้วก็เห็น ความสำคัญของของการช่วยเหลือของการดูแลของหมอแล้วก็ยาแล้วก็พลาสม่ากันมากขึ้น ถ้ามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์อีกอี๊ฟจะลงอีกนะคะ

อี๊ฟจะลงอาการของตัวเองหลังจากวันที่ 17 เพราะอี๊ฟลงค้างเอาไว้จะได้เห็นระยะของอี๊ฟว่ามีการเปลี่ยนแปลงของโรคกอย่างไรบ้าง จนมาถึงตอนนี้ที่ปกติแล้ว ก็ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจมาตลอด

ตอนนี้อัพเดทนิดนึง คุณพ่อก็อยู่ในอาการที่ดียังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ไม่มีไข้แล้วก็ไม่ได้ไอมาก มีกระแอมไอนิดหน่อย คุณหมอดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนต้นออกพร้อมกันวันที่ 29 น้องมีบุญปกติดีทุกอย่าง คุณแม่ต้องมาอัดตอนนี้เพราะว่าน้องหลับก็เลย สามารถที่จะพูดยาวๆได้ ก็ขอให้ทุกคนปลอดภัยผ่านพ้นจากโควิด สำหรับผู้ป่วยทุกคนที่ยังอยู่ในโรงพยาบาลขอส่งกำลังใจไปให้ด้วยนะคะขอให้หายเร็วๆนะคะขอให้ทุกคนผ่านพ้นโควิดไปให้ได้นะคะแล้วก็กลับมามีสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมแล้วก็คนที่ไม่เป็นก็ดูแลตัวเองนะคะ อย่าประมาทการ์ดอย่าตกนะคะ ขอให้ทุกคนปลอดภัยแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจที่ผ่านมา ขอบคุณมากค่ะ”

พร้อมเขียนแคปชั่นอัพเดทอาการในแต่ละวันไว้ว่า

26/04/2564

วันนี้จริงๆจะต้องเป็นวันที่ได้ออกจาก hospitel แล้ว เลยอยากขอบันทึกข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์เอามาแชร์ไว้นะคะ ข้อมูลพวกนี้ได้จากการสอบถามเพื่อนๆที่เป็นโควิดที่อยู่ที่รพ.คนละที่ เกิดจากการพูดคุยและสังเกตของอี๊ฟค่ะ ว่าผู้ป่วยที่ลงปอดเป็นยังไง และเกิดจากการสอบถามหมอระหว่างที่อยู่ที่นี่ค่ะ และขอลงอาการของตัวเองจากวันที่ 16จนถึงวันนี้วันที่ 26 ไว้ให้ดูเป็นเคสตัวอย่างว่ามันมีอาการยังไงบ้างของอี๊ฟเองนะคะ

วันที่ 16/ Day6
น้ำมูกเยอะ ไอนิดหน่อย ยังมีผื่น ไม่มีไข้ มีเสมหะและจมูกตันมาก และยังท้องเสีย หมอให้ทาน แก้แพ้ตอนเช้า และ Ropectแก้ไอ, Psudoephrdrine 3เวลา และ Nac Long เช้าและเย็น ทาวิตามิน C, Selenium+Zinc ทุกวัน และ Vitamin D 10,000iu วันเว้นวัน

วันที่ 17/Day7
ท้องเสีย ผื่นยุบลง มีน้ำมูกและไอนิดหน่อย พ่น illiadin ไป จมูกโล่ง มึนหัวและง่วงบ่อย

วันที่ 18/Day8
ทานอาหารไม่ค่อยลง ไม่มีผื่นแล้ว ยังไออยู่ และมีเสมหะไหลอยู่ในคอ เวลาหายใจเข้าลึก จะไอออกมาเหมือนมีแมงมุมอยู่ในคอมันจะคันและทำให้ต้องไอออกมา

วันที่19/ Day9
ทานอะไรไม่ค่อยอร่อย กินน้อย ไอและมีเสมหะ ยังรู้สึกมีแมงมุมในคอ

วันที่ 20/Day 10
อาการเหมือนวันที่ 19 ต้นไปX-ray ปอด

วันที่ 21/ Day11
ไป X-ray ปอด ผลเป็นปกติดี แต่ของต้นพบความผิดปกติ มีฝ้าที่ปอดทั้งสองข้าง  อาการยังเหมือนๆวันที่ 19 ไอเยอะหน่อย นอนไม่หลับ เวลาหายใจรู้สึกจะไอ

วันที่ 22/Day  12
ต้นย้ายไปรพ. ช่วงเที่ยง มีบุญลงไป X-ray ปอดหมอแจ้งว่าผลปกติ วันนี้กินได้ดีขึ้น ไอน้อยลงนิดหน่อย ยังคงถ่ายนิ่มๆ

วันที่ 23/ Day13
ยังไอนิดหน่อย ถ่ายท้องเหมือนเดิม เสียงเริ่มเป็นปกติ ทานได้ดี

วันที่ 24/Day14
เริ่มถ่ายเกือบเป็นปกติ สั่งน้ำมูกได้เยอะ คายเสมหะได้เยอะ คอโล่งขึ้นไอน้อยลง

วันที่ 25/Day15
ยังมีกระแอมๆ นิดหน่อย เริ่มถ่ายปกติ X-ray ปอด ผลปกติดี

วันที่26 /Day16
ถ่ายปกติ และแทบไม่ไอ มีแค่กระแอมๆ

อี๊ฟยังทานวิตามินทุกวัน และยังต้องอยู่จนถึงวันที่ 29เพื่อรอกลับพร้อมลูกค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ #covid19
#sirachayafamily #tonnyvesmeeboon #tonnyvesfamily

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

โพสต์ที่แชร์โดย Yves Sirachaya (@yvessirachaya)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image