เล่าเรื่องหนัง : My Octopus Teacher บทเรียนชีวิตจากหมึกสาย

เล่าเรื่องหนัง : My Octopus Teacher บทเรียนชีวิตจากหมึกสาย

เล่าเรื่องหนัง : My Octopus Teacher
บทเรียนชีวิตจากหมึกสาย

My Octopus Teacher บอกเล่าบทเรียนชีวิตจากเจ้า “หมึกสาย” ใต้ท้องทะเลตัวหนึ่งที่ส่งพลังชีวิตให้กับชายคนหนึ่งได้กลับมามีกำลังใจในการใช้ชีวิตอีกครั้ง หลังกำลังเผชิญภาวะหมดไฟในตัว และเฉยเมยต่อสิ่งต่างๆ รอบข้าง

หนังสารคดีเรื่องนี้เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมมาได้ โดยตัวหนังสารคดีที่ว่ากันตามจริงเกือบจะเป็นหนังสารคดีตามติดชีวิตสัตว์โลกแบบที่เราคุ้นชินตา แต่ที่ทำให้หนังสารคดีเรื่องนี้พิเศษขึ้นมาคือการผูกโยงเข้ากับความนึกคิดและมุมมองชีวิตของคนทำหนังสารคดีเรื่องนี้เข้าไปด้วย

เครก ฟอสเตอร์ เป็นนักสร้างหนังที่เขาตระหนักได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงวัยที่เบื่อหน่ายต่อชีวิตและสิ่งรอบข้าง การมองไม่เห็นเป้าหมายในชีวิต และอาการของเขาที่บรรยายไว้ในสารคดีว่า มีความเหินห่างจากครอบครัวภรรยาและลูก ทั้งที่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างปกติดี

Advertisement

My Octopus Teacher ดำเนินเรื่องอยู่ในท้องทะเลที่แอฟริกาใต้ เล่าเรื่องผ่าน “เครก” ที่นอกจากเป็นนักทำหนังและสารคดีแล้ว เขายังมีทักษะดำน้ำในแบบ Free Dive หรือการดำน้ำแบบอิสระ ที่มีอุปกรณ์แค่ตีนกบ และหน้ากาก โดยการดำน้ำวิธีนี้จะใช้เทคนิคกลั้นหายใจดำลงไป โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนหรืออุปกรณ์ช่วยหายใจอย่างอื่น

“เครก” จมจ่อมอยู่กับตัวเองไปในแต่ละวัน จนวันหนึ่งที่ไม่ได้มีความหมายอะไรนัก เขาคว้าอุปกรณ์ฟรีไดฟ์ไปดำน้ำใต้ท้องทะเล และดูเหมือนว่าโลกใต้ทะเลจะเรียกความสนใจเขาได้ระดับหนึ่ง

ไม่นานจากนั้น “เครก” ค้นพบบริเวณชายฝั่งที่เงียบสงบเชื่อมกับแอ่งทะเล เขาลองดำน้ำลงไปสำรวจ และพบว่าข้างใต้นั้นเป็น “ป่าสาหร่าย” ใต้ทะเล ก่อนจะดำลึกและไกลออกไปอีกนิดก็จะเจอสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์แหวกว่าย ซ่อนตัว บ้างก็แช่นิ่งไปตามสัญชาตญาณ

“เครก” ได้พบ “เธอ” หรือ “หมึกสาย” ตัวใหญ่ที่ใต้ท้องทะเลบริเวณนี้ ความทรงจำแรกที่ “เครก” พบเจ้าหมึกสายตัวนี้ คือภาพบรรดาเปลือกหอยหลากสีหลายแบบ เศษปะการังกำลังจับตัวเกาะกันเป็นทรงกลมแบบลูกบอล ไม่นานทั้งหมดก็กระจายหลุดออกจากกัน และชั่วขณะนั้นก็มีหมึกสายพุ่งตัวทะลวงออกมาจากเปลือกหอยและเศษปะการัง ตวัดหนวดแหวกว่ายน้ำไปอย่างรวดเร็ว คนดูปะติดปะต่อได้ในทันทีว่าเปลือกหอยและเศษปะการังนั้นเกาะเกี่ยวหุ้มตัวหมึกสายไว้ ซึ่งมันเองก็ห่อตัวม้วนเก็บหนวดจนแทบมองไม่เห็นนั่นเอง

ถือเป็นการเปิดตัวพบกันของคนทำหนังสารคดีกับเจ้าหมึกสายได้แบบน่าประหลาดใจเลยทีเดียว แม้จะสงสัยว่าธรรมชาติของพฤติกรรมนี้คืออะไรและจะแปลเจตนาได้อย่างไร แต่หนังสารคดีได้เก็บตอนเฉลยฉากความทรงจำแรกนี้ไว้ในช่วงท้ายเรื่อง ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งไคลแมกซ์ของตัวหนังสารคดี

หลังการพบกันครั้งนั้น “เครก” ถูกชะตากับท้องทะเลส่วนนี้ และอยากจะดำลงไปสำรวจให้มากขึ้น เขาจึงตัดสินใจที่จะให้จุดดำน้ำนี้เสมือนเป็น “แหล่งพักพิงทางใจ” ส่วนตัวของเขาที่จะมาที่นี่ในทุกวัน และที่สุดเขาก็เข้าสู่การตามติดวงจรชีวิต เจ้าหมึกสายตัวนี้อยู่ร่วมปี

แม้จะตอบไม่ได้เต็มปากเต็มคำนักว่า หมึก..สัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังจะมีความนึกคิดผูกพันอะไรได้กับนักดำน้ำที่แวะมาหามันทุกวัน แต่การดำเนินเรื่องในสารคดีก็ทำให้เห็นว่า หมึกสายตัวนี้คุ้นเคยกับ “เครก” มากขึ้นเรื่อยๆ จนมันไม่ว่ายน้ำหนีหรือพรางตัวซ่อนในโพรงหินตามสัญชาตญาณ เมื่อเทียบกับที่มันต้องคอยหนีการถูกไล่ล่าเป็นอาหารของ “ฉลามพาจามา” (Pyjama shark) ที่ถือเป็นนักล่าในห่วงโซ่สูงสุดของท้องทะเลบริเวณนี้

แต่ไม่ว่าหมึกสายจะรับรู้ด้วยสัญชาตญาณใดในความเป็นมิตรระหว่างมันกับนักดำน้ำ แต่ “เครก” บอกว่าการได้ติดตาม สังเกต เฝ้ามอง เป็นห่วง เจ้าหมึกสายตัวนี้ตลอดเวลากว่า 1 ปี ได้เปลี่ยนห้วงอารมณ์อันเหี่ยวเฉา ชีวิตที่ไร้พลังของเขาไปได้อย่างสิ้นเชิง เขาได้เรียนรู้วิถีชีวิตของหมึกสายตัวนี้ถึงกว่า 80% ของวงจรชีวิตมัน ชีวิตหมึกที่อยู่โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ไม่ต่างจาก “เครก” ที่กำลังรู้สึกปลีกตัวเองออกมาจากสังคมมากขึ้นทุกขณะ

แม้โทนเรื่องราวในสารคดีอาจจะถูกมองในแบบฉบับเรื่องของนักทำหนังผู้โดดเดี่ยว กับหมึกสายนักสันโดษจะได้มาเจอกันจนอาจจะดูเป็นมิตรภาพระหว่างคนกับสัตว์ แต่หนังสารคดียังคงเคารพแนวทางการถ่ายสารคดีสัตว์ไว้ได้ “เครก” ไม่ได้ริอ่านจะไปตั้งชื่อเรียกให้เจ้าหมึกสาย เพื่อนรักสัตว์ใต้น้ำที่คุ้นเคยกันมาแรมปี และที่สุดก็ไม่คิดจะก้าวล่วงวงจรชีวิตธรรมชาติ แม้ในยามเพื่อนคับขัน “เครก” ทำหน้าที่เพียงติดตามและสังเกตปรากฏการณ์นั้น ถึงจะมีหนหนึ่งที่เขาฝ่ากฎเล็กๆ อยู่บ้าง แต่ก็เรียนรู้ในที่สุดว่ามันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น

ภาพที่ “เครก” ตามติดชีวิตหมึกสายตัวนี้ที่บางครั้งมันก็ต้องดิ้นรนต่อสู้อย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ขณะที่บางครั้งมันก็เล่นบทนักล่าที่มีทั้งความแม่นยำและพลาดเป้าในบางเวลา

ในฉากสำคัญของหนังสารคดีคือ ฉลามพาจามากำลังไล่ล่าเจ้าหมึกสายอย่างดุเดือด ราวกับกำลังดูหนังแอ๊กชั่นไล่ล่าอยู่ก็ไม่ปาน สารคดีได้บรรยายให้เห็นภาพของหมึกสายที่หนีเอาตัวรอดในหลากหลายวิธี ทั้งหวุดหวิดหวาดเสียว และวางจังหวะราวกับมีการใช้ “กลยุทธ์” หรืออันที่จริงคือ กระบวนท่าจากสัญชาตญาณของหมึกถูกนำมาใช้อย่างครบครันจนจบเหตุการณ์ระทึกนี้ได้อย่างสง่างาม

และฉากพบกันครั้งแรกของเครก และหมึกสายที่เล่าไว้ข้างต้นก็ได้ถูกคลี่คลายปริศนาไว้ในฉากไล่ล่านี้ด้วยเช่นกัน

เรื่องราวใน “My Octopus Teacher” เล่าได้อย่างลึกซึ้งและงดงามในการดำรงชีวิตของสัตว์ใต้น้ำตัวนี้ ผูกเชื่อมไปกับความนึกคิดของ “เครก” ที่ถ่ายทอดออกมาว่าแต่ละวันเวลาที่เขาดำลงไปสัมผัสใต้น้ำ ความนึกคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เจ้าหมึกสายที่ค่อยๆ รู้จักคุ้นเคยกับ “เครก” จนแม้แต่กล้าที่จะว่ายพุ่งตรงเข้ามาเกาะตัวเขาไว้ อาจจะไม่รู้เลยว่า มันได้ให้บทเรียนชีวิตความเข้มแข็ง และพลังใจแก่ชายผู้มีชีวิตห่อเหี่ยวให้ชุบชีวิตตัวเองขึ้นมาได้อีกครั้ง ผ่านชีวิตของหมึกสายที่มีทั้งความเข้มแข็งและความเด็ดเดี่ยวอย่างสง่างาม

ขณะเดียวกันก็ยังส่งไม้ต่อถึงคนดูให้เกิดอารมณ์ร่วมในการอนุรักษ์สัตว์ใต้ท้องทะเลได้อย่างเปี่ยมอรรถรส

ภาพประกอบ Youtube Video / Netflix

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image