อ.ยิ่งศักดิ์รับบางครั้งก็น้ำตาไหล พร้อมเล่าถึงโควิดที่ส่งผลหนัก ประกาศขออีก 3 เดือน ก่อนตัดสินใจใหญ่

 

ครูสอนทำอาหารและพิธีกรคนดัง ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เผยในรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ว่าได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของเชื้อโควิด-19

“งานในวงการบันเทิงก็เหลือน้อยลงจนแทบไม่มี” คนที่ใครๆ ติดปากเรียกว่าอาจารย์ยิ่งศักดิ์บอก พร้อมกับว่าถ้าคิดในแง่ของรายได้ก็เรียกว่าหายไปเยอะ

ขณะที่โรงเรียนสอนทำอาหารก็ต้องปรับมาเป็นเรียนออนไลน์ ซึ่งบอกตามตรงว่ายาก อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดการขาดตอน ก็จำเป็น แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราว

Advertisement

ครั้นพิธีกรถามว่า ที่ผ่านมาธุรกิจที่ทำขาดทุนเกือบ 7 ล้านจริงไหม อ.ยิ๋งศักดิ์บอกว่า “ค่าใช่จ่ายเฉพาะกรุงเทพเดือนหนึ่ง 2 ล้านกว่าบาทหายไปแล้ว เพราะพนักงานที่กรุงเทพมี 50 ที่เชียงใหม่มีไม่ถึง 10 แต่ที่เชียงใหม่บังเอิญอยู่ในห้างสรรพสินค้า ค่าน้ำค่าไฟ เราก็ยังต้องจ่าย ที่เชียงใหม่เดือนหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท แล้วจ่าย 3 แสนบาท โดยไม่มีรายรับมา 16-17 เดือนแล้ว”

หลายคนสงสัยขาดทุนขนาดนี้ไม่คิดจะปิดกิจการบ้างหรือ?

กับคำถามนี้ อ.ยิ่งศักดิ์บอก “เราคิดว่าเรื่องปิดกิจการมันปิดง่าย ยิ่งเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่เอื้ออาทรพนักงาน ก็ประกาศปิดได้เลย ไหลตามน้ำ แล้วก็อ้างโควิด เราทำอย่างนั้นไม่ลง ต้องคิดถึงวันที่เขาทำงานกับเรา เขาอยู่กินกับเรา วันหนึ่งที่โควิดมา เราปิดกิจการให้เขาออก แล้วเขาจะไปทำอะไรกิน”

Advertisement

อย่างไรก็ดี จากสภาพการณ์อย่างนี้ก็คิดว่าจะขอดูสถานการณ์อีกราว 3 เดือน หลังจากนั้นจะคุยกันในครอบครัวว่าอะไรจะเอาไว้ อะไรต้องปิด

“ทำงานมา 40 ปี เริ่มต้นจากเงิน 20,000 บาท ทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด ไม่อาจที่จะบอกว่าเอาเงินที่เก็บมาค่อนชีวิตไปกอบกู้สถานการณ์ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็ใกล้หมดแล้ว ที่ผ่านมาเราจะแบ่งเงินไว้ 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือใช้ในกิจการ ส่วนที่สองคือกันไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ส่วนที่สามถือว่าเป็นเงินของครอบครัว จะแตะไม่ได้”

อ.ยิ่งศักดิ์ยังบอกด้วยว่า ที่ผ่านมาลูกทั้ง 2 คน ก็มาช่วยงานมากขึ้น แต่เมื่อเกิดสถานการณ์อย่างนี้ตนก็ไม่สามารถวางมือได้

“มีวันหนึ่งลูกชายพูดว่า ถ้าป๊าไม่อยู่แล้วโควิดมาแบบนี้ ผมไม่รู้เลยนะว่า จะไปต่ออย่างไร พอเราได้ยิน เข้าใจเลยว่าเขาตกใจ แล้วเราก็คิดว่าเราจะอยู่เฉยๆ จะเกษียณ เราเกษียณไม่ลงเลย ก็ต้องลุกมาช่วยลูก”

ส่วนการที่ลูกมาช่วยงาน มาให้กำลังใจในยามคับขัน อ.ยิ่งศักดิ์ก็ว่า “ถ้าจะพูดว่าน้ำตาตกไหม เราเป็นพ่อนะ เราจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น”

อย่างไรก็ดียอมรับว่ามีน้ำตา

“อย่าเรียกว่าร้องไห้เลย มันไหลออกมาเอง น้ำตาน่ะ เวลาที่นั่งคนเดียวตอนกลางคืน มองสถานการณ์โควิด มองดูการเงินที่ไหลรั่วเหมือนทำนบแตก มองดูรายได้ที่ไม่มีเลย มันแห้งขอด แล้วถ้าต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 3 เดือน  6 เดือน คือถ้าเรารู้ตัวก็จะเป็นอีกอย่างหนี่ง แต่นโยบายภาครัฐไม่เคยให้ความหวัง ให้ความกระจ่าง หรือให้คำแนะนำใดๆ เลยว่าฉันต้องต่อสู้กับโควิดไปอีกนานแค่ไหน คือต่างคนต่างต้องคิดเอง มโนเอง คาดการณ์เอง มันยากนะ”

ในด้านชีวิตส่วนตัว อ.ยิ่งศักดิ์บอกว่า ทุกวันนี้ก็อยู่กับลูก ไม่เคยไปไหน ไม่เคยมีใครมาข้องแวะเกาะแกะในชีวิตเลย แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง

ที่ครองความโสดมากว่า 10 ปี เขาก็ว่า “คนอายุ 70 มันเป็นช่วงที่เรียกว่าเสน่ห์วาย อย่าง อ.ยิ่งศักดิ์มีอะไรน่าเข้าใกล้ตรงไหน พูดตรงๆ ว่าสัญชาตญาณทางเพศ ว่าคนในรุ่นเรา กลิ่นและความรู้สึกในการดึงคนเข้ามามันน้อยลง สิ่งเดียวที่จะดึงคนเข้ามาได้คือเงินที่เขวี้ยงออกไป”

“ก็มีแบบกุ๊กกิ๊กเล็กๆ เข้าใจว่าเขาอาจจะอยากเข้ามาลองของ อย่างเข้ามาในหลังบ้านอินสตาแกรมส่วนตัว ถามว่าอยู่กับใคร เราก็ตอบไปว่าถามทำไมเหรอ เขาก็บอกว่าเผื่อพี่เหงา แล้วฉันก็ตอบเขาไปเลยว่า ถ้าฉันอยากหายเหงา ฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ คนที่ถามก็หายไปเลย เพราะเรารู้เท่าทันคน”

“อาจจะมีบ้างที่ปลื้มคนโน้นคนนี้ มันเป็นเรื่องปกติ เพราะเรานั่งในโซเชียลก็ส่องแอพพ์โน้นแอพพ์นี้ มันก็ไม่ผิดถ้าเราจะเข้าไปในแอพพ์หาคู่ คือมันมีแอพพ์สนุกสนานอะไร เราต้องเข้าไปให้หมด เพราะมันเป็นสิ่งที่พึงรู้ เข้าไปเพื่อรู้ถึงวิวัฒนาการของคนรุ่นหลัง เข้าไปก็เพื่อการเรียนรู้”

เล่าด้วยว่าการเข้าในแอพพ์ดังกล่าวเขาใช้รูปจริง

“ตัวจริง น้องยิ่ง ยิ่งศักดิ์ ไม่เห็นต้องไปแคร์อะไร คือชอบใช้คำว่าน้องยิ่ง มันดูเป็นกันเอง แต่คนที่ทักตอบเขาเรียกฉันว่าอาจารย์ยาย เราก็สนุกขำๆ เป็นความบันเทิงในจิตใจ พอกรุบกริบ ลูกก็เห็นหมด เวลาเราไปทำอะไรกับใคร เพราะเป็นคนไม่ปิด”

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในคลิปนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image